23 ก.ย. 2020 เวลา 15:06 • หุ้น & เศรษฐกิจ
มีโอกาสมั้ย? ที่ #ตลาดหุ้น จะเจ๊ง! [ยู ศิระ]
วันก่อน พ่อถามผมว่า คิดยังไงกับ #หุ้น เทียบกับ #ทอง ผมก็อธิบายไป บลาๆๆ จนมาถึงคำถามนึง ซึ่งเป็นที่มาของบทความนี้ นั่นคือ “แล้วเป็นไปได้มั้ย? ที่ตลาดหุ้นจะเจ๊ง” พ่อผมไม่ได้หมายถึง #ตัวหุ้นทั้งหมดในตลาด แต่เค้าหมายถึง #ตัวตลาดหุ้น
ที่ผมเข้าใจ คือ พ่อผมถามคำถามนี้ เพราะกลัวว่า ถ้าเอาเงินไปลงในหุ้น แล้วจะ #ไม่ปลอดภัย ถ้าอยู่ๆ ตลาดหุ้นดัน #เจ๊ง ขึ้นมา แล้วเงินทั้งหมด ที่อยู่ในหุ้นทุกตัวในพอร์ต จะสูญหายไปหมดเลย..
บทสนทนาถูกหยุดด้วยอะไรบางอย่าง (ผมก็จำไม่ได้) แต่ผมยังไม่ได้ให้คำตอบพ่อเรื่องนี้
www.facebook.com/HappyWithYuSira
ดังนั้น ผมเลยถือโอกาสนี้ อธิบายให้คุณฟัง
พร้อมพ่อผมไปเลย..
#ตลาดหุ้น เปรียบเหมือน “ตลาดนัด”
ที่มีหน้าที่แค่ เป็นสถานที่สำหรับซื้อขายสินค้า
ระหว่าง #คนซื้อ กับ #คนขาย
คำถามคือ..
ถ้าตลาดนัดนั้นเกิดเจ๊งขึ้นมา ลูกค้าที่ซื้อสินค้าไปแล้ว จากพ่อค้าที่เช่าแผงอยู่ในตลาดนัดนั้น ลูกค้าจะยังเป็นเจ้าของสินค้าที่ซื้อมาอยู่มั้ย?
คำตอบก็คือ.. ใช่!
 
ตลาดหุ้น ก็ไม่ต่างกัน..
หุ้น = สินค้า ซึ่งก็คือ #ส่วนของความเป็นเจ้าของ
คนซื้อหุ้น = ลูกค้าที่ซื้อ ส่วนของความเป็นเจ้าของ
คนขายหุ้น = พ่อค้าที่ขาย ส่วนของความเป็นเจ้าของ
ตลาดหุ้น = ตลาดสำหรับซื้อขาย ส่วนของความเป็นเจ้าของ
ดังนั้น ถึงตลาดหุ้นจะเจ๊ง ก็ไม่ได้ทำให้คุณสูญเสียความเป็นเจ้าของ จากสัดส่วนหุ้นทุกตัวที่คุณเป็นเจ้าของอยู่เลยแม้แต่น้อย
อ้าว.. แล้วข้อมูลหุ้นทั้งหมดที่ฉันถืออยู่ล่ะ จะไม่หายไปเหรอ?
ข้อมูลสัดส่วนความเป็นเจ้าของๆ หุ้นทั้งหมดในตลาดหุ้น จะถูกบันทึกไว้อย่างปลอดภัย โดย #ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ (TSD)
เพราะฉะนั้น การที่ตลาดหุ้นเจ๊ง เลยไม่ส่งผลให้ข้อมูลความเป็นเจ้าของในหุ้นทุกตัวในตลาดหายไป
และจากประวัติศาสตร์โลกที่ผ่านมา ผมก็ไม่เคยได้ยิน ว่ามีตลาดหุ้นประเทศไหนเจ๊งซักที่เลยนะ
(หรือเคยมี แต่ผมไม่รู้?)
ขนาดเวเนซุเอลา ที่เข้าขั้นโคม่าตอนนี้ ตลาดหุ้นก็ยังเปิดทำการปกติ
แต่สมมุติว่ามันเกิดขึ้นจริง อย่างแย่ที่สุด คุณก็แค่ซื้อขายหุ้นยากไปชั่วขณะ
เปรียบเหมือนคุณเป็นเจ้าของคอนโดซักที่ แล้วต้องไปประกาศขาย เพื่อหาคนมาซื้อมันด้วยตัวเอง
ไม่ได้มีคนหลักแสนเข้ามาเสนอซื้อขายหุ้นให้คุณง่ายๆ เหมือนในตลาดหุ้น
และมันจะไม่ส่งผลกระทบกับหุ้นของคุณเลย
การที่ตลาดหุ้นเจ๊ง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการดำเนินธุรกิจ ของหุ้นที่คุณเป็นเจ้าของอยู่
.......7-11 ก็ยังเปิด 24 ชม. เหมือนเดิม
.......ปตท. ก็ยังเติมน้ำมันให้อยู่
......เซ็นทรัล ก็ยังเปิดห้างอยู่ ไม่ได้ปิดหนีไปไหน
ดังนั้น คุณก็จะได้ #เงินปันผล ตามปกติ จากกำไรที่ธุรกิจของหุ้นที่คุณเป็นเจ้าของอยู่ สามารถทำได้
สุดท้าย ก็ต้องมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่นี้ ผุดขึ้นมาใหม่อยู่ดี เพื่อให้คนซื้อขายหุ้นกันได้สะดวก
เพราะข้อมูลทุกอย่างถูกเก็บไว้กับ #ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ อยู่แล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากเลย ที่จะจัดตั้งหน่วยงานนี้ขึ้นมาใหม่
เท่าที่ผมนึกได้ตอนนี้ สิ่งที่จะทำให้หุ้นทั้งตลาด
#หมดคุณค่าสำหรับคุณ ได้จริงๆ ไม่ใช่ตลาดหุ้นเจ๊ง
แต่มีอยู่ 3 อย่าง คือ..
1) #รัฐบาลเปลี่ยนระบอบการปกครอง
เช่น กลายเป็น #คอมมิวนิสต์
ซึ่งธุรกิจทั้งหมดในไทย จะถูกควบคุมโดยรัฐบาล
หรือพูดง่ายๆ คือ
คุณจะ #ถูกรัฐบาลยึดหุ้นทั้งหมด นั่นเอง
และถ้าเป็นแบบนั้นจริง ไม่ว่าคุณจะซื้อหุ้นหรือไม่ก่อนหน้านั้น ผลลัพธ์ก็เหมือนกัน
เพราะทรัพย์สินทั้งหมดที่คุณเคยมี จะไม่ใช่ของคุณอีกต่อไป
นอกจากคุณจะอพยพไปต่างประเทศเป็น #ผีน้อย หรือ #เปลี่ยนสัญชาติ ไปเลย
ซึ่งถ้าเป็นกรณีนี้ การสะสมทอง ก็เหมาะกว่าหุ้น
เพราะทอง เปลี่ยนเป็นเงินต่างประเทศได้ทั่วโลก
ว่าแต่ คุณจะขนทองไปได้เยอะซักแค่ไหนกัน
เผลอๆ โดนขโมยระหว่างทางอีก
และการไปเป็น #ผีน้อย หรือ #พลเมืองชั้นรองๆลงมา ของประเทศที่คุณไม่คุ้นเคย
ก็อาจมีชีวิตที่แย่กว่า การปรับตัวใช้ชีวิตอยู่ไทยในระบอบคอมมิวนิสต์ก็ได้
2) #ประเทศไทยโดนล้างบาง!
เช่น ถูกนิวเคลียร์ถล่ม หายไปทั้งประเทศ
กรณีนี้ คุณคงหนีไม่ทัน นอกจากคุณจะโชคดี กำลังเที่ยวอยู่ต่างประเทศพอดี
แต่เคสนี้ ถึงคุณจะสะสมทอง แทนหุ้นก็ตาม คุณคงไม่ได้ขนทองทั้งหมดไปเที่ยวด้วยหรอกมั้ง?
สรุป.. ซื้อทองแทนหุ้น ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกันอยู่ดี
3) #ถึงวันสิ้นโลก!!
เช่น ถูกอุกกาบาตพุ่งชนทั้งโลก
ถึงตอนนั้น ไม่ว่าคุณจะสะสมหุ้น, สะสมทอง, หรือเก็บเงินสด
ไม่ว่าอะไรก็ตาม มันไม่มีความหมายแล้วล่ะ
ทั้ง 3 ข้อข้างบน มีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมากในช่วงชีวิตเรา
แต่ถึงมันจะเกิดขึ้นจริง จากเหตุผลที่ผมอธิบายไปแล้ว ทำให้สำหรับผม ก็ยังชอบ #หุ้น มากกว่าทองอยู่ดี
ปิดท้ายด้วยคำพูดของ #เซียนหุ้นมือ1ของโลก “วอร์เรน บัฟเฟตต์” ว่า..
 
"I never attempt to make money on the stock market. I buy on the assumption that they could close the market the next day and not reopen it for five years."
แปลไทย..
“ผมไม่เคยพยายามทำเงินจากตลาดหุ้น.. ผมซื้อจากสมมติฐานที่ว่า พวกเขาอาจจะปิดตลาดหุ้นในวันพรุ่งนี้ และจะไม่เปิดมันไปอีก 5 ปี”
ติดตามเพจ:
โฆษณา