24 ก.ย. 2020 เวลา 21:00 • นิยาย เรื่องสั้น
Ep.21 บ้านหญ้าคา
ภาพประกอบ พงษ์ บาติก
อากาศอบอ้าวของบ่ายเดือนเมษายน มองไปทางไหนก็เห็นแต่เปลวแดดเต้นระยับ พุ่มไม้ใบหญ้ารอบบริเวณดูซีดซึม ไม่เขียวสดใสเหมือนหน้าฝน ทุ่งหญ้าคาสีเขียวน้ำตาลบนพื้นที่หลายไร่ของโมทย์ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก พลิ้วยอดไสวเป็นคลื่นตามกระแสลมร้อนที่พัดมาเป็นครั้งคราว
กลางทุ่งนั้น เราสามคนต่างแหวกมุดคลานเป็นแถวหน้ากระดาน อย่างไม่กลัวความร้อนและความคายคันของคมใบหญ้าคาที่บาดผิวหนัง เรากำลังหาไข่นกคุ่มที่มี ลักษณะคล้ายไข่นกกระทา ทั้งขนาด สีและรสชาติของมันก็ไม่ต่างกันมากนัก เมื่อบุกหญ้าเกิดเสียงดังนกคุ่มก็จะบินหนี เราก็จะเดินไปยังจุดที่นกบินขึ้นมา ซึ่งก็มักจะพบแอ่งดินเล็กๆ ที่นกขุดคุ้ยทำรัง จะพบกับไข่นกคุ่มสีเทาสลับน้ำตาล รังละสามถึงสี่ฟอง ในย่ามแต่ละคนเริ่มมีไข่นกบรรจุเพิ่มขึ้น
เมื่อเราเดินบุกหาไปเรื่อยๆ เหงื่อที่เริ่มหยาดไหล ทำให้เริ่มระคายผิวตัวบ้างแล้ว ผมเดินถอยแหวกหญ้าคากลับมานั่งใต้ร่มไม้ชายป่า มองทุ่งหญ้าที่แหวกเป็นทาง พร้อมหัวผลุบโผล่ของสองสหายที่ยังตลุยไปไม่หยุด เห็นแล้วร้อนอบอ้าวขึ้นมาแทน ผมนอนหงายทอดตัวลงบนดิน มองก้อนเมฆขาวที่ลอยสูงๆ แปรเปลี่ยนรูปร่างเป็นรูปต่างๆ ตามแต่เราจินตนาการ
ลมเอี่อยๆ พัดมาเป็นครั้งคราวชวนหาวนอนเป็นยิ่งนัก มองต้นไม้ใหญ่ที่ให้ร่มเงาแล้วเกิดไอเดียบรรเจิดขึ้นมาทันใด เราน่าจะสร้างบ้านหญ้าคาไว้หลบพักกันแดดฝนกันสักหลัง เพราะพื้นที่แถบนี้อุดมไปด้วยวัสดุที่จะใช้สร้างเต็มไปหมด ทั้งหญ้าคา ต้นไม้เล็กๆ เถาว์วัลย์ ยังไงเราก็มาเล่นแถวงนี้กันบ่อยๆ กันอยู่แล้ว คิดได้ก็ลุกขึ้น ตะโกนเรียกสมาชิกให้กลับมาสมทบ เมื่อผมเล่าถึงไอเดียให้ทุกคนฟัง ก็เห็นด้วยแบบกระตือรือร้นไม่ต้องอธิบายมาก และจะทำกันทันที
โมทย์อาสากลับไปเอามีดพร้าที่บ้านมาตัดไม้ เพราะบ้านอยู่ใกล้สุด เดี่ยวกำชับให้เอาน้ำดื่มติดมาด้วย ผมกวาดใบไม้ให้เป็นวงกว้างป้องกันไฟลาม จัดการก่อไฟต้มไข่นก
เดี่ยวถือกระป๋องนมที่เราเตรียมมาก่อนแล้วไปตักน้ำที่สระมาต้มไข่เป็นอาหารว่างยามบ่าย ไม่นานโมทย์ก็กลับมาพร้อมกับมีดพร้าและน้ำดื่ม ในขวดพลาสติก แถมได้เชือกฟางมาด้วยหลายเส้น
ไข่นกเริ่มสุกได้ที่ เราแบ่งไข่ที่ต้มได้จำนวนเท่าๆ กัน นั่งกินไปพลางวางแผนการก่อสร้างไปพลาง โดยจะเลือกทำเลที่ไม่ใกล้ชายป่ามากนักเพื่อป้องกันคนอื่นมาเห็น และเราจะเก็บเป็นความลับ ไม่บอกสถานที่นี่แก่ใคร ไม่งั้นมีสมาชิกมาเพิ่มวุ่นวายแน่ๆ
เมื่อกินกันเสร็จ เราก็เริ่มลงมือทันที ผมกับโมทย์บุกไปถางเตรียมพื้นที่กว้างประมาณสี่เมตร นำต้นหญ้าคาที่ตัดได้วางเรียงไว้เป็นกองๆ ส่วนเดี่ยวไปตัดต้นไม้ในป่ามาทำเป็นเสา และโครงหลังคา เมื่อเดี่ยวกลับมาพร้อมไม้ ก็ช่วยกันใช้พร้าขุดดินปักเสา มัดโครงไม้เป็นหลังคาโดยเชือกฟาง ตัวบ้านรวมหลังคาไม่สูงมากนักประมาณเมตรกว่าๆ พอจะก้มมุดลอดเข้าไปได้ พื้นที่ข้างในพอนั่งได้สี่ห้าคน
เมื่อโครงเสร็จแล้วก็ช่วยกันนำใบหญ้าคามามัดมุงหลังคาหลายชั้น กันแดดกันฝนอย่างดี โดยไม่ต้องกลัวเปลืองวัสดุ จากนั้นก็ใช้หญ้าคากั้นเป็นฝาบ้านทั้งสามด้าน ส่วนด้านหน้าตรงประตู แยกออกเป็นแผงต่างหาก สามารถถอดยกออกได้
เมื่อเสร็จเป็นรูปเป็นร่างแล้วก็หาวัสดุแถวชายป่าพวกกิ่งไม้เถาวัลย์ร่างแปลกๆ มาตกแต่งฝาบ้านเพื่อความสวยงาม แล้วบ้านหญ้าคาก็เสร็จภายในเวลาไม่นาน
เย็นมากแล้วดวงอาทิตย์เริ่มอ่อนแสง ทุ่งหญ้าคาท่วมหัวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ตามสีท้องฟ้าด้านตะวันตก นกกระจาบคาเริ่มบินกลับรัง หายลงไปในทุงหญ้าเป็นฝูงๆ
เราสามคนยืนกอดอกมองบ้านหญ้าคาด้วยความภูมิใจในผลงาน กลางทุ่งหญ้าคาที่สะบัดยอดพลิ้วตามแรงลม มีบ้านหลังน้อยซ่อนอยู่ในนั้นอย่างแนบเนียน มองไปเผินๆ แทบจะไม่เห็น
เรายืนวางแผนเรื่องการนำข้าวของที่จำเป็นมาเก็บไว้ที่นี่ ทำเป็นที่นัดรวมตัวและเป็นที่เก็บเสบียง เดี่ยวอาสาเอาข้าวสาร จาน ช้อนเก่าๆ ที่บ้านมา โมทย์จะตัดบอกไม้ไผ่ใส่น้ำมาเก็บเอาไว้ดื่ม ส่วนผมจะเอากระสอบป่านที่บ้าน มาปูพื้นรองนอนรองนั่ง เย็นวันนั้นเราแยกย้ายกันกลับบ้านด้วยใจที่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ
หลังจากวันนั้นบ้านหญ้าคาก็ไม่เคยเหงา เราคอยไปขลุกอยู่ที่นั่นแทบทั้งวัน ใครจะไปตอนไหนก็ไปได้ เช้าเที่ยงเย็นแล้วแต่สะดวก เราคิดวางแผนไปนอนค้างคืนกันที่นั่น แต่ยังไม่มีโอกาส ไม่รู้จะบอกแม่ยังไง
หลายวันเข้าเสบียงเราก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนบ้านชักจะคับแคบ มีหม้อหุงข้าวเก่าๆ หมอน เสื่อ อีกทั้งผลไม้หลายชนิด ที่เก็บหามาได้ พวกลูกหวาย ระกำ ขุนน มะละกอ กินกันอิ่ม สมกับเป็นคลังเสบียง บางครั้งตอนเที่ยงวัน เราก็นัดกันมาหุงข้าวกินกันที่นี่ โดยจะไปหุงตรงชายป่า แล้วค่อยนำมากินในบ้าน เพราะกลัวไฟไหม้บ้าน ช่วงแรกหุงข้าวด้วยลูกมะพร้าวบ้าง กระบอกไม้ไผ่บ้าง หลังๆ เดี่ยวหาหม้อบุบมาได้ใบนึง จึงสะดวกเรื่องหุงต้มขึ้น
จนวันนึง พวกเราก็มีโอกาสไปนอนที่บ้านหญ้าคาตอนกลางคืนจนได้ วันนั้นมีหนังกางแปลงมาฉายที่วัดในหมู่บ้าน เวลามีหนังมาฉายสมัยนั้น ทุกคนจะตื่นเต้นดีใจมากทั้งเด็กผู้ใหญ่ รถแห่จะวิ่งประกาศโปรแกรมหนังที่จะฉายคืนนี้ ว่ามีเรื่องอะไรบ้าง ตกเย็นก็จะรีบอาบน้ำกินข้าว เตรียมตัวไปจองที่ปูเสื่อนั่งดูหนัง เหล่าเด็กๆ ก็จะนัดรวมตัวกันเดินไปดูหนังเป็นกลุ่มๆ โดยผู้ใหญ่จะปล่อยให้ไปกันโดยอิสระ ไม่บังคับว่าต้องไปตอนไหนกับใคร ยังไงก็ต้องไปเจอกันที่หน้าโรงหนังอยู่ดี
พอเริ่มมืดผมก็นัดรวมกลุ่มกันเดินไปดูหนังกันครบทีม แต่เดี่ยวเกิดไอเดียว่า กว่าหนังจะฉายอีกนาน ไปนอนเล่นที่บ้านหญ้าคาดีกว่า ไม่รอช้าให้เสียเวลาเราแอบเดินย้อนกลับมา ยังจุดหมายทันทีