18 ก.ย. 2020 เวลา 03:32 • การเมือง
ส่องกลยุทธ์ ม็อบปลดแอก 19 ก.ย. จุดเริ่มต้น นับถอยหลัง ปิดเกมรัฐบาลทหาร
• การชุมนุมใหญ่ 19 ก.ย. ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จะออกมาเป็นรูปแบบใด ระหว่างปักหลักค้างคืน หรือจบภายในวันนั้น อาจขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และคนในสังคมไทยหวังว่าจะไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง
• จากการประเมินของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง จะมีมวลชนร่วมชุมนุมประมาณ 50,000 คน จากครั้งแรกที่มีการชุมนุมบริเวณมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต มีคนเข้าร่วมประมาณ 10,000 คน ส่วนบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มีคนร่วมประมาณ 30,000-40,000 คน แต่ครั้งนี้จะมีกลุ่มมวลชนของพรรคการเมือง และกลุ่มคนเสื้อแดงจากหลายจังหวัด เข้ามาร่วมสมทบด้วย
• เป็นปรากฏการณ์ใหม่ของการชุมนุมที่ครั้งนี้ มีทุกเพศทุกวัย ทั้งเด็กเยาวชน นักเรียนนักศึกษา ไปจนถึงผู้ใหญ่วัยทำงาน และผู้สูงอายุ โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐเชื่อว่าจะไม่มีการปะทะกันรุนแรง เนื่องจากได้มีการเจรจาพูดคุยเบื้องต้นกับระดับแกนนำ และคาดว่าการชุมนุมจะไม่ยืดเยื้อยาวนานหลายวัน
• ขณะที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล จัดเตรียมกำลังควบคุมฝูงชน ระหว่างวันที่ 19-20 ก.ย. รวม 12 กองร้อย แบ่งเป็นดูแลพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จำนวน 3 กองร้อย บริเวณรอบสนามหลวง 6 กองร้อย และรองรับขบวนผู้ชุมนุมที่จะเคลื่อนตัวจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ไปยังทำเนียบรัฐบาล อีก 3 กองร้อย
รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์สาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวกับ "ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์" โดยประเมินว่า การชุมนุมครั้งนี้ของกลุ่ม "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" จะมีการปักหลักค้างคืน แต่ไม่นานเหมือนการชุมนุมเมื่อ 10 กว่าปีก่อน โดยวันที่ 20 ก.ย.จะเคลื่อนขบวนผู้ชุมนุมไปยื่นหนังสือยังทำเนียบรัฐบาลเท่านั้น อีกทั้งบรรดาเครือข่ายกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จะเน้นการชุมนุมเคลื่อนไหวกระจายไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้สอดรับกับการบริหารจัดการชุมนุม และเชื่อว่ามวลชนจะมาร่วมชุมนุมในวันที่ 19 ก.ย.เป็นจำนวนมากประมาณ 50,000 คนขึ้นไป ซึ่งมากกว่าการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา
“เมื่อมีมวลชนจากทุกสารทิศ เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก นั่นหมายความว่า พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ไม่น่าจะรองรับผู้คนจำนวนมากได้เพียงพอในการนอนปักหลักค้างคืน อาจไหลล้นมาพื้นที่สนามหลวง ตรงนี้น่าจับตามองเพราะสนามหลวง เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ เพราะปัจจุบันมีการกั้นรั้ว อาจเห็นการยื้อแย่งพังรั้วเกิดขึ้นระหว่างมวลชนและเจ้าหน้าที่รัฐ และถ้ามวลชนมีมากถึง 5 หมื่นคนขึ้นไป หางขบวนน่าจะไปถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย”
นอกจากนี้แม้ว่าทางผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไม่อนุญาตให้ใช้พื้นที่ตั้งแต่ต้น แต่สุดท้ายแล้วผู้ชุมนุมจะต้องเข้าไปในพื้นที่จนได้ ไม่ว่าจะเป็นวิธีใดก็ตาม เนื่องจากเป็นสถาบันการศึกษา ซึ่งพ.ร.บ.การชุมนุมฯ ไม่สามารถบังคับใช้ หรือปิดกั้น สั่งให้เลิกการชุมนุมได้ แต่ส่ิงที่น่ากังวลมากสุด คือความรุนแรงทั้งฝ่ายรัฐ และฝ่ายผู้ชุมนุม ซึ่งก่อนหน้านั้นนายกรัฐมนตรีได้กำชับเจ้าหน้าที่ไม่ให้ใช้ความรุนแรง ขณะเดียวกันกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม จะทำการตรวจตราอาวุธ และเฝ้าระวัง ไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมก่อความรุนแรง เพราะหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเริ่มความรุนแรงก่อน ก็จะเสียเปรียบ
“ ระวังมือที่สาม จุดไฟความรุนแรง เสี่ยงรัฐประหาร “
ถามว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ จะเกิดการก่อกวนโดยมือที่สาม ต้องตอบว่ามีความเป็นไปได้ทั้งสิ้น เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัยและหาตัวไม่ได้ว่าใครเป็นมือที่สาม มาจากกลุ่มใด จนถูกยกเป็นวาทกรรมเพื่อทำลายฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ขณะเดียวกันมองว่าในโลกยุคปัจจุบัน มีเทคโนโลยีสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นฝ่ายใด ดังนั้นการก่อกวนโดยมือที่สาม อาจไม่ง่ายเหมือนในอดีต
แต่ความเสี่ยงที่มือที่สามจะเข้ามาก่อสถานการณ์ต่างๆ มักเกิดขึ้นในทุกการชุมนุม ซึ่งจะต้องหาทางป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง เพราะหากเกิดความรุนแรงขึ้นแล้ว การจะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปต่อคงไม่ได้ เช่น การพิจารณารัฐธรรมนูญในวันที่ 23-24 ก.ย.นี้ ซึ่งเป็นสิ่งที่กังวลมากสุดหากเกิดความรุนแรง หรืออาจจบด้วยการรัฐประหาร มีความเป็นไปได้ตลอดเวลา แต่เชื่อว่ารัฐประหารไม่น่าเกิดขึ้นก่อนเดือนต.ค. เพราะผู้ดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพ จะเริ่มมีผลในเดือน ต.ค.แทนผู้เกษียณอายุ
ส่วนการชุมนุมครั้งนี้ จะเห็นมวลชนที่มาจากทุกเพศทุกวัย ซึ่งมีแนวร่วมทางอุดมการณ์เดียวกัน ทั้งกลุ่มนิสิตนักศึกษา มวลชนที่เป็นอดีต นปช. กลุ่มเกษตรกรและกลุ่มแรงงาน แต่ก็น่าห่วงในการกำกับดูแลมวลชนอาจทำได้ไม่ง่ายเพราะไม่มีแกนนำ ซึ่งแตกต่างจากอดีตที่มีแกนนำชัดเจน ทั้งกลุ่มพันธมิตรฯ กลุ่ม กปปส. หรือกลุ่ม นปช.
ในส่วนรัฐบาลคิดว่าไม่มีความกังวลในการชุมนุมครั้งนี้ เนื่องจากพยายามปลดล็อกแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น เช่น การจ้างงาน เร่งการจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุให้เร็วขึ้น เพื่อลดพลังการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม และขณะเดียวกันรัฐบาลได้ดำเนินการพูดคุยกับแกนนำผู้ชุมนุมทั้งเปิดเผยและทางลับอยู่แล้ว เพื่อไม่ให้เข้าร่วมในการชุมนุม ทำให้เชื่อว่าการชุมนุมใหญ่วันที่ 19 ก.ย.นี้ เป็นแค่การเริ่มต้น และจะสุกงอมไปต่อได้ น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือน นับจากนี้.
ผู้เขียน : ปูรณิมา
👇 อ่านบทความต้นฉบับ 👇
โฆษณา