14 ก.ย. 2020 เวลา 14:06 • ความคิดเห็น
น้ำพริกกะปิ ปลาทู ชะอมทอดไข่
เย็นนี้จะกินไรดีวะ..เสียงในความคิดดังขึ้นมาลอยๆ ระหว่างนั่งเบียดอัดอยู่บนรถตู้รับส่งพนักงานของบริษัทฯ ข้าวขาหมูร้านเดิม ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นหน้าเซเว่นฯ ผัดไทยร้านใกล้กัน ฯลฯ ล่องลอยเข้ามาในความคิด แต่ก็ไม่มีร้านไหนชนะใจผมได้ในขณะนั้น แววความเครียดเริ่มเบียดตัวออกมาตามหน้าผากที่เริ่มบีบย่นขึ้นมาเรื่อยๆ ..รถหยุด.. ถึงแล้วอ่ะ!! ในสมองยังคงพุ่งพล่านไปด้วยโจทย์เดิมๆ พร้อมเท้าที่ขยับแทรกกายลงจากรถตู้พาหนะที่พาผมมาถึงยังจุดหมายอย่างรวดเร็ว(เกินไป) ตอนนี้คงต้องหาตัวช่วยเสียแล้ว
"กินไรดีพี่" ผมส่งเสียงถามเพื่อนชายที่ลงรถมาด้วยกัน
"ไม่รู้ดิ..กินไรดีอ่ะ" เขาตอบ.. อ้าววว ตัวช่วยเปลี่ยนเป็นตัวไม่ช่วยทันที!!
"อยากกินน้ำพริกหว่ะ" เขาพูดต่อหลังจากหยุดนิ่งไปเกือบสิบวินาที แววตาแห่งความเบิกบานของผมเริ่มกลับมา เสียงบางอย่างดังแว่วอยู่ในความคิดแต่จับใจความไม่ได้
ผมเอ่ยปากถามออกไปอย่างกึ่งคิดกึ่งผ่าน "เดินเล่นไปตลาดรังสิตกันไหม"
เขาตอบกลับมาพร้อมรอยยิ้ม "เอาดิ"
เราสองคนเดินเคียงคู่กันไป แต่อย่าเพิ่งนึกภาพตามไปว่าเป็นเหมือนสองชายคู่รัก เราไม่ได้จูงมือหยอกล้อกระหนุงกระหนิงกันขนาดนั้น เวลาหกโมงกว่าๆได้พรากร้านค้าน้อยใหญ่ต่างๆไปเกือบหมดแล้ว แต่ความหวังก็ยังคงมีให้เห็น เราสองคนมาหยุดอยู่หน้าร้านน้ำพริกร้านหนึ่งร้านเดียวที่เหลืออยู่ ด้วยตัวเลือกที่มีเหลือให้เลือกไม่มากนัก ผมคว้าที่คีบหนีบปลาทูหนึ่งตัวใส่ตะกร้า ชะอมทอดไข่หั่นแล้วหนึ่งถุง พร้อมเปล่งเสียงใสๆให้แม่ค้าพ่อขายได้ยิน "น้ำพริกกะปิกับข้าวเปล่าหนึ่งถุงครับ" เพื่อนชายที่มาด้วยก็ได้ตัดสินใจเลือกแพ็คเกจเดียวกันแบบไม่เสียเวลา ผมควักแบงค์ร้อยออกมาส่งให้แม่ค้าและได้รับคืนกลับมาสามสิบบาท พร้อมรับสินค้าและเดินออกมาคู่กับเพื่อนชายคนเดิมที่มาด้วยกัน เรามีเรื่องเรื่อยเปื่อยคุยกันมาเรื่อยๆจนถึงหน้าห้อง และแยกย้ายจากไป
ผมทำภาระกิจส่วนตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า และหยิบจานกระเบื้องกับช้อนที่เหมือนวางอยู่นิ่งๆมาหลายศตวรรษ โดยเทียบได้จากการประมาณค่าความหนาของฝุ่นที่เกาะอยู่โดยรอบ "หากฝุ่นกินได้..กูคงไม่ต้องซื้อข้าว" เสียงประชดประชันลั่นออกมาจากปากของผมเอง ผมหยิบอุปกรณ์เหล่านั้นไปชำระบาปจนเกลี้ยงเกลา พร้อมเป็นภาชนะให้อาหารที่แสนโปรดปรานของผม ผมบรรจงวางเรียงปลาทูตัวน้อยกับชะอมทอดไข่ลงในจาน เปิดถุงน้ำพริกกะปิเทลงในถ้วยเล็กๆที่ดูน่ารักเกินไปกว่าที่มันจะมาอยู่ในห้องผมได้ ไม่น่าเชื่อว่าข้าวสวยที่ซื้อมาจะยังคงอุ่นๆอยู่ ผมเทมันใส่จานอีกใบอย่างไร้ความคิด หยิบช้อนตักน้ำพริกจากถ้วยมาคลุกรวมกับข้าวสวยส่วนหนึ่ง วางชิ้นปลาทูที่ถูกฉีกออกมาจากตัวด้วยช้อนพร้อมกับชะอมทอดไข่อีกหนึ่งชิ้น ตักมันเข้าปากและบรรเลงเคี้ยว ..ความรู้สึกเหมือนถูกกระชากออกจากห้องย้อนกลับไปที่บ้านหลังหนึ่ง นึกถึงภาพหญิงวัยหกสิบต้นๆกำลังนั่งตำน้ำพริกตามองทีวีมีรอยยิ้มแง้มอยู่ที่แก้ม ไม่ใช่ความอร่อยของน้ำพริกกะปิที่ผมซื้อมาในวันนี้ทำให้ผมคิดถึงเธอ แต่เป็นเพราะมันเทียบกันไม่ได้เลยต่างหาก!! น้ำบางอย่างไหลมาแฉะแก้มแบบไม่รู้ตัว ผมคว้าโทรศัพท์ที่วางแน่นิ่งอยู่บนที่นอนมากดเบอร์ๆหนึ่งที่ผมไม่เคยโทรออกมานาน(ปกติเธอจะโทรเข้ามาเองก่อน) แต่เป็นเบอร์ที่ผมไม่เคยลืมและมั่นใจว่าจะไม่มีวันลืม
..ตึ้ดด..ตึ้ดด..ตึ้ดด..
"ฮัลโหล ว่าไงลูก"เสียงปลายทางดังขึ้น
"แม่กินข้าวยัง" ผมถามกลับไป
"ยังเลย เดี๋ยวสักพักแระ"เสียงปลายทางตอบกลับมา
"โอเค..กินข้าวกินยาพักผ่อนเยอะๆนะแม่" ผมบอกกำชับเธอ
"จ้า.." เธอตอบกลับ
"ครับ..แค่นี้ละครับ..หวัดดีครับแม่" ผมบอกลาเธอทั้งๆที่เหมือนยังมีบางอย่างที่ผมอยากจะบอกเธออีก
"จ้า..หวัดดีจ่ะ" เธอตอบพร้อมวางสายไป
..เหมือนมีบางอย่างค้างคาอยู่..ผมออกมายืนนิ่งอยู่ที่หลังระเบียงห้องได้สักพัก ผมก็หยิบโทรศัพท์คู่กาย กดไปที่เลขหมายเดิมอีกครั้งหนึ่ง
ตึ้ดด..ตึ้ดด
"ฮัลโหล..ว่าไงลูก"เสียงจากปลายทางแบบเดิมตอบกลับมาอีกครั้งหนึ่ง
"กินข้าวยังแม่" ผมถามคำถามที่เปลี่ยนคำแต่ความหมายเดิมอีกครั้งหนึ่ง
"ยังเลย..แต่ว่าจะกินแล้วเนี่ย" เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงแอบงงเล็กน้อย
"แม่..หนูคิดถึงแม่นะ" ผม..เอิ่ม....!!??
"....จ้าา" เสียงที่ผมรู้ว่ามันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
"กินข้าวเยอะๆนะแม่..หวัดดีครับ" ผมบอกกับกำชับเธออีกครั้งหนึ่ง
"จ้า..หวัดดีจ่ะ".. เธอตอบ
ตึ้ดๆๆๆๆ..โทรศัพท์ยังคงคาอยู่ที่หู แก้มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หัวใจพองโตจัง!!
ขอบคุณน้ำพริกกะปิ ปลาทู ชะอมทอดไข่ ที่รดชาดแสนจะไม่อร่อยของร้านนี้ ที่ทำให้ผมเข้าใจว่า.."ไม่มีอาหารโปรดที่ไหนจะอร่อยและตราตรึงหัวใจผมไปกว่าฝีมือเธอ..แม่"
ยี่สิบแปดซี่
07/01/2013 {ห้องสีชมพู..ประตูสีเทา}
คิดถึง 14/08/2020
โฆษณา