22 ก.ย. 2020 เวลา 01:00 • นิยาย เรื่องสั้น
Ep.17 กลางสายฝน
ภาพประกอบ พงษ์ บาติก
สายฝนตกเทลงมาราวกับฟ้ารั่ว มองไปรอบๆ ดูขาวมัวไปหมดราวกับอยู่กลางสายหมอก ต้นไม้ที่เป็นพุ่มทรงสง่าบัดนี้ดูซึมเซา กิ่งใบหุบลู่เพราะน้ำหนักของเม็ดฝนที่เกาะตามกิ่งใบ นกหลายชนิดแอบหลบซุกกายอยู่ใต้ใบไม้ ยกเว้นนกนางแอ่นที่ถลาร่าเริง โฉบเฉี่ยวจับแมลงกินเป็นอาหารโดยไม่กังวลกับสายฝนที่เย็นฉ่ำ
ย่างเข้าฤดูฝนแล้ว ต้นไม้ใบหญ้าและพืชพันธุ์ที่เพาะปลูก ดูร่าเริง เขียวชุ่มฉ่ำสบายตา สมัยนั้นบริเวณบางทรายนวลผู้คนยังไม่ปลูกยางพารากันมากนัก นิยมปลูกผล ส้ม เงาะ ทุเรียน ข้าว ข้าวโพด กาแฟ และผักต่างๆ พอเข้าหน้าฝน จึงไม่กังวลเหมือนการปลูกยางในปัจจุบัน ต่างยิ้มร่ากันถ้วนหน้าเมื่อฝนมาเยือน เราเหล่าเด็กๆ ก็เช่นกัน หลังจากหน้าแล้งเล่นแต่น้ำคลองจนตัวดำ ก็ได้เวลาหันมาเลนน้ำฝนกันบ้าง
น้ำฝนชะล้างเศษดินโคลนจากบนถนนลูกรัง ไหลเป็นสีชาเข้มลงตลอดสองข้างริมถนน หลังจากฝนตกติดต่อกันมาหลายวันแล้ว วันไหนที่ท้องฟ้าไม่เกรี้ยวกราดน่ากลัว พวกผมรวมทั้งเด็กๆ แถวนั้น ต่างก็ออกมาวิ่งเล่นน้ำฝนกันอย่างสนุกสนาน ทั้งที่ขออนุญาตจากพ่อแม่เรียบร้อยแล้ว ทั้งที่แอบหนีออกมาเล่น ทุกคนถอดเสื้อใส่เพียงกางเกงตัวเดียว ปล่อยให้สายฝนพรั่งพรูใส่ร่างกายเต็มที่ กลิ่นดินหอมอ่อนๆ พร้อมความลื่นแฉะ วิ่งไล่จับกันพลาง ลื่นล้มไปพลาง ดินโคลเปื้อนเปอะไปทั้งตัว โดยไม่รังเกียจ
กิจกรรมกลางฝนส่วนใหญ่จะเล่น ไล่จับ เล่นต่อสู้ และกระโดดลงไปแอบในร่องน้ำขุ่นคลั่กที่คูข้างถนน หรือเล่นเล่นสไลค์เดอร์จากยอดจอมปลวกสูงๆ เสียงดังเจี้ยวจ้าว สนุกกันสุดเหวี่ยง อีกกิจกรรมกลางสายฝนที่สนุกเร้าใจไม่แพ้กันคือ การจับนกนางแอ่น ใช่แล้วครับ นกนางแอ่นที่กำลังบินฉวัดเฉวียนกลางสายฝนจับแมลงเล็กๆ กินนั่นแหละ
ที่จริงแล้วมันบินหนีและหลบหลีกเร็วมาก แต่เราก็สามารถหาวิธีจัดการสอยมันลงมาจนได้ อันดับแรกต้องหาจุดที่แมลงเม่าบินขึ้นมาจากใต้ดิน ส่วนใหญ่จะอยู่ใกล้ๆ กับจอมปลวก สังเกตุดูจะมีนกนางแอ่นบินวนอยู่บริเวณนั้นเยอะเป็นพิเศษ พอไปดูใกล้ๆ ก็จะเห็นรูแมลงเม่าเล็กๆ สองสามรู มีแมลงเม่าคลานและบินขึ้นมาตลอดเวลา นกมันรู้ก็จะคอยบินวนจับกินอยู่ ใกล้ๆ บริเวณนั้น บางครั้งก็บินต่ำจนเฉียดดิน
ต่อไปเราก็จะไปหาไม้ยาวๆ ที่มีกิ่งก้านเยอะหน่อย เอามาหมุนควงเป็นวงกลมกลางอากาศ กลางฝูงนกนางแอ่นที่บินอยู่ ต่อให้มันหลบเก่งขนาดไหน แป๊บเดี่ยวก็มึน พลาดโดนเรียวไม้ฟาดหล่นลงมาจนได้ คนที่แกว่งไม้ก็แก่วงไป ส่วนคนอื่นๆ ก็ไล่ตะครุบนกตัวที่เสียหลักตกลงมา ก่อนที่มันจะหายมึนบินกลับขึ้นไปอีก ต่างแย่งกันจับนก มัดแขนขากันเอง คลุกโคลนอยู่แถวๆ นั้นเอง บางทีมัวแย่งกันจนนักบินหนีไปได้บางทีชนกันเองจนหัวปูด
