20 ก.ย. 2020 เวลา 08:58 • นิยาย เรื่องสั้น
Ep.15 เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า
ภาพประกอบ พงษ์ บาติก
วันนี้ผมกับแม่ออกจากบ้านแต่เช้า เดินไปไร่บนเขาที่ห่างจากบ้านเกือบห้ากิโล เราไม่ได้ไปทำไร่แต่จะไปเก็บฝักเหรียงที่อยู่ในป่า ไม่ห่างจากบริเวณไร่มากนัก แม่ไม่ได้คดข้าวห่อไปด้วย เพราะกะว่าไปไม่เกินเที่ยงก็กลับ ในมือจึงมีแค่เพียงมีดพร้าคนละเล่มกับถุงปุ๋ยสามสี่ใบ
เรื่องมีดพร้าพ่อมักกำชับเสมอว่า เข้าป่าอย่าลืมพร้า เพราะมีเหตุจำเป็นอันใด ก็สามารถนำมาใช้ ได้ทันที ทั้งป้องกันตัวและหาอาหาร ส่วนน้ำดื่มก็สามารถไปหาในห้วยข้างหน้า เพราะสมัยนั้นน้ำยังใส สะอาดจนนำมาดื่มกินได้ ผมเดินคุยกับแม่ถามโนน่นี่ไปเรื่อยๆ
พอพ้นเขตบ้านคนในช่วงแรก เส้นทางก็เป็นป่ารกทึบ มีต้นไม้ใหญ่เต็มสองข้างทางไปตลอดสาย ทางเดินก็แคบแค่คนเดินสวนกันได้ บางช่วงก็ผ่านไร่ชาวบ้านเตียนโล่งมีขนำเล็กๆ ตั้งเด่นกลางไร่ บางช่วงก็รกครึ้มจนอากาศเย็นน่ากลัว เดินไปก็แวะมองผีเสื้อสีสวยไปพลาง ดูกระรอกวิ่งไล่บนยอดไม้ไปพลาง บางที่เจอนกเปล้าตัวเขียวจับกิ่งกินลูกไทร ก็ทดลองความแม่นด้วยหนังสติ๊กคู่ใจ แต่มันก็อยู่สูงเกินไปจึงไม่สามารถสอยมันลงมาได้ มัวแวะนู่นนี่จนแม่ต้องตะโกนเรียกให้เร็วๆ หน่อยเดี๋ยวก็แดดร้อนกันพอดี
เสียงชะนีเริ่มเงีบหายไปเมื่อแสงแดดเริ่มกล้าขึ้น แม่เดินนำพาผมเดินตัดไร่ผ่านเข้าไปในแนวป่าทึบ แสงแดดโดนบังทันทีเมื่อเข้าใต้เงาต้นไม้ใหญ่ ยุงนับร้อยก็เริ่มบินไปมาต้อนรับ ต้องหักกิ่งไม้เล็กๆ มาคอยพัดวี แม่เดินนำอย่างชำนาญทาง เพราะต้นเหรียงต้นนี้แม่เคยมาเก็บฝักหลายครั้งแล้ว
เราต้องไต่ลงลำห้วยที่มีน้ำแห้งขอดเว้นช่วงเป็นบึง เมื่อลงไปยืนกลางลำห้วย ตลิ่งก็สูงจนเลยหัว ห้วยนี้ชื่อบางแขวนหม้อ ยามหน้าฝนน้ำก็สูงจนเกือบเต็มตลิ่ง มีปลาหลายชนิดชุกชุม พ่อเล่าว่าที่ชื่อบางแขวนหม้อเพราะสมัยก่อนมีพวกตัดหวายเข้ามาตัดหวายไปขาย เอาข้าวห่อหม้อแกงที่พามาแขวนไว้ริมคลองแห่งนี้ ส่วนสิ่งของที่มดแมลงจะมารบกวน ก็ตัดไม่ง่ามไปปักในน้ำ แล้วนำข้าวของเหล่านั้นไปแขวนไว้ กันมด จากนั้นบุกป่าไปตัดหวายโดยไม่ต้องหอบหิ้วข้าวห่อไปด้วย พอตอนเที่ยงก็จะกลับมานั่งกินข้าวที่แขวนเอาไว้ ล้างถ้วยชามเสร็จสรรพ เลยพูดติดปากกันว่าบางแขวนหม้อ
