Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
A
A major 🎶
•
ติดตาม
8 ต.ค. 2020 เวลา 12:06 • ดนตรี เพลง
เพลงธรรมะแนว Bossa Nova
ที่จอดหัวใจ… ไร่เชิญตะวัน :: เพลงธรรมะ จากลายมือ และเสียงร้องของเก่ง อธิป
“จริงๆ คำว่าธรรมะของผม มันไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งท่ีเก่าเสมอไป มันเป็นอะไรท่ีอินเทรนด์ มันเทรนดี้ได้” เก่ง อธิป กล่าวถึง “ธรรมะ” ในมุมมองของคนรุ่นใหม่อย่างเขา
เก่ง อธิป และเหล่าสามเณร ณ ไร่เชิญตะวัน จ.เชียงราย
ทุกวันน้ี... จะมีศิลปิน คนทำเพลง คนรุ่นใหม่สักกี่คนที่จะให้ความสนใจที่จะแต่ง เรียบเรียง ขับร้องเพลงของตนในเนื้อหาไปในทางธรรมะในเมื่อ “เพลงรัก” เป็นเพลงตลาด ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับมากกว่า สร้างรายได้มากกว่า แถมผู้ฟังก็ซึมซับ และย่อยข้อความหรือสารจาก “เพลงรัก” ได้ง่ายกว่า “เพลงธรรมะ” เป็นไหนๆ นี่เป็นคำถามตั้งต้นของเรา ก่อนที่เราจะติดต่อขอสัมภาษณ์เก่ง อธิป หนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่สนใจทำเพลงธรรมะออกมา
เก่ง อธิป เป็นทั้งนักร้อง นักดนตรี ครูสอนร้องเพลง นักพากย์ นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์เพลง
และพิธีกร ที่น่าสนใจและสะดุดใจเรามากที่สุดคือ เขาเป็น “ธรรมคีตศิลปิน” ด้วย
“คือด้วยการที่ผมเป็นศิษย์ของท่านพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี อยู่แล้ว ผมเลยหยิบเอาประโยคสั้นๆ จากคำสอนของท่านพระอาจารย์มาร้อยเรียงเป็นเพลง ให้เป็นแนว Bossa Nova ให้เป็นแนว Pop วันรุ่นก็จะเข้าถึงได้ง่ายขึ้นครับ” เก่งเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการแต่งเพลงธรรมะในแนวของเขาเอง
[ติดตามอ่านเรื่องที่เกี่ยวข้อง “เรื่องเล่าของเก่งอธิป ธรรมะ และไร่เชิญตะวัน” ได้ที่
https://www.blockdit.com/articles/5f2cd8cb8156500c916d1aad
]
“สำหรับผม… ธรรมะคือ ธรรมชาติ ความสบาย ความชิลล์ครับ”
เราขอให้เก่งเล่าถึงเพลงธรรมะของเขาซักเพลงหนึ่งให้ฟัง ก่อนที่เขาจะเล่า เขาร้องเพลงให้เราฟังก่อน เพลงๆ นั้นชื่อว่า “ที่จอดหัวใจ… ไร่เชิญตะวัน” ด้วยความที่เรารู้จักสถานที่ “ไร่เชิญตะวัน” อยู่แล้วว่าคือ ศูนย์วิปัสสนาสากล ของพระเมธีวชิโรดม (ว.วชิรเมธี) ซึ่งตั้งอยู่ที่จังหวัดเชียงราย และทราบว่าเก่ง เคยบวชเป็นพระเมื่อช่วงเดือนกันยายน ถึงตุลาคม ปี 2559 และได้ไปจำพรรษาอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลาหนึ่ง เราเลยเข้าใจว่า เก่งคงแต่งเพลงนี้ขึ้นเพื่อถวายเป็น “คีตธรรมะ” ให้แด่ท่านพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี นั่นเอง
🎶 เพลง “ที่จอดหัวใจ... ไร่เชิญตะวัน”
หากเธอเหนื่อยล้า หากเหนื่อยหัวใจ ให้เธอหลับตาลง แล้วหายใจเข้าออก