นกนางแอ่นที่จับมาได้ ผมเคยเอาไปลองเลี้ยงดู มันก็ไม่รอดสักตัว พ่อบอกว่ามันเป็นนกโฉบหาอาหาร ต้องบินโฉบกินแมลงเป็นๆ เท่านั้น ส่วนแมลงไที่เราเอาไปป้อนให้ในกรงมันก็ไม่กินเพราะ มันไม่ได้กางปีกบิน นานๆ ไปมันก็ตาย ส่วนเนื้อของมันก็ไม่มีใครนำมากินกัน ไม่รู้เพราะอะไร ผมเองก็ไม่เคยลองทานดูนกนางแอ่นที่จับได้ หลังๆ ก็เอาแค่ความมัน จับมาเล่นเบื่อแล้วเราก็ปล่อยมันไป
หน้าฝนจะมีแมลงชนิดนึงชุกชุมมาก เรียกว่าเป็นสัญลักษณ์คู่กับหน้าฝนเลยที่เดียว นั่นคือ แมลงเม่า แมลงเม่า จะมีสองแบบคือ พันธุ์ตัวใหญ่ กับตัวเล็ก ตัวเล็กไม่มีใครให้ความสนใจมากนักเพราะจับไปทำอะไรไม่ได้ คงเพราะตัวมันเล็กเกินไป ก็ถือเป็นความโชคดีของมันที่ตัวเล็ก ส่วนตัวใหญ่นิยมจับกันไปผัดน้ำมันเป็นกับข้าว หรือกับแกล้มก็แล้วแต่ หรือไม่ก็ทำเป็นเหยี่อตกปลาทีได้ผลดีมากอีกชนิดหนึ่ง
ส่วนวิธีการจับก็ง่ายๆ จะไล่จับทีละตัวก็ไม่ว่ากันถ้าขยัน แต่ผมจะเดินไปหารูที่มันบินขึ้นมาจากดิน ใช้แค่ถุงพลาสติกไปครอบที่ปากหลุม รอจนมันบินขึ้นจนเกือบเต็มถุง ก็รวบปากถุงมัด แล้วใช้ถุงใบใหม่ไปครอบอีก ไม่นานจับได้ปริมาณจนพอใจ หรือไม่ก็รอตอนค่ำๆ พอเริ่มจุดตะเกียง มันก็จะเริ่มบินมาหาแสงไฟเป็นฝูง อย่างคำที่ว่าแมงแม่าบินเข้ากองไฟ ยังไงยังงั้น เราก็แค่เอากะละมังหรือถังน้ำ ใส่น้ำแค่พอประมาณมาวางใกล้กับ แสงไฟหรือแสงตะเกียง แมลงเม่าที่บินมาเล่นกับแสงไฟก็จะหมดแรง หล่นลงไปในกะละมังใส่น้ำ ปีกเปียกหลุดจากตัว บินขึ้นไม่ได้ ไม่นานก็ได้แมลงเม่าเต็มกะละมัง แล้วเราก็นำไปคั่วเกลือให้เหลืองกรอบ เป็นอาหารว่างรสชาติมันๆ เค็มๆ แปลกไปอีกแบบ
หลังจากเล่นกิจกรรมกลางสายฝนจนตัวสั่นปากเขียวปลายนิ้วซีด ก็ถึงเวลาชำระล้างตัวจากคราบดินโคลน บางคนก็วิ่งกลับไปตักน้ำในตุ่มที่บ้านอาบตูมๆ ส่วนผมกับเพื่อนสองสหายนั้น กลับวิ่งแข่งไปที่บางทรายนวล ถึงบึงที่เล่นประจำก็กระโดดตูมลงไปในน้ำล้างตัว เล่นน้ำกันสักพักแล้วกลับบ้าน
น้ำในคลองยามนี้เป็นสีข้นออกสีชานม เพราะสายน้ำและสายฝน ชะหน้าดินตลิ่งไหลลงในคลองเกือบทั้งหมด ในยามน้ำเยอะเช่นนี้ บรรดาสัตว์น้ำทั้งหลายก็พลอยเยอะไปด้วย แค่ไปนั่งตวัดเบ็ดไม่เกินห้านาทีก็ได้ปลากลับไปแกงพอกิน บางทรายนวลจึงเป็นแหล่งเลี้ยงปากท้องผู้คนแถบนี้มาตลอด ทั้งกุ้ง ปลา กบ ขอยโข่ง ขอยขม หอยกาบคลอง รวมไปถึงยอดผักกูดและผักหนาม ที่ขึ้นตามริมคลองเกือบตลอดแนว
ใกล้ค่ำแล้ว แต่สายฝนยังคงไม่ส่างซา สมาชิกต่างก็แยกย้าย กลับบ้านใครบ้านมัน เปลี่ยนเสื้อผ้า ทานมื้อค่ำ แล้วซุกตัวใต้ผ้าผวยแสนอบอุ่น นอนฟังเสียงฝนเกรียวกราวกระทบหลังคา คิดถึงเช้าวันใหม่ที่จะมาเยือน เพื่อจะหากิจกรรมแปลกใหม่ทำร่วมกันอีกกับผองเพื่อน.
โฆษณา