19 ก.ย. 2020 เวลา 06:32 • หนังสือ
สู้ในแบบฉบับที่ตัวเองเป็น
‘ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ ‘
นิยายญี่ปุ่นแฟนตาซีจากนักเขียนชื่อ นัตสึคาวะ โชสุเกะ
ผลงานเรื่องนี้ได้รับการแปลมากว่า 15 ภาษาทั่วโลก
ได้รางวัลรองชนะเลิศ Japanese Booksellers Award
ได้รับการยอมรับจากนักอ่านสากลว่ายอดเยี่ยมมาก
เครดิตของหนังสือเล่มนี้ ไม่กล่าวเกินจริงเลย หากใครได้อ่านจบแล้ว
จะอ่านแบบเพลิดเพลิน ผ่อนคลายก็ได้
หรือจะอ่านเพื่อตกผลึกความคิดก็ยิ่งดี
สามารถทำให้เราเข้าใจคนอื่นผ่านหนังสือได้
เรื่องราวของนักเรียนหนุ่มมัธยมปลาย ชื่อ นัตสึกิ รินทาโร่ เด็กกำพร้า พ่อแแม่ อาศัยอยู่กับปู่ที่เป็นเจ้าของร้านหนังสือเก่ามือสองแห่งหนึ่ง
รินทาโร่เป็นเด็กหนุ่มบุคลิก Introvert รักการอ่านหนังสือ อยู่กับตัวเอง ไม่ค่อยมี เพื่อนมาก เมื่อปู่เสียชีวิตกะทันหัน จึงทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกเคว้ง ไม่มั่นใจตัวเอง
ในที่สุดก็ตัดสินใจขายร้านหนังสือ และจะย้ายไปอยู่บ้านป้าเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะ ดูแลได้
ในวันหนึ่ง ก็มีแมวลายส้มปรากฏตัวขึ้น แมวลายส้มพูดได้และมาขอ “พลัง” ของ รินทาโร่ ให้ไปช่วยเหลือ “ชีวิต” หนังสือมากมาย จากศัตรูร้ายกาจที่อยู่ในเขาวงกตทั้ง 4 เขา
 
วงกตที่หนึ่ง : ผู้กักขังหนังสือ
วงกตที่สอง : ผู้ตัดหนังสือขาด
วงกตที่สาม : ผู้ขายหนังสือ
วงกตที่สี่ : จิตวิญญาณแห่งหนังสือ
หากรินทาโร่ไม่ไปช่วย หรือ พ่ายแพ้ ทั้งรินทาโร่และเจ้าแมวสีส้มก็จะติดอยู่ในเขาวงกตนั้นตลอดไป และชีวิตของหนังสือทุกเล่มก็คงสูญสิ้นไปในที่สุด
อ่านพล็อตเรื่องแล้ว แฟนเพจหลายคนอาจคิดว่า
แนวทางการผจญภัยของรินทาโร่ และแมวส้มต่างมิติ ไม่เห็นจะมีอะไรดูแปลก หรือแตกต่างจากนิยายแฟนตาซีอื่น มิหนำซ้ำ สำหรับนักอ่านนิยายก็สามารถคาดเดาตอนจบ ได้ไม่ยากเลย
แล้วทำไมหนังสือเล่มนี้ ยังได้เครดิตมากมาย แค่ความสนุกเพียงอย่างเดียว คงไม่น่าใช่อย่างแน่นอนครับ
หากให้วิเคราะห์ หาคำตอบ
แอดมินคิดว่า น่าจะเป็นเพราะว่า
นอกจากอ่านง่าย สนุก เพลิดเพลินแล้ว ยังสามารถทำให้คนอ่านรู้สึก
“อ่านเรื่องจบ แต่ยังไม่จบการอ่าน” ได้ดีมาก
เพราะถึงตอนจบจะเป็นแบบปลายปิดแล้ว แต่ก็ทำให้ผู้อ่านยังสนใจต่อไปได้ นี้คือคุณสมบัติที่สำคัญของหนังสือดี นั้นเอง
(ตอนจบปลายปิด คือ ผู้เขียนจะเฉลยว่าสุดท้ายเรื่องราวจบอย่างไร ตัวละครจะเป็นอย่างไร ผู้อ่านไม่ต้องคาดเดาต่อ)
หนังสือตั้งคำถามแสนธรรมดาให้คนอ่านคิด
ผ่านบทสนทนา ของรินทาโร่กับผู้อยู่ในเขาเขาวงกตแต่ละลูก
แต่อ่านแล้วกลับรู้สึกเหมือนว่า รินทาโร่กำลังถามตรงมายังตัวคนอ่านเองเลย
เช่น
 
