เมื่อวันที่ 2 - 13 กันยายนที่ผ่านมาได้มีโอกาสเข้าร่วมฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ณ ศูนย์วิปัสสนาธรรมสีมันตะ จังหวัดลำพูน (s. n. goenka ဆရာကြီး ဦးဂိုအင်ကာ : 10 day - discourses - vipassana meditation)
.
ด้วยสภาวะการณ์ในปัจจุบัน สื่อโซเชียล แรงกดดัน งาน ธุรกิจ สังคม ความเครียดสะสมและการสอบในตำแหน่งที่ต้องอาศัยสติ สมาธิรวมถึงสภาวะของจิตใจที่นิ่ง เย็น และมั่นคง โดยการแนะนำของ ผศ.นิลฯ ซึ่งจะเรียกว่าพี่ชายฉันนั่นเอง และอีกท่าน รศ.ดร.อรพินทร์ฯ อดีตคณบดีที่อ้นนับถือเหมือนแม่อีกท่านหนึ่ง ทั้งสองแนะนำให้หาเวลา 12 วันเพื่อลองเข้าสู่การอบรมครั้งนี้
.
พี่นิลเล่าให้ฟังคร่าวๆ ในฐานะศิษย์พี่ผู้เข้ารับการอบรมครั้งก่อนขอตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ จากนั้นพี่นิลก็พาไปส่งที่ศูนย์ เหมือนทิ้งไว้กลางป่าแล้วนางก็กลับเชียงใหม่
.
ที่นี่เงียบมาก ไม่มีวัตถุรูปเคารพตามลัทธิความเชื่อใดใด ตั้งอยู่กลางป่า ล้อมรอบไปด้วยภูเขา ไม่มีเพื่อนบ้าน ที่พักมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบในแบบปัจจัย 4 จริงๆ พักเดี่ยว ไม่มีเทคโนโลยีและเครื่องมือสื่อสารใดใด มีอาหารมังสวิรัติที่สะอาดและสมบูรณ์
.
เมื่อฉันไปถึงสิ่งที่โดนริบและล็อคเก็บไว้ในล็อคเกอร์ คือ โทรศัพท์มือถือเครื่องมือติดต่อสื่อสารทุกชนิด สมุด ปากกา หนังสือ สมาร์ทวอทช์ กล้องถ่ายรูป รวมถึงปลดเครื่องลางของขลังที่ติดตัวมาทุกชนิดออก รักษากฎระเบียบที่เคร่งครัด คือ ปิดวาจา 24 ชั่วโมงตลอดการปฏิบัติหลักสูตรจำนวน 9 วัน
.
ฉันเริ่มต้นด้วยการรับศีล 5 อย่างเคร่งครัด และนั่งวิปัสสนา ดูลมหายใจ ควบคุมจิตให้อยู่ในจุดที่โฟกัส หลายครั้งที่ล่องลอยแอบคิดถึงใครบางคน ก็ต้องดึงกลับมาปัจจุบันให้ได้ จากนั้นก็เริ่มสู่การทำกรรมฐานศึกษาสภาวะร่างกาย ความจริงของธรรมชาติที่เป็นอนิจจัง เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ไม่มีตัวฉัน ไม่มีของฉัน แม้แต่ลมหายใจ ความรู้สึก ความทุกข์ ความสุข เรากำหนดเองไม่ได้ทุกอย่างจะเกิดขึ้นเองและไม่นานก็จางหายไป (ต้องลองฝึกถึงจะเข้าใจชัดเจน) การปฏิบัติเช่นนี้มีขึ้นทุกวัน วันละ 12 ชั่วโมงเห็นจะได้
.
ไม่มีการบูชารูปเคารพใดใด ไม่มีการสวดมนต์อ้อนวอน ไม่มีการกรวดน้ำ ไม่มีมนต์คาถาปลุกเสก มีเพียงคำสอนตามแนวทางของพระพุทธเจ้าที่เป็นสากลสามารถปฏิบัติได้ไม่จำกัดว่าต้องลัทธิศาสนาใด โดยอาจารย์ผู้บรรยาย คือ s. n. goenka เชื้อชาติอินเดีย แต่มีสัญชาติพม่า เพราะท่านเกิดและโตที่พม่า ปัจจุบันท่านเสียชีวิตแล้วมีเพียงเสียงคำสอนที่ดังก้องกังวาลไปทั่วศูนย์วิปัสสนาทั่วโลกโดยเฉพาะพม่า อินเดียและประเทศไทย
.
จากเดิมที่มือถือกับหนังสือติดตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ต้องมาอยู่กับตัวเอง กินข้าวนี่นั่งนับใบไม้ที่อยู่ตรงหน้า เดินดูมดที่วันไหนมีขบวนใหญ่แสดงว่าฝนกำลังจะตกหนัก นั่งเล่นต้นไมยราบ คุยกับภูเขา (ภาพที่โพสต์) ที่สอนให้ฉันอดทน แข็งแกร่งไม่ว่าจะร้อนหรือหนาวภูเขาก็ยังนิ่งและมั่นคงอยู่ที่เดิม
.
วันแรกๆ ผ่านไปอย่างทรมาน ไม่น่ามาเลยซึ่ง คืออดีตที่แก้ไขไม่ได้ อีกใจก็คิดว่าเมื่อไรจะได้กลับบ้าน ซึ่งก็คือ อนาคตที่ต้องรอเวลา สุดท้ายฉันก็ต้องอยู่กับปัจจุบัน ฉันก็เลยไหนๆก็มาละ ลองตั้งใจให้จบๆไป และวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จบทั้ง 10 วันกับการอยู่กับตัวเอง วันพระวันโกนก็มีอะไรๆ ให้สงสัยบ้างแต่ปกติก็ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องลี้ลับพวกนี้อยู่แล้ว
.
ฉันได้อะไรมากมายจากที่นี่ที่แน่ๆสติสมาธิที่นิ่ง สงบและมุมมองที่ไม่ได้มีเพียงมุมเดียว ความหนักแน่นและการควบคุมอารมณ์ที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มองทุกอย่างด้วยความคิดที่ว่า...#เดี๋ยวมันก็ผ่านไป ความสุข ความทุกข์ ไม่มีคำว่าตลอดไป วันนี้นาทีนี้ คือ ทำให้ดีที่สุดเพราะวันนี้คือคำตอบของอนาคต
.
ด้วยความเคารพ s. n. goenka
.
#ขอให้ฉันเป็นศูนย์กลางของความรักที่บริสุทธิ์