18 ก.ย. 2020 เวลา 10:30 • ธุรกิจ
♟ เกม เปลี่ยน ได้ตลอด ♟
การเปลี่ยนแปลง เกิดขึ้น ทุกวินาที
กระต่ายเป็นสัตว์ป่า เวลาเจ็บป่วยจะไม่แสดงออกอาการใดๆ
เพราะธรรมชาติสัญชาตญาณสัตว์ป่า
จะไม่แสดงอาการอ่อนแอเด็ดขาด
ไม่เช่นนั้นจะง่ายต่อการตกเป็นเป้าอาหารของผู้ล่า
คนที่นำกระต่ายมาเลี้ยงและไม่ศึกษาเข้าใจข้อธรรมชาตินี้
จึงมักมองไม่ออกเวลากระต่ายป่วย
บ่อยครั้งที่หลายคนต้องเสียกระต่ายไป
เพราะกว่าจะรู้ว่ากระต่ายป่วย ก็สายเกินกว่าจะรักษาแล้ว
ธุรกิจหลายแห่งก็มีอาการเช่นการป่วยของกระต่าย
คือเก็บอาการของปัญหาหรืออาการเจ็บป่วยของธุรกิจ
เช่นผลกระทบที่เกิดจากการแข่งขันและปัญหาภายใน
ส่งผลให้บริษัทขาดทุนต่อเนื่อง ขาดสภาพคล่องทางการเงิน
หรือ การบันทึกทางบัญชี แสดงตัวเลขสินทรัพย์สูง แต่ความจริงเมื่อดูในรายละเอียดแล้วจะพบว่า ตัวเลขที่สูงเป็นตัวเลขสินค้าคงคลังที่ขายไม่ออก
เหล่านี้คือสัญญาณอาการป่วยแบบหนึ่ง
แต่เมื่อผู้บริหารไม่มีความเข้าใจข้อธรรมชาตินี้ ไม่สังเกตต่ออาการป่วย พอรอยรั่ว ขยายใหญ่จนเกินที่จะควบคุมได้ มันก็สายเกินกว่าจะรักษาไปแล้ว
อีกรูปแบบที่พาสู่ความย่อยยับได้พอกัน ก็คือ
ผู้บริหารทำตัวเหมือนกบในหม้อต้ม
กบว่ายน้ำร่าเริงที่อุณหภูมิปกติ ผิวหนังของกบจะปรับตัวเข้ากับอุณหภูมิความร้อน ของน้ำได้ ในแบบที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นช้าๆ ทีละนิด
กบจึงไม่รู้สึกถึงอันตรายของจุดเดือด เมื่ออุณหภูมิสูงถึงจุดเดือดแล้ว น้ำจะร้อนจัด อุณหภูมิสูงขึ้นแบบพุ่งพรวด เร็วเกินกว่าที่ผิวหนังของกบจะปรับตัวได้ทันเหมือนก่อนหน้า
ผู้บริหารที่ไม่มีวิสัยทัศน์ จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในธุรกิจ แบบครั้งคราว เอาตัวรอดไปที และคิดว่าวิธีแบบนี้สามารถพาธุรกิจอยู่รอดได้
ผู้้บริหารไม่สามารถเข้าใจว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพียงแค่ก้าวแรกไปสู่จุดเดือด ผลสุดท้ายก็ไม่ต่างไปจากกบในหม้อต้มนั้นเอง
ยุคกระแส disruption เกมธุรกิจเปลี่ยนแปลงได้ตลอด ทุกวินาที
การรู้สึกถึงสัญญาณอันตรายและมองเห็นกระแสการพลิกผัน การตอบสนองและ แก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็ว จริงจัง กลายเป็นปัจจัยพื้นฐานของการทำธุรกิจ ไปเรียบร้อยแล้ว
หากผู้บริหารหรือพนักงาน ไม่มีปัจจัยพื้นฐานนี้
ในไม่ช้าธุรกิจก็คงต้องปิดตัวลง อย่างน่าเสียดาย
หนังสือเรื่อง ‘How to Prepare Now for What’s Next’
หรือ ‘ไม่มีที่ว่างในวันหน้า ให้กับคนที่อยู่เฉยๆ’
ให้ข้อแนะนำน่าสนใจหลายข้อ เช่น
• ผู้บริหารต้องรู้จักแยกแยะระหว่าง แนวโน้ม กับ กระแสนิยม แตกต่างกันอย่างไร
(#อธิบายเพิ่มเติม แนวโน้ม จะมีลักษณะเกิดซ้ำๆ มีช่วงเวลาพัฒนาการ เพราะกำลัง ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนในสังคม ในขณะที่กระแสนิยม จะมี ลักษณะเกิดเร็ว ฉาบฉวย มาแรง ไปเร็ว ส่งผลแค่ระดับการมีส่วนร่วมของคนในสังคม ณ.เวลาสั้นๆเท่านั้น #แอดมินเพจ)
 
• กล้าชำแหละธุรกิจของตัวเอง
คำว่าชำแหละนั้นเหมาะสมในบริบทที่สุด การรื้อโครงสร้างการทำงานหรือโมเดล ธุรกิจที่เคยประสบความสำเร็จมาในอดีต ต้องใช้ความกล้าหาญและความสามารถในการชำแหละสูง
สตีฟ จ็อบ เคยพูดว่า ‘หากคุณไม่ยอมชำแหละบริษัทตัวเอง ก็จะมีคนอื่นมาชำแหละให้คุณ’
ไอพอด ก่อนหน้าได้รับความนิยมสูง ยอดขายสูงมาก เป็นอุปกรณ์ฟังเพลงที่ผู้รักดนตรีขาดไม่ได้ จนเมื่อไอโฟนปรากฏตัวในปี 2007 ลูกค้าสามารถฟังเพลงได้จาก ไอโฟนเลย ไม่จำเป็นต้องใช้ไอพอดอีกต่อไป
สตีฟ จ็อป จึงได้เตือนกรรมการในที่ประชุมว่า สมาร์ทโฟนกำลังเข้ามาแล้ว ไอพอดกำลังจะหายไป บริษัทต้องเตรียมการก่อนจะถูกสถานการณ์บังคับ
แต่ก็มีหลายธุรกิจที่กล้าชำแหละตัวเองเช่น เดมเลอร์ (Daimler) หนึ่งในบริษัทผู้ ผลิตรถยนต์ รู้สึกถึงแนวโน้มยุคของรถยนต์ไร้คนขับและธุรกิจแชร์รถยนต์
จึงตัดสินใจลงทุนระบบบริการแชร์รถพร้อมเข้าไปรื้อโครงสร้างการทำงานเดิม เพื่อ ให้รองรับกับโมเดลธุรกิจใหม่ได้
เดมเลอร์ใช้เวลาหลายปีแต่ก็คุ้มค่า เพราะที่สุด เดมเลอร์มีระบบแชร์รถ ประสบความสำเร็จอย่างสูง ชื่อ car2go สามารถทำกำไรจนเข้าซื้อบริษัทเทคโนโลยี mytaxi และ ridescout ได้
ส่งผลให้เดมเลอร์กลายเป็นบริษัทชั้นนำในธุรกิจ ขณะที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์หลายรายไม่สามารถปรับตัวได้ทัน จึงต้องเลิกกิจการไป
ผู้บริหารและพนักงานทุกคน จึงต้องฝึก รู้จักสังเกตและไม่พยายามปิดบังอาการป่วยธุรกิจเหมือนกระต่าย
และ อย่านิ่งนอนใจ ไม่แก้ปัญหาแบบขอไปที หรือไม่แก้แบบชั่วคราว ปล่อยทิ้งให้ สาเหตุปัญหาแท้จริงรอวันปะทุถึงจุดเดือด จนเหมือนกบในหม้อต้ม
หากทุกคนร่วมแรงร่วมใจกันจริง ธุรกิจย่อมมีโอกาสรอด เติบโตต่อไปอย่างแน่นอน
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม หากชอบช่วยกดไลค์ ให้กำลังใจแอดมินด้วยนะครับ
ขอให้ทุกคนมีความสุข และได้พบกับคำตอบที่กำลังค้นหาครับ💕
.
แอดมินเพจ FB:Pick a book Fix your life
ขอบคุณภาพ Photo by JESHOOTS.COM on Unsplash
โฆษณา