Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
วิพากษ์ประวัติศาสตร์ CRITICAL HISTORY
•
ติดตาม
19 ก.ย. 2020 เวลา 13:15 • ประวัติศาสตร์
ลำนำมู่หลาน
หลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดที่กล่าวถึงตำนานของมู่หลาน (木蘭) หญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นชายออกรบแทนบิดา คือ มู่หลานฉือ《木蘭辭》หรือ "ลำนำมู่หลาน" ภาษาอังกฤษเรียกว่า Ballad of Mulan
มู่หลานฉือถูกบันทึกไว้ใน กู่จินเยฺวี่ยลู่《古今樂錄》หรือ “จดหมายเหตุลำนำในอดีตและปัจจุบัน” เรียบเรียงในราชวงศ์เฉิน (陳) ของยุคราชวงศ์เหนือใต้ (南北朝) คริสต์ศตวรรษที่ 6
ฮวามู่หลาน (花木蘭) ผลงานของ หลูเหยียนกวง (盧延光)
ต้นฉบับดั้งเดิมของกู่จินเยฺวี่ยลู่สูญหายไปแล้ว แต่มีการคัดลอกเนื้อหาไว้ใน เยฺวี่ยฝู่ซือจี๋《樂府詩集》หรือ “ประชุมงานสำนักสังคีต” ซึ่งเป็นบันทึกลำนำและบทกวีตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น (漢) ถึงยุคห้าราชวงศ์ (五代) เรียบเรียงโดย กฺวอเม่าเชี่ยน (郭茂倩) ในสมัยราชวงศ์ซ่ง (宋) คริสต์ศตวรรษที่ 11
กู่จินเยฺวี่ยลู่จัดมู่หลานฉือไว้ในหมวดเพลงออกศึกสมัยราชวงศ์เหลียง (梁鼓角橫吹曲) แต่กำกับไว้ว่าเป็นลำนำโบราณ (古辭) จึงเข้าใจว่าแต่งขึ้นก่อนยุคราชวงศ์เหลียง (梁) นักประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่วิเคราะห์ว่าเป็นลำนำสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ (北魏) หรือ เป่ยเว่ย ในยุคราชวงศ์เหนือใต้
มู่หลานฉือเป็นร้อยกรองความยาวสามร้อยสามสิบสองตัวอักษร เป็นกลอนวรรคคู่ วรรคละห้าตัวอักษร จำนวนสามสิบเอ็ดคู่ บางวรรคมีเจ็ดหรือเก้าตัวอักษร มีเนื้อหาดังนี้
唧唧復唧唧,木蘭當戶織。不聞機杼聲,唯聞女歎息。問女何所思,問女何所憶,女亦無所思,女亦無所憶。昨夜見軍帖,可汗大點兵。軍書十二卷,卷卷有爺名。阿爺無大兒,木蘭無長兄。願為市鞍馬,從此替爺征。東市買駿馬,西市買鞍韉,南市買轡頭,北市買長鞭。旦辭爺娘去,暮宿黃河邊。不聞爺娘喚女聲,但聞黃河流水鳴濺濺。旦辭黃河去,暮至黑山頭。不聞爺娘喚女聲,但聞燕山胡騎鳴啾啾。萬里赴戎機,關山度若飛。朔氣傳金柝,寒光照鐵衣,將軍百戰死,壯士十年歸。歸來見天子,天子坐明堂。策勳十二轉,賞賜百千強。可汗問所欲,「木蘭不用尚書郎,願馳千里足,送兒還故鄉」。爺娘聞女來,出郭相扶將。阿姊聞妹來,當戶理紅妝。小弟聞姊來,磨刀霍霍向豬羊。開我東閣門,坐我西間床。脫我戰時袍,著我舊時裳。當窗理雲鬢,掛鏡帖花黃。出門看夥伴,夥伴皆驚惶。「同行十二年,不知木蘭是女郎」。雄兔腳撲朔,雌兔眼迷離。雙兔傍地走,安能辨我是雄雌。
แปลเป็นภาษาไทยโดยสรุปได้ว่า