เดินข้ามลำห้วยมาแป๊ปเดียว ก็มาถึงต้นเหรียงที่หมายตาไว้ ยังไม่ถึงโคนต้นของมันด้วยซ้ำ ก็เริ่มพบฝักเหรียงหล่นอยู่ทั่วไป เพราะความใหญ่โตของกิ่งที่แผ่ออกมา เราก็เริ่มลงมือเก็บใส่กระสอบทันที
เหรียงที่เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ฝักและใบคล้ายต้นสะตอ แต่ต้นสูงใหญ่กว่า โคนต้นมีพูพอนี้เป็นแฉกรอบต้น ฝักแก่ที่หล่นลงมามีสีดำ รูปร่างคล้ายฝักสะตอ แต่มันแข็งและใหญ่กว่ามาก หักดูด้าน ในก็จะมีเนื้อสีขาวคล้ายแป้ง หอมน่ากิน ห่อหุ้มเม็ดสีดำด้านในเอาไว้ ซึ่งเม็ดสีดำด้านในนี่แหละ ที่แม่จะเอาไปตัดด้านหัวออกนิดนึงแล้วเอาไปเพาะในทราย หรือแกลบ รดน้ำสักสองสามวัน พอมันเริ่มแตกหน่อ ก็เอาไปขายหรือเป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือผัดเผ็ดก็ได้
ป่าบริเวณนี้ยังรกมากมีใบไม้กิ่งไม้แห้งหล่นมาทับถมกันเป็นเวลานาน การเดินเข้าไปเก็บก็ลำบากบางฝักก็หล่นอยู่ใต้กิ่งไม้แห้ง บ้างก็ค้างอยู่บนต้นไม้ ผมเก็บในส่วนที่พอเก็บได้ ให้แม่เก็บในส่วนที่รกและอยู่สูง ฝักเหรียงเมื่อเอาเปลือกฝักสีดำออกไป ก็จะเจอกับเนื้อหุ้มเมล็ดเป็นแป้งสีขาว เด็กๆชอบเอาไปทำเป็นขนมวุ้นกินเล่น
โดยนำเนื้อในสีขาวไปขยำในน้ำดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ คั้นเอากากทิ้ง ได้ที่ก็ใส่น้ำตาลทรายให้พอหวานๆ คนให้น้ำกับน้ำตาลละลายเข้ากัน จากนั้นก็นำน้ำปูนใสมาเทใส่นิดนึง แล้วก็เทส่วนผสมทั้งหมดใส่ในถาดหรือถ้วย แล้วไปนำไปตากแดด ไม่เกินห้านาที่เรา ก็จะได้วุ้นใส ๆ ที่ทำจากฝักเหรียง สามารถตัดแบ่งเป็นชิ้นได้เหมือนวุ้นจริงๆ รสชาติแปลกไปอีกแบบ เป็นวุ้นฝักเหรียงที่รสชาติไม่มีใครเหมือน ในสมัยนั้น ขนมของขบเคี้ยวมีไม่มาก จึงไม่มีใครมาเปรียบเทียบเรื่องความอร่อย
ดวงอาทิตย์เริ่มเกือบตรงหัวแล้ว เสียงจักจั่นเริ่มตะเบ็งเสียงแซ่งแซ่ระงมป่า กระสอบปุ๋ยของผมเต็มแล้ว ส่วนของแม่ได้สองกระสอบ มองสำรวจไปรอบต้นเหรียง เราเก็บได้เนื้อที่ไปประมาณครึ่งต้นเอง แม่บอกให้พอแค่นี้ก่อน ค่อยมาเก็บวันหลัง แม่มัดปากกระสอบด้วยเถาวัลย์ที่หาได้แถวๆ นั้น ตัดต้นไผ่มาทำเป็นคานหาบ เอากระสอบฝักเหรียงสอดเข้าคานหัวท้ายแล้วออกเดินส่วนผมแบกกระสอบเล็กขึ้นบ่าเดินตามหลัง
ไม่นานก็ดินมาถึงริมห้วยบางแขวนหม้อ แม่วางคานหาบ บอกให้ผมไปวักน้ำลูบหน้าลูบตัวแก้ร้อน บริเวณตรงนั้นน้ำแห้งแบ่งเป็นสองบึง มีน้ำไหลคอดระหว่างบึงนิดหน่อย ผมกับแม่นั่งวักน้ำลูบหน้าอยู่คนละบึง
ผมก็นั่งสำรวจบริเวณมองไปรอบ ๆ บึง มีทั้งขี้มูสังกองใหญ่ ที่มีเมล็ดผลไม้ดำๆ ผสมอยู่บนริมตลิ่ง และขี้นากกินปลาสองสามกองริมบึง ส่งกลิ่นโชยมาเบาๆ มองในบึงน้ำก็เห็นปลาเล็กหลายชนิดว่ายอยู่น่าเพลิน แม่บอกให้นั่งรอแถวนี้ พลางเดินหายลับเข้าไปในป่าข้างๆ ที่จะทะลุไปออกไร่ไร่หนึ่ง อึดใจก็กลับออกมาพร้อมมะละกอสุกใบเขื่อง จัดการใช้พร้าผ่าออกเป็นเสี้ยวตามยาว ส่งมาให้ผมแทะทั้งเปลือก เป็นผลไม้แก้หิวได้เป็นอย่างดี
กินเสร็จแล้วก็วักน้ำล้างมือล้างปาก ผมผุดลุกขึ้นยืน ปลาใหญ่ตัวหนึ่งก็ตกใจทะลึ่งตัวพรวดโผล่พ้นน้ำ แล้วว่ายฉิวไปทางร่องคอคอดรอยต่อของบึง ไปทางที่แม่ยืนอยู่ ผมชี้มือตะโกนปลาๆ แม่ก็เร็วเหลือเกิน คานหาบที่อยู่ในมือฟาดปับไปที่ตัวปลาอย่างแรง มันก็ชะงักดิ้นพราดๆ ผมวิ่งตามมาฉวยพร้าที่ปักอยู่ริมตลิ่ง ฟันฉับลงไปทันที ก่อนที่มันจะได้สติข้ามพ้นไปอีกบึงนึง ปรากฏว่าเจ้าปลาโชคร้ายเกือบขาดสองท่อน นอนนิ่งอยู่ระหว่างรอยต่อของบึง
มันเป็นปลายี่สกขนาดเกือบสองกิโลเลยทีเดียว แม่ชมผมเป็นการใหญ่ เมื่อเห็นขนาดของตัวปลา บอกว่าวันนี้โชคดี ได้อาหารมือเย็นโดยไม่ต้องออกแรงหาให้เสียเวลา ว่าแล้วแม่ก็จัดการผ่าต้นไผ่ ปาดเอาเปลือกไผ่ประมาณแค่คืบ ใช้แทนมีดมาขอดเกล็ดผ่าท้องตรงริมห้วยตรงนั้นเลย
ตะวันตรงหัวแล้ว แม่เดินนำหน้า ผมสะพายกระสอบเล็กเดินตามหลัง อีกมือก็หิ้วปลายี่สกตัวเขื่องออกเดินด้วยความดีใจ ผ่านป่าใหญ่จนทะลุบ้านคน ใครผ่าน ใครถามได้ปลามายังไงตัวใหญ่จัง ก็จะตอบว่าใช้พร้าฟันเอา แล้วยิ้มด้วยความภูมิใจไป พลางนึกถึงคำพ่อที่ว่า “เข้าเถื่อนอย่าลืมพร้า เข้าป่าอย่าลืมปืน”
โฆษณา