17 ก.ย. 2020 เวลา 09:24
ที่มาของคำว่า “ เจ้าบ่าว ”
โดยปกติแล้ว คำว่า “ หนุ่มสาว ” “ นางนาย”จะเป็นคำที่ใช้คู่กัน
แต่เคยสังเกตกันมั้ย ทำไมคำว่า “ เจ้าสาว ”
กลับคู่กับคำว่า “ เจ้าบ่าว ”
เจ้าสาว ไม่แปลกใจ แต่เจ้าบ่าว
ทำไมต้องเจ้าบ่าว ทำไมไม่เป็น “ เจ้าหนุ่ม ” !?
มันมีที่มาจ้า...
เพราะในความเป็นจริง ในสมัยครั้งกระโน้นนนนน ผู้หญิงมีอำนาจสูงกว่าผู้ชาย อุต๊ะ!!
อ้างอิงตามกฎหมายลักษณะผัวเมีย ในยุคต้นสมัยอยุธยาซึ่งก็กว่าห้าร้อยปีมาแล้วนั้น มีความว่า...
2
“ ..หากชายใดต้องการแต่งงานอยู่กินเป็นผัวเมียกับหญิง ชายคนนั้นก็ต้องยอมเป็นบ่าวรับใช้ในบ้านของฝ่ายหญิง จนกว่าบรรดาญาติๆของฝ่ายหญิงจะยอมรับ”
ซึ่งการเข้าไปอยู่ในบ้านฝ่ายหญิงเพื่อไปเป็นบ่าวรับใช้นั้น ไม่ใช่กินเวลาเล็กน้อยนะ อาจเป็นห้าถึงสิบปีเลยเชียวล่ะ!!
4
ซึ่งสอดคล้องกับคำคล้องจองเก่าแก่ของไทยที่ว่า หญิงเป็นนาย ชายเป็นบ่าว
อันนี้ก็เพิ่งได้ยินเหมือนกัน ว่าเขาพูดกันมา แบบนี้
เพราะส่วนใหญ่ที่ได้ยินคือ
ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว ...
แฮร่ คนละเรื่องกันแหละ)
 
ไปต่อเรื่องเจ้าบ่าว
1
ภาพจาก happywedding.in.th/th/tips/wedding-photo-studio/pre-wedding/43310
เมื่อชายหนุ่มต้องการจะมีเมีย ก็ต้องยอมเป็นวัวเป็นควายให้อีกฝ่ายใช้ทำงาน และในภาษาลื้อสิบสองพันนา ก็มีคำว่า “ เฮาแฮงโด๋ ต่างควายนา ” แปลได้ว่า เอาแรงตัว ต่างควาย!!
คือเป็นคำพังเพยที่อธิบายว่า ในประเพณีของชาวลื้อ เมื่อหญิงชายจะแต่งงานเป็นผัวเมียกัน ชายก็ต้องไปทำงานรับใช้ที่บ้านฝ่ายหญิง ซึ่งต้องรับใช้พ่อแม่ปู่ยาตายาย ญาติโกโหติกาทั้งหมดของฝ่ายหญิง เมื่อผ่านการทำงานต่างควายจนเป็นที่พอใจแล้วจึงจะได้แต่งงานกัน
2
แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่คงจะถูกใจฝ่ายชายที่เข้าไปเป็นบ่าวอย่างแน่ๆ เพราะในช่วงที่ยอมเป็นวัวเป็นควายเป็นบ่าวให้ใช้งานนั้นนนนน...
 
ผู้ชายสามารถฟิจเจอริ่งจิงกาเบลกับสาวเจ้าได้ คือมีความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยากันได้ ญาติๆมิว่าอะไร สงสัยที่ผู้ชายยอมก็คงเป็นเพราะเรื่องนี้กระมัง🤔
5
ประมาณว่าอยู่ก่อนแต่งนั่นล่ะ สรุปแล้วคือก่อนแต่งงานก็อยู่ด้วยกันและมีลูกได้ด้วยถือว่าไม่ใช่สิ่งที่ผิด ..แสดงว่าการอยู่ก่อนแต่งมันก็มีมานานโขแล้วสินะ
4
แต่!! ถ้าหนุ่มๆคนไหนไม่ได้ความ ขี้เกียจไม่ช่วยงานอย่างเต็มที่ ฝ่ายหญิงก็มีสิทธิ์ไล่ออกจากบ้าน แล้วหาหนุ่มคนไหมมาเป็นว่าที่เจ้าบ่าว..ต่อไป
 
คนในสมัยโบราณถ้าบ้านไหนมีลูกสาว หมายความว่าบ้านนั้นจะมั่งคั่ง ยิ่งมีลูกสาวหลายๆคนจะเข้าขั้นร่ำรวยเลย เพราะจะมีผู้ชายที่จะเข้ามาเป็นลูกเขยมารับใช้ทำงานทำไร่ไถนาเพื่อแลกกับการที่จะเข้าไปเป็นเขย
3
แตกต่างจากสมัยนี้นะว่ามั้ย สมัยนี้เขาบอกว่า มีลูกสาวก็เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน!!
3
คำว่า “ นาง ” หมายถึง หัวหน้า ผู้หญิงเป็นใหญ่
ใช้กับเพศหญิง ความหมายเดียวกับคำว่า “นาย”
ที่ใช้กับเพศชาย
1
คำว่า “ สาว ” หมายถึงวัยรุ่นหญิง
ส่วนคำว่า “ หนุ่ม ” หมายถึงวัยรุ่นชาย
“ เจ้าสาว ” หมายถึง หญิงที่เข้าพิธีแต่งงาน
“ เจ้าบ่าว ” หมายถึง ชายที่จะเข้าพิธีแต่งงาน
1
แล้วทำไม ไม่เรียก “ เจ้าหนุ่ม ” !!
ก็เพราะผู้ชายที่ต้องการแต่งงานนั้นจะต้องไปเป็นบ่าว เป็นขี้ข้า เป็นคนรับใช้ในบ้านของฝ่ายหญิง เมื่อแต่งงานพอถึงพิธีเข้าห้องหอ เจ้าสาวก็จะเป็นผู้เดินนำหน้าส่วนเจ้าบ่าวเดินเกาะหลังตามไป
(นึกภาพในหัวแล้วก็แปลกๆดีเนอะ)
1
และเจ้าสาวนั้นเป็นผู้รับมรดกบ้าน ที่ดิน กับเป็นผู้สืบเชื้อสายของตระกูล เจ้าบ่าวจึงต้องเป็นผู้รับใช้ในบ้านเจ้าสาวตลอดไป
2
คำว่า “ เจ้าบ่าว ”
จึงมีที่มาที่ไปด้วยประการฉะนี้แล...
1
ลักษณะของเรื่องราวนี้ทำให้เห็นว่าในสมัยโบราณ ผู้หญิงจะมีอำนาจมากกว่าผู้ชาย
อย่างประวัติศาสตร์จีนก็เห็นได้ว่า
ฮองเฮา กับไทเฮา ก็มีอำนาจเหนือฮ่องเต้!!
3
แต่การใช้ชีวิตคู่อย่ามองว่าใครใหญ่กว่า
ใครมีอำนาจมากกว่า
จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน...จะดีกว่านะ ว่ามั้ย!!
1
จบจ้า..ขอบคุณที่แวะอ่าน
โฆษณา