มู่หลานกำลังทอผ้าอยู่หน้าประตู เอาแต่ทอดถอนใจจนไม่ได้ยินเสียงกี่ทอผ้า บิดามารดาจึงไต่ถาม มู่หลานตอบว่าเห็นคำสั่งเรียกเกณฑ์ทหารครั้งใหญ่ของข่าน (可汗) สิบสองฉบับ ทุกฉบับมีชื่อบิดา แต่บิดาไม่มีบุตรชายที่โตแล้ว มู่หลานไม่มีพี่ชาย มู่หลานจึงไปซื้อม้าและอานม้าอาสาออกรบแทนบิดา
มู่หลานจากบิดามารดา ข้ามแม่น้ำหวงเหอ (黃河) ผ่านภูเขาเฮยซาน (黑山) เดินทางออกรบนับหมื่นลี้ ผ่านไปสิบกว่าปีได้กลับมาเข้าเฝ้าข่านผู้เป็นโอรสสวรรค์ ข่านทรงปูนบำเหน็จผู้มีความดีความชอบ ถามว่ามู่หลานประสงค์สิ่งใด มู่หลานไม่ขอรับตำแหน่งซ่างซูหลาง (尚書郎 ตำแหน่งขุนนางฝ่ายบริหาร) ขอยืมเพียงอูฐชั้นดีที่เดินทางได้พันลี้พากลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน บิดามารดาพี่สาวน้องชายต่างมาต้อนรับ มู่หลานเข้าห้องนอนผลัดเปลี่ยนชุดทหารเป็นชุดผู้หญิงตัวเก่า ทำผมสวยเหมือนเมฆ แต่งหน้าแบบฮวาหวง (花黄 ทาสีเหลืองบนหน้าผากแต้มลายดอกไม้ เป็นการแต่งหน้าสตรีที่นิยมในสมัยเว่ยจิ้น ราชวงศ์เหนือใต้ มาจนถึงสมัยถัง) เมื่อเปิดประตูออกมาเพื่อนทหารพากันตกตะลึง กล่าวว่า “ออกศึกร่วมกันสิบสองปี ไม่รู้ว่ามู่หลานเป็นสตรี”
วรรคสุดท้ายมู่หลานฉือบรรยายไว้ว่า “กระต่ายตัวผู้กระโดดแต่แรกเริ่ม กระต่ายตัวเมียดวงตาพร่ามัว แต่หากสองกระต่ายวิ่งบนพื้นดินพร้อมกัน อย่างไรที่เราจะแยกตัวผู้ตัวเมียได้”
เป็นการเปรียบเปรยว่ามู่หลานออกศึกเหมือนผู้ชาย จนไม่มีผู้ใดแยกออกว่าเป็นผู้หญิง
จิตรกรรมในสุสานของเซียนเปย
เหตุที่มู่หลานฉือเรียกโอรสสวรรค์ว่า “ข่าน” เข้าใจว่าเพราะแผ่นดินจีนภาคเหนือในยุคราชวงศ์เหนือใต้ปกครองโดยชนเผ่านอกด่าน จึงเป็นข้อสันนิษฐานหนึ่งที่ทำให้เชื่อว่ามู่หลานฉือมีที่มาจากราชวงศ์เหนือ ซึ่งโดยทั่วไปเชื่อว่าคือเว่ยเหนือ
ทั้งนี้ในสมัยราชวงศ์จิ้น (晉) แผ่นดินเป็นจลาจลทำให้ชนเผ่านอกด่านทั้งห้า (五胡) เข้ามาแย่งชิงอำนาจในแผ่นดินจีนภาคเหนือจนแผ่นดินแตกแยกเป็นหลายแคว้น ราชวงศ์จิ้นต้องอพยพลงใต้ไปตั้งราชธานีที่เมืองเจี้ยนคัง (建康) แผ่นจีนเข้าสู่ยุคสมัยที่เรียกว่าสิบหกอาณาจักร (十六國)
ต่อมาอาณาจักรเว่ยเหนือของชนเผ่าเซียนเปย (鮮卑) สกุลทั่วป๋า (拓跋 Taɣbač) สามารถรวบรวมแผ่นดินจีนภาคเหนือได้สำเร็จ จีนเข้าสู่ยุคราชวงศ์เหนือใต้ที่แผ่นดินแบ่งออกเป็นสองส่วน ภาคเหนือปกครองโดยเว่ยเหนือ ภาคใต้ปกครองโดยราชวงศ์ที่สืบต่อจากจิ้น