เราอ่านหนังสือไปเพื่ออะไร
เราเอาแต่ซื้อและเก็บหนังสือเต็มตู้ แต่ไม่เคยหยิบมาอ่านหรือเปล่า
เราอ่านหนังสือแบบไหน อ่านแบบคร่าวๆ หรือ อ่านแบบละเอียด
เรากล้าพูดว่าตัวเองเป็นคนรักหนังสือได้อย่างเต็มปากหรือไม่
คำถามเหล่านี้ มาได้ถูกที่ ถูกเวลา คนอ่านหลายคนคงต้องกลับไปคิดทบทวน พฤติกรรม มุมมอง ของตนเองที่มีต่อการอ่าน การซื้อหนังสือ รวมถึงแอดมินด้วยเลยครับ
นอกจากนี้ การสอดแทรกมุมคิด ปรัชญาของคนรักหนังสือ ได้อย่างน่าสนใจและแนบเนียน ไม่ทำให้อึดอัด หรือ ไม่เกิดความรู้สึกว่ากำลังถูกยัดเยียดอะไรบางอย่าง
แม้ผู้เขียนตั้งใจจะฝากเมล็ดพันธุ์ความคิดปลูกลงไปในใจผู้อ่านแล้วก็ตาม
เช่น
“สมัยนี้เรื่องธรรมดากลับตาลปัตร ทุกคนจดจ่อกับการโกหกอย่างมีชั้นเชิง เหยียบหัวคนที่อ่อนแอกว่า และฉวยโอกาสคนที่ลำบาก ไม่มีใครห้ามปราม
ปู่ของเธอเลือกจะเปิดร้านหนังสือมือสองดีๆ เพื่อส่งต่อหนังสือที่มีเสน่ห์ไปถึงคนให้มากที่สุด เพราะถ้าทำอย่างนั้น สิ่งที่ไม่ชอบธรรมก็จะกลับคืนสู่สภาพที่เหมาะสม”
หรือ เราสามารถเข้าใจความทุกข์ของคนอื่นได้จากหนังสือ เป็นต้น
อีกเสน่ห์หนึ่งที่ต้องเขียนถึง บอกแฟนเพจ นั้นคือ หนังสือเรื่องนี้กล่าวถึง ลิสต์รายชื่อวรรณกรรมระดับโลกมากมาย
ซึ่งจะว่าไปก็อาจคล้ายโฆษณา Tie In ในภาพยนตร์แต่ทรงพลังกว่ามาก
เพราะทำให้หลายคนเมื่ออ่านเล่มนี้จบ ก็ออกตามหาหนังสือตามรายชื่อเหล่านั้น มาอ่านต่อกัน (รวมแอดมินด้วย อีกแล้ว)
เช่น
▪️Candide โดย วอลแตร์ (1759) งานเขียนเชิงปรัชญาที่ชวนให้ตั้งคำถามเกี่ยวกับ ความเป็นมนุษย์ในโลกใบนี้
▪️The Brothers Karamazov (1880) โดย ฟีดอร์ ตอสโตเยฟสกี เขียนเรื่องของ 3 พี่น้องตัวแทนของมนุษย์ที่แตกต่างกัน มีทั้งความดีและ ความชั่วร้าย ทำให้ผู้อ่านต้องตั้งคำถามต่อพวกเขา โดยเฉพาะบาปที่ร้ายกาจสุดคือ การทำ ‘ปิตุฆาต’ หรือการฆ่า พ่อแม่
▪️Run Melos Run โดย ดาไซ โอซามุ (1946) หนังสือที่จะบอกให้มนุษย์ทุกคนเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์ ตราบจนชีวิตสูญไป
▪️Pride and Prejudice โดย เจน ออสติน (1813) วรรณกรรมเกี่ยวกับความรัก ความสัมพันธ์ เรื่องราวอันสลับซับซ้อนของผู้หญิงคนหนึ่งในยุคสมัยที่ชายเป็นใหญ่
เป็นต้น
ท้ายสุด สิ่งสำคัญที่สุด ที่ผู้เขียนสื่อมายังผู้อ่านทุกคนนั้นก็คือ
✴️ไม่ว่าเราจะเป็นคนแบบไหน อย่างไร
ขอให้เชื่อมั่น เชื่อในความสามารถของตัวเอง
อย่าประเมินคุณค่าตัวเองต่ำไป
 
จงทำในสิ่งที่ตัวเองรัก รักษาดูแลห่วงใยคนรอบข้างอย่างดีที่สุด
แล้วประตูแห่งโอกาสดีๆ จะเปิดให้เราเข้าไปได้เอง✴️
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่หนังสือเรื่อง ‘ ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ ‘ จะได้รับเครดิตมากมายจากนักอ่าน
ก่อนจบโพสต์นี้ แอดมินยังคาใจอยู่นิดเดียว กับตัวละครตัวหนึ่งใน หนังสือเล่มนี้ คือ แมวลายส้ม
❓คำถามที่คาใจคือ
“ทำไมต้องเป็นแมว และ ใช้แมวลายส้มดำเนินเรื่อง เป็นผู้พารินทาโร่ ไปที่เขาวงกต ผู้เขียนต้องการสื่ออะไรจึงเลือกใช้แมวลายส้มนี้ครับ❓
หากใครอ่านแล้วเข้าใจ หรือ มีความเห็นใดกับเรื่องนี้ รบกวนช่วยบอกแอดมินด้วย นะครับ ขอขอบคุณเป็นอย่างสูงเลยครับ
แล้วพบกันในโพสต์หน้า ว่าจะเป็นหนังสือเรื่องอะไร แล้วจะช่วยแก้ปัญหาอะไรให้กับเรา
หากแฟนเพจชอบ ฝากช่วยกดไลค์ กดแชร์ หรือคอมเม้นต์ใต้โพสต์ เป็นกำลังใจให้แอดมินด้วยนะครับ
ขอให้แฟนเพจทุกท่านมีความสุข และได้พบกับคำตอบที่ค้นหากันครับ💕
ขอบคุณมากครับ
แอดมินเพจ
#ปาฏิหาริย์แมวลายส้มผู้พิทักษ์หนังสือ
ขอบคุณภาพจาก Unsplash.com
โฆษณา