ถ้าเธออยู่ในเมืองที่วุ่นวาย ให้มาพักหัวใจที่ตรงนี้ ให้ที่แห่งนี้ เป็นที่ที่รวมหัวใจ
ที่นี่คือที่จอดหัวใจ ที่นี่คือไร่เชิญตะวัน ทุกเช้าจะมีแสงธรรมที่นำเราก้าวไป
กลางคืนจะมีแสงดาว ส่องแสงพร่างพราวสว่างในใจ
หากเราเข้าใจ… จะสุขสดชื่นรื่นเย็นเมื่อเห็นธรรม 🎶
เก่งเล่าว่า “จริงๆ แล้ว… เพลงนี้ผมหยิบเอาคำสอนของท่านพระอาจารย์ที่บอกว่า ‘เมื่อทุกข์กระทบ ให้ธรรมกระเทือน’ มาใส่ไว้ในตอนต้นของเพลงครับ แล้วผมก็ครีเอทต่อเองว่าจะทำยังไงให้เพลงมันเข้าสู่วัยรุ่นได้ง่าย หรือว่า เป็นแนวๆ ที่เราฟังแล้วเรารู้สึกชิลล์กับมันได้”
เก่ง อธิป ในโอกาสที่ได้ไปนมัสการพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ที่ไร่เชิญตะวัน
“ผมอยากให้เพลงออกมาแบบ… มีธรรมะสอดแทรกอยู่เบาๆ ในเนื้อเพลง และจริงๆ ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นธรรมะโดยตรงเสมอไปนะครับ ผมว่าเพลงที่ดี ต้องเป็นเพลงที่กลืนและไหลเข้าหาจิตใจของคนฟังง่ายมากๆ ครับ”
“ในเพลงนี้ จะมีอยู่วรรคนึงคือ ‘หากเธอเหนื่อยล้า หากเหนื่อยหัวใจ ให้เธอหลับตาลง แล้วหายในเข้าออก’ ตรงนี้มันก็คือ อานาปาณสติ แต่เราไม่ต้องใส่คำว่า อานาปาณสติเข้าไป”
เก่งบอก ซึ่งพอเราย้อนกลับไปอ่านเนื้อเพลงที่จดไว้ ก็เออ… จริงด้วย เมื่อสักครู่นี้ ตอนที่เรากำลังฟังเพลง เราก็คิดตามเนื้อเพลงไปแล้วโดยไม่รู้ตัว
แล้วทำไมถึงเลือกใช้ทำนองแนว Bossa Nova ในเพลงธรรมะล่ะ - เราถามเก่ง
เก่งตอบมาว่า “ในตอนแรกที่ผมได้ยินคำพูดวรรคนึงจากท่านพระอาจารย์ว่า ‘เมื่อทุกข์กระทบ ให้ธรรมกระเทือน’ ผมรู้สึกว่า คำว่า กระเทือน มันมี beat มันมี rhythm ในคำว่า กระเทือน น่ะครับ และผมก็รู้สึกว่า จริงๆ แล้วอยากเริ่มต้นอะไรที่มันคล้ายๆ มันเหมาะกับไร่เชิญตะวัน เพราะคำว่า เชิญตะวัน มันหมายถึง ตอนเช้า ควรจะเป็นอะไรที่สดใส ควรจะเป็นอะไรที่มี beat หักล้างถึงความรู้สึกและความเชื่อของคนทั่วไป ที่มักจะคิดว่าเพลงธรรมะจะต้องเป็นเพลงที่แบบช้า เนิบ เยือกเย็น เราแปลงธรรมะให้มีจังหวะ แล้วทำให้คนเข้าใจถึงจังหวะที่มันวิ่งไป วิ่งไป วิ่งไป และสนุกสนานกับจังหวะตรงนั้นได้ครับ ผมเลยอยากทำให้คนเข้าใจธรรมะในแง่มุม ความสดใส แง่มุมแบบทัศนคติเชิงบวก ก็เป็นธรรมะเชิงสร้างสรรค์ได้ครับ” เก่งยิ้ม เมื่อพูดจบ
เราถามเก่งว่า เริ่มเขียนเพลงธรรมะตั้งแต่เมื่อไหร่ เก่งตอบว่า “จริงๆ ผมเริ่มเขียนเพลงธรรมะตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยแล้วครับ ก่อนที่ผมจะบวชไปหลายปีอยู่นะครับ”
เก่งยังเล่าต่ออีกว่า “จุดเริ่มต้นของการเขียนเพลงธรรมะของเขาคือครอบครัว ที่ปลูกฝังเขาในเรื่องพระพุทธศาสนาและการทำบุญมาตลอด ทำให้เขามีความคิดและมุมมองในด้านนี้
“ด้วยความที่ครอบครัวของผม โดยเฉพาะคุณพ่อคุณแม่ชอบพาลูกๆ เข้าวัดมาตั้งแต่เด็กๆ เลยครับ การเข้าวัดเป็นเรื่องปกติ และคุณพ่อคุณแม่ก็มักจะสอนลูกๆ โดยใช้ธรรมะมาเป็นเครื่องมืออธิบายเวลาท่านสอน แต่ท่านจะสอนโดยไม่ได้บอกพวกเราว่านี่คือธรรมะ ท่านสอนในเรื่องการใช้ชีวิต มุมมองความคิดต่างๆ โดยที่ลูกๆ จะเข้าถึง ซึมซับ และเข้าใจได้ สอนในแบบที่เราไม่รู้สึกว่ามีช่องว่างระหว่างวัยด้วยครับ ผมก็ได้ซึมซับเรื่องหลักธรรมะมาตลอดโดยไม่รู้ตัวเลยครับผม” เก่งเล่า
เก่ง อธิป และคุณพ่อ คุณแม่
“และด้วยการที่ผมได้เข้าวัดเป็นประจำตั้งแต่เด็กๆ นี่แหละครับ ทำให้ผมคุ้นเคยกับเสียงกระดิ่ง เสียงระฆัง ผมเคยคิดมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้วครับว่า ‘เสียงสวดมนต์ยังมีคีย์’ เลยอะครับ” พอพูดถึงตรงนี้ เราหัวเราะขึ้นมา เก่งก็เลยหัวเราะตามไปด้วย
“คือผมชอบหาอุบาย แบบแอบเล่นกับตัวเองอะครับ เช่น ร้องประสานเสียงไปพร้อมๆ กับพระ ในตอนที่ท่านกำลังสวดมนต์ พอโตขึ้นมาหน่อย ผมก็รู้สึกว่า เสียงสวดมนต์จะมีโทนเหมือนคอร์ดซี แล้วผมก็หาคู่สามคู่ห้า มาประกอบ ประสานกับเสียงสวดมนต์ที่ผมคุ้นเคย และได้ยินบ่อยๆ อะครับ” เก่งเล่าพร้อมรอยยิ้ม
เรียกได้ว่า อินกับเรื่องดนตรีมาตั้งแต่เด็ก และยังหัดเรียบเรียงคอร์ด เรียบเรียงตัวโน้ตของเพลงมาตั้งนานแล้วละสินะ - ผู้สัมภาษณ์คุยตอบกลับไป
เก่งเลยตอบมาว่า “ ใช่ครับ… คือผมรู้สึกชอบ และทำมันโดยอัตโนมัติเลยครับ แบบสมองกับใจมันพร้อมใจกันคิดและสร้างสรรค์มันออกมาโดยไม่ต้องไปกำหนดกะเกณฑ์อะไรเลยครับผม”
เราประทับใจในความสามารถตรงนี้ของเก่งจริงๆ เขาสนใจในเรื่องดนตรี แม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ รอบตัว เขาก็ยังทำมันออกมาให้เป็นดนตรีในแบบของเขาได้ตั้งแต่เด็กๆ
เราถามถึงผลตอบรับของเพลงธรรมะของเก่ง เก่งเลยตอบมาว่า “ฟีดแบคที่ได้รับ ก็ดีนะครับ ดีมากๆ เลยทีเดียวครับผม คนฟังเค้าจะรู้สึกว่า เพลงของเรา มันไปละลายพฤติกรรมหรือความคิดเดิมๆ ของเค้าน่ะครับ เหมือนกับเพลงได้ไป ‘ล้างหู’ ให้กับคนรุ่นใหม่เข้าใจเพลงธรรมะได้ง่ายขึ้นด้วยครับ จากที่เคยคิดว่า เพลงธรรมะจะมีท่วงทำนองที่จำเป็นที่จะต้องย้อนยุค มีลักษณะสงบเสงี่ยมในแบบแนวเพลงไทยเดิมเสียส่วนมาก แต่พอหลายๆ คนได้ฟังเพลงของผม เค้าจะบอกกันว่า ‘นี่เพลงธรรมะหรอ ไม่รู้สึกเลย มันฟังแล้วชิลล์จังเลย’ และคำว่าชิลล์ตรงนี้นี่แหละครับ ที่ผมบอกไปตั้งแต่ตอนเริ่มการสัมภาษณ์ว่า มันคือ ความสบาย มันคือธรรมชาติ มันคือธรรมะนั่นแหละครับผม”