4
มีผู้สันนิษฐานว่าการเรียกเกณฑ์ทหารครั้งใหญ่ของข่านในมู่หลานฉือ อ้างอิงจากรัชสมัยจักรพรรดิไท่อู่ตี้ (太武帝) แห่งเว่ยเหนือ (ครองราชย์ ค.ศ. 423-452) ซึ่งต้องทำสงครามกับชาวโหรวหราน (柔然) ที่ก่อตั้งอาณาจักรอยู่ในดินแดนมองโกเลียทางเหนือของจีนถึงสิบสามครั้ง
จิตรกรรมเคลือบน้ำมันบนฉากกั้นไม้ พบในสุสานสมัยราชวงศ์เว่ยเหนือ
เรื่องราวของมู่หลานที่ปลอมเป็นชายออกรบแทนบิดาจะเป็นจริงหรือไม่ตอบได้ยาก เพราะปรากฏลำนำทำนองนิทานหรือตำนานเท่านั้น แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะได้ “เค้าโครง” จากเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์
ทั้งนี้มีการวิเคราะห์ว่าในสมัยสิบหกอาณาจักรและราชวงศ์เหนือใต้ที่แผ่นดินจีนภาคเหนือได้รับอิทธิพลของชนเผ่านอกด่านเข้ามาผสมผสานมาก อาจทำให้ผู้หญิงในสมัยนั้นมีขนบธรรมเนียมปฏิบัติที่ผิดแผกไปจากจารีตของชาวฮั่น จึงเป็นไปได้ที่จะมีผู้หญิงที่ไปออกรบ ทั้งนี้ในประวัติศาสตร์จีนก็มีบันทึกเรื่องราวของสตรีหลายคนที่นำทัพออกศึกไม่ต่างจากผู้ชาย
บรรณานุกรม
- Sun, Xiaosu (2008) Mulan on Page and Stage: Stories of Mulan in Late Imperial China. Master's Thesis, University of Pittsburgh.
- 郭茂倩: 《樂府詩集》卷二十五,
https://zh.wikisource.org/zh-hant/zh-hant/樂府詩集/025卷#梁鼓角橫吹曲
, accessed July 11, 2019
-《木蘭詞》- 南北朝逸名著,
http://www.tsoidug.org/Literary/Mulan_Ballad_Comp.pdf
, accessed July 11, 2019
หมายเหตุ : บทความทั้งหมดเรียบเรียงโดยผู้ดูแลเพจวิพากษ์ประวัติศาสตร์ ผู้ดูแลเพจขอสงวนสิทธิไม่อนุญาตให้นำข้อมูลที่เผยแพร่ในเพจไปแก้ไข ตัดทอน ดัดแปลง คัดลอก ทำซ้ำ หรือเผยแพร่ต่อด้วยวิธีการใดๆ ทั้งสิ้น และห้ามนำไปแสวงหาผลกำไรทางพาณิชย์โดยเด็ดขาด หากมีความประสงค์จะขอบทความของเพจวิพากษ์ประวัติศาสตร์ไปเผยแพร่ต่อด้วยวิธีการใดๆ ก็ตามต้องได้รับการยินยอมจากผู้ดูแลเพจวิพากษ์ประวัติศาสตร์ในทุกกรณี ยกเว้นแต่การ "แชร์ (share)" ที่สามารถกระทำได้โดยไม่ต้องขออนุญาต
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย