20 ก.ย. 2020 เวลา 03:33 • การเมือง
Lenin ได้กล่าวว่า วิธีที่ดีที่สุดในการทำลายระบบทุนนิยม คือ การทำลายสกุลเงินนั้น ๆ
และ Lenin ได้พูดถึงความเเน่นอนที่จะไม่มีทางล้มล้างพื้นฐานที่มีอยู่ของสังคมได้เเต่การทำลายสกุลนั้นคือเรื่องที่ทำได้
ทำไมวิธีการทำลายระบบทุนนิยมต้องทำลายสกุลเงินของประเทศนั้นๆ
ถ้าสกุลเงินของประเทศใดประเทศหนึ่งอ่อนค่าลงจะส่งผลอะไรต่อคนในประเทศ
Keynes ไม่ได้ค้นหาแหล่งที่มาที่เป็นรูปธรรมที่ใช้ในการสนับสนุนคำพูดของเขาแต่จงใจใช้คำพูดที่กล่าวว่าบางอย่างก็ต้องถูกเปิดเผยซึ่งนั่นก็ฟังดูมีเหตุผลดี
ขณะที่ Frank W. Fetter (2442-2534) เค้าชี้ให้เห็นว่าไม่มีหลักฐานที่ว่า Lenin พูดหรือเขียนคำเหล่านี้จริงและใครก็ตามที่อ้างอิงถึงภาวะเงินเฟ้อของ Lenin จะต้องอ้างถึงความคิดเห็นของ Keynes ด้วย
Lenin มีความเข้าใจดีเกี่ยวกับความโหดร้ายของอัตราเงินเฟ้อที่เกิดจากการพิมพ์ธนบัตรออกมาจำนวนมหาศาล ราคาข้าวที่เพิ่มขึ้น การขึ้นราคาสินค้าที่ใช้ในการดำรงชีวิตค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้น ความระส่ำระสายทางการเงิน การพิมพ์เงินทำให้เกิดความต่างอย่างสุดขั้วของคนที่เข้าถึงสินทรัพย์ทางการเงินเเละคนที่พยายามจะออมเงินก็ยากลำบากเเล้ว
1
Wealth Gap จะยิ่งถ่างออกไป
เงินเฟ้อในราคาสินค้าต่างๆ จะทำให้เกิดปัญหาเศรษฐกิจที่ร้ายแรง นอกจากนี้ยังนำมาซึ่งปัญหาทางการเมืองที่รุนแรง เพราะ เงินเฟ้อทำให้คนส่วนใหญ่ยากจน ลดทอนสถานะทางสังคม ทำลายความฝันที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้น ผู้คนหมดหวังและจะจำใจยอมรับโครงการทางการที่ต่างๆที่ออกโดยผู้นำทางการเมือง
ในช่วงเวลาที่มีอัตราเงินเฟ้อสูง ผู้ปลุกปั่นทางการเมืองมักทำให้ผู้คนเชื่อว่าเป็นตลาดเสรีทุนนิยมต้องรับผิดชอบต่อชะตากรรมของพวกเขา พวกเขาให้คำมั่นว่ากลุ่มสังคมนิยมจะเสนอวิธีแก้ปัญหา เช่น การกำหนดราคา การควบคุมการขึ้นภาษีนิติบุคคล การเก็บภาษีคนรวย และการควบคุมกระแสเงินทุน
มีการกล่าวเป็นที่ชัดเจนว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมสำหรับคนเหล่านี้ที่ต้องการล้มล้างระเบียบทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีอยู่ เพื่อกำจัดทิ้งสิ่งที่เหลืออยู่ในระบบตลาดเสรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งแรงบันดาลใจจากแนวคิด Neo-Marxism
หรือ ลัทธิมาร์กซิสต์เเบบใหม่ที่พัฒนามาจากลัทธิ์มาร์กซิสต์ที่นิยมการปกครองแบบคอมมิวนิสต์
isreview.org
เปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบที่ดีกว่า..
*** จากมาร์กซิสต์ (Marxism) สู่มาร์กซิสต์ใหม่ (Neo’ Marxism) มาร์กซิสต์ใหม่ (Neo’ Marxism) หมายถึง แนวคิดแบบมาร์กซิสต์ ที่มีการปรับปรุงให้ทันสมัยเหมาะสมกับความต้องการในสังคมสมัยใหม่ ***
กล่าวสรุปโดยกลุ่ม Marxism ที่แข็งข้อต้องการโค่นล้มระบบทุนนิยมด้วยการปฏิวัติที่นองเลือด Neo-Marxism ได้ดำเนินตามกลยุทธ์ที่แตกต่างกัน เพื่อต้องการที่จะบรรลุในวัฒนธรรม ศีลธรรม และใช้อิทธิพลครอบงำสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ผู้คนจะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการนำวิธีการปกครองเเบบ
สังคมนิยมมาใช้
Neo-Marxism ได้กล่าวโทษไปที่สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมดในโลก ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ
การว่างงาน ช่องว่างของรายได้ การเหยียดสีผิว ความเสียหายต่อระบบนิเวศ ฯลฯ ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะเราอยู่ในบนระบบทุนนิยม
ในขณะเดียวกัน สังคมนิยมก็กล่าวถึงการแก้ไขเพื่อกำหนดสิ่งต่างๆให้เข้าที่เข้าทาง
เพื่อสร้างโลกที่ดีขึ้น สงบสุข ยุติธรรม และเติมเต็มความต้องการของผู้คนอย่างแท้จริง
1
แน่นอนว่า Inflation Policy มันคือส่วนนึงในการสนับสนุนรัฐบาล อย่างไรก็ตามในประเทศที่มีความก้าวหน้าส่วนใหญ่ อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำเเบบนี้ต่อไป หรืออยู่ในระดับที่ไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน
นโยบายที่กล่าวข้างต้นนี้บ่งบอกคำขวัญที่ว่า
“Milk the cows, don’t kill the cows’’
จะเกิดอะไรขึ้นถ้า Neo-Marxism ถูกนำมาใช้ในการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
เเต่ถ้าพูดจริงๆเเล้วเเนวคิดนี้ก็ดำเนินการได้สำเร็จลุล่วงไปเเล้ว สำหรับแนวคิดของนโยบายทางการเงินของธนาคารกลางโดยพื้นฐานแล้วเป็น Neo-Marxism
ในเเถลงการคอมมิวนิสต์ Karl Marx (1818-1813)
เเละ Friedich Eagles (1820-1878) ได้มีการเสนอวิธีการทั้ง 10 ประการ สำหรับการปฏิวัติรูปแบบ
ทั้งหมดของเศรษฐกิจเเละการผลิต
หนึ่งในนั้นก็คือ “ อำนาจเครดิตต่างๆจะอยู่ในมือรัฐและธนาคารของรัฐหรือธนาคารที่ได้ทุนจากรัฐจะผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว’’
เเนวคิด Neo-Marxism กำลังได้รับความสนใจบนพื้นฐานของนโยบายทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นการศึกษากฎหมายการขนส่งการอนุรักษ์เงินเครดิตต่างๆดังนั้นมันจะสอดคล้องกันถ้าแนวคิดนี้สามารถทำลายความเห็นพ้องต้องกันของพื้นฐานดังกล่าว ซึ่งแนวคิดนี้จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อต่ำลงเเละราคาสินค้าหรือบริการต่างๆก็จะลดต่ำลงเช่นกัน
** พูดง่ายง่ายก็คือ Neo-Marxism จะเข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆที่สร้างขึ้นจากระบบการปกครองก่อนหน้านั้นเองครับ
เหตุผลจริงๆที่จะสื่อก็คือ บริบทการเปลี่ยนแปลงล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐต่อเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ
ในเดือนสิงหาคมปีนี้ Fed ประกาศว่าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อในระยะยาวอยู่ที่ 2% ซึ่งหมายความว่า Fed จะอนุญาตให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น 2% หรือมากกว่า ก็ต่อเมื่ออัตราเงินเฟ้อต่ำกว่า 2% นั่นเอง
Fed กำลังก่อหนี้ในระดับที่สูงมากซึ่งที่ผ่านมาได้มีการเพิ่มปริมาณเงินอย่างมหาศาล
ภายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาปริมาณเงิน M1 ปรับตัวสูงขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
M2 เพิ่มขึ้น 23% จะเห็นได้ว่าปริมาณเงินที่เพิ่มขึ้นไม่ช้าก็เร็วมันจะสะท้อนให้เห็นถึงราคาสินค้าที่สูงขึ้นหรือไม่ก็ราคาสินทรัพย์ที่ถูกทำให้บวมยิ่งขึ้น
สิ่งนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นจากลัทธิ Neo-Marxist โดยตรง
เเต่ Fed เเละ ลัทธินี้ได้กุมความจริงหลายเรื่องที่เกี่ยวกับธนาคารกลางด้วยเช่นกัน ซึ่งแน่นอนเรากำลังเข้าสู่เป้าหมายของ Neo-Marxist โดยการทำลาย
กฎระเบียบของบ้านเมืองตามคำสั่ง เพื่อผลักดันผู้คนให้เข้าสู่ลัทธิสังคมนิยมและสิ่งนี้คือการทำตามสิ่งที่ Lenin ได้กล่าวไว้ วิธีที่ดีที่สุดในการทำลายระบบทุนนิยม คือ การทำลายสกุลเงินนั้นๆ..
ตอนนี้บังได้สร้างซีรีส์อัลบั้มของบทความไว้เเล้ว
สำหรับคนที่สนใจสามารถติดตามอ่าน
ย้อนหลังได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลยนะครับ
ถ้าตลาดหุ้นกำลังจะถล่ม
เราอยู่ในจุดที่ต่ำสุดเเล้วหรือยัง ?

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา