23 ก.ย. 2020 เวลา 18:57 • ข่าว
การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมระหว่างแม่บ้านกับเศรษฐีร้อยล้าน 🇸🇬
เรื่องราวที่เราจะนำมาเขียนให้อ่านกันวันนี้ เป็นเรื่องของ พาร์ตี้ (Parti Liyani) แม่บ้านชาวอินโดนีเซีย ที่โชคชะตาทำให้เธอ ได้เข้ามาทำงานในบ้านของตระกูลมหาเศรษฐีในประเทศสิงคโปร์
พาร์ตี้และหลิว หมุน หลง(📷 : PARTI LIYANI/GETTY)
ในปี 2007 พาร์ตี้ได้เข้ามาทำงานกับครอบครัวมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของสิงคโปร์ ตระกูลของ หลิว หมุน หลง(Mr. Liew Mun Leong) ช่วงเวลาที่พาร์ตี้ทำงาน เธอได้รับเงินเดือนประมาณเดือนละ 345 ยูโร (12,000 บาท)
เรื่องราวการต่อสู้ของเธอเกิดขึ้นในปี 2016 เมื่อครอบครัวของเศรษฐีดังกล่าว ได้ย้ายที่อยู่อาศัย และขอให้เธอมาช่วยทำความสะอาดบ้านใหม่ของพวกเขา โดยให้ทำงานเกินเวลา ซึ่งในประเทศสิงคโปร์มีกฎหมายคุ้มครองแรงงานเกี่ยวกับชั่วโมงการทำงานตรงนี้อยู่
เธอยอมทำแต่โดยดี โดยไม่ได้โต้เถียงอะไร จนเกิดเหตุการณ์แบบเดิมกับเธอหลายๆครั้ง จนเธอเริ่มทนไม่ไหว จึงเริ่มปฏิเสธไป
การปฏิเสธครั้งนั้นของเธอนั่นเอง ทำให้เธอถูกไล่ออก จากการเป็นแม่บ้านของตระกูลเศรษฐี ทางครอบครัวของเศรษฐี ให้เธอย้ายออกทันทีภายในสองชั่วโมง ส่วนของอื่นๆ ให้เธอแพคลงกล่องแล้วพวกเขา จะส่งตามไปให้ทางเรือ
เธอเดินทางกลับอินโดนีเซียบ้านเกิดของเธอ ในวันนั้นทันที แต่เธอหารู้ไม่ว่า สิ่งของที่กำลังจะถูกส่งกลับไปยังอินโดนีเซียตามเธอไป มีการสอดไส้พวกสิ่งของต่างๆมากมาย
5 สัปดาห์ต่อมาเธอเดินทางกลับมาที่ประเทศสิงคโปร์เพื่อหางานใหม่อีกครั้ง เธอถูกตำรวจตรวจค้นเข้าเมือง จับทันทีที่เธอเดินทางถึงสนามบิน เนื่องจากเธอถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหาลักขโมยของ
เธอถูกส่งไปที่พักของแรงงานต่างด้าว เพื่อรอการพิจารณาความผิด
1
ข้อหาของเธอคือ ขโมยสิ่งของของครอบครัวเศรษฐี โดยมีการแจง เป็นเสื้อผ้า 115 ชิ้น, กระเป๋าแบรนเนม, เครื่องเล่นดีวีดี และนาฬิกาหรู
เครืองเล่นดีวีดีที่เป็นของกลาง (📷 : HOME)
เธอให้การกับศาลว่า เธอไม่ทราบว่าสิ่งของดังกล่าวมาอยู่กับเธอได้อย่างไร เพราะเธอไม่ได้เป็นผู้แพคสิ่งของทั้งหมดด้วยตัวเอง และเธอเองก็ผิดที่ไม่ได้ตรวจให้รอบคอบด้วย
เธอถูกศาลท้องถิ่นตัดสินให้มีความผิด โทษคือจำคุก 2 ปี 2 เดือน แต่เธอยืนยันที่จะสู้คดีความจนถึงที่สุด โดยได้รับความช่วยเหลือจากกลุ่มทนายความและ NGO ต่างๆ
การต่อสู้ของเธอพึ่งสิ้นสุด เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา ศาลสูงสุดของประเทศสิงคโปร์ ได้ตัดสินให้เธอไม่มีความผิดในทุกข้อกล่าวหา
สาเหตุที่เธอถูกตัดสินให้พ้นความผิด ก็เพราะว่ามีหลายประเด็นที่ศาลให้ข้อสงสัยในสิ่งของที่สงสัยว่าโดนขโมย เช่น ของที่เธอถูกต้องสงสัยว่าขโมยไปล้วนเป็นของที่ใช้การไม่ได้ เช่น นาฬิกาหรูที่เสียแล้ว, เครื่องเล่นดีวีดีที่พังจนไม่สามารถเปิดติด
1
อีกประเด็นที่สำคัญคือ เสื้อผ้าของพวกเศรษฐีบางตัว ที่สมาชิกในบ้านอ้างว่าเป็นของตัวเอง แต่ไม่สามารถจำเสื้อผ้าได้ว่าเป็นของตัวเองหรือไม่
เมื่อเธอพ้นข้อกล่าวหา ได้มีการสอบสวนไปยังตำรวจที่เกี่ยวข้อง ยังพบว่าเธอถูกกลั่นแกล้งในกระบวนการยุติธรรมมาตลอด ตั้งแต่การหาล่าม การสืบสวนต่างๆ
สื่อในประเทศสิงคโปร์ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นประเด็นสำคัญในประเทศที่พัฒนาแล้วระหว่างระบบยุติธรรมภายในประเทศระหว่างกลุ่มชนชั้นสูงและคนทั่วไป
พาร์ตี้และทนายความของเธอ (📷 : HOME/GRACE BAEY)
ฝั่งครอบครัวของเศรษฐี นาย หลิว หมุน หลง ได้ออกแถลงการลาออก จากตำแหน่งผู้บริหารของหลายบริษัท และรวมทั้งเคารพคำตัดสินของศาลสูงของประเทศสิงคโปร์ และเชื่อว่าเป็นสิทธิของสมาชิกในบ้านที่จะมีความสงสัยในตัวของพาร์ตี้ และมีสิทธิที่จะแจ้งตำรวจ
รัฐมนตรียุติธรรมของประเทศสิงคโปร์ได้ออกมายอมรับว่าเกิดความอยุติธรรมขึ้น ภายในเคสของพาร์ตี้ และจะเร่งให้มีการสืบสวนสอบสวนเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด
เรื่องราวของพาร์ตี้และการต่อสู้ของเธอ กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ ให้แก่ผู้อพยพที่เข้ามาทำงานภายในประเทศสิงคโปร์ ถึงความยุติธรรมและเท่าเทียมกันภายในสังคมของประเทศสิงคโปร์
สรุปเรื่องราวที่สามารถอ่านให้จบใน 3 นาที /โดย รอบโลกใน 3 นาที
Source: BBC, Reddit
24 กันยายน 2020
โฆษณา