“อ้อ… มีอีกอย่างครับ คือเสียงฟีดแบคที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเพลงของผมเข้าถึงผุ้ฟังได้ทุกกลุ่มจริงๆ ก็เพราะว่า ด้วยวัยของคนฟังที่ต่างกันแต่ทุกคนกลับบอกเหมือนกันว่า ฟังแล้วรู้สึกสบายๆ ได้ข้อคิดแบบไม่รู้ตัว ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดให้รับรู้ธรรมะ คือ เด็กก็บอก ผู้ใหญ่ก็บอก เพราะฉะนั้นเนี่ย มันเป็นอะไรที่รู้สึกว่า มันไม่ได้ force เค้า มันไม่ได้บังคับให้เค้าต้องทำแบบนั้น แต่มันกลับทำให้เค้ารู้สึกว่า เค้าผ่อนคลายก่อน ก่อนที่เค้าจะเชื่ออะไรสักอย่างจากธรรมะในเพลงของผม ตรงนี้ ผมถือว่า เพลงได้ทำหน้าที่ของมันได้อย่างดี และเต็มที่แล้วครับผม” เก่งยิ้มอีกครั้ง
เก่งเล่าเพิ่มเติมด้วยว่า “จริงๆ แล้ว ผมก็ไม่ได้เป็นคนที่เข้าใจในธรรมะลึกซึ้งมาก และไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะสร้างแนวคิดเพื่อไปสั่งสอนใครได้หรอกนะครับ แต่ที่ผมสามารถนำเอาธรรมะบางเรื่อง บางส่วนมาแต่งเป็นเนื้อเพลงออกมาได้ ก็ด้วยความเมตตาของท่านอาจารย์ และพระภิกษุอีกหลายๆ ท่าน ที่ท่านเหล่านี้กรุณาสั่งสอน แนะนำแง่คิด หลักธรรมต่างๆ ให้ผมน่ะครับ แล้วผมก็พยายามเข้าใจในสิ่งนั้นๆ ก่อน ก่อนที่ผมจะนำเอาธรรมะและหลักคำสอนเหล่านี้มาถ่ายทอดผ่านเสียงเพลงตามความถนัดของผมอีกทีนึง ธรรมะเหล่านี้ ไม่ได้มาจากความเข้าใจของผมเพียงคนเดียวครับ เพราะผมก็ยังไม่ได้มีความสามารถที่จะเข้าใจโลกที่ถ่องแท้ได้ดีขนาดนั้นครับ”
ในตอนท้าย เก่งได้ฝากข้อคิดดีๆ ไว้ว่า “ด้วยการที่ผมก็ไม่ได้เป็นคนที่จะเข้าใจชีวิต เข้าใจโลก และเข้าใจธรรมะได้เชิงลึกมากมายขนาดนั้น อย่างที่บอกไปแล้วน่ะครับ ผมก็เป็นคนรุ่นใหม่ เป็น New Generation ผมก็รู้สึกว่า แท้จริงแล้วเนี่ย ธรรมะและสิ่งที่พระอาจารย์หลายๆ รูปท่านได้สอนผมมา ไม่ว่าจะเป็นท่านพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี หรือพระอาจารย์รูปไหนๆ ก็ตามครับ ผมรู้สึกว่า เมื่อเรามองดีๆ จริงๆ แล้ว ธรรมะมันก็คือ lifestyle ดีๆ นี่เองครับ และมันก็คือความเป็นจริง ซึ่งความเป็นจริง หรือ lifestyle ต่างๆ เหล่านี้ มันอยู่ในทุก action ทุกการกระทำของทุกๆ คน เพราะฉะนั้น ธรรมะมัน modern มันทันสมัยในตัวของมันเองอยู่แล้วน่ะครับ เราแค่บิดบางอย่างให้เข้ากับมุมมองของเราและตรงนี้มันก็เข้ากับทุกคนได้เช่นเดียวกันน่ะครับ”
ธรรมะ คือ ความเป็นจริงที่มีอยู่ในทุก action ของทุกๆ คน และ ธรรมะ คือ lifestyle ที่ modern และทันสมัยในตัวของมันเอง - นี่คือข้อคิดดีๆ ที่เราได้จากการพูดคุยกับเก่ง อธิป ในวันนี้
ต้องขอบคุณเก่ง ที่ทำให้วันนี้ เป็นอีกวันที่เรารู้สึกอิ่มเอมใจ ได้ใช้เวลาคิดและคุยถึงสิ่งดีๆ ที่ช่วยจรรโลงโลก จรรโลงใจ
เจ้าของเรื่องเล่า เรื่องราวดีๆ สร้างพลัง และแรงบันดาลใจ :: เก่ง - อธิป เจริญชัยสกุลสุข
Facebook Fanpage: Atip Official
https://www.facebook.com/atip.keng
Facebook: Atip Keng Charoenchaisakulsuk
https://www.facebook.com/keng.atip
YouTube: Atip Channel
1 บันทึก
5
7
1
5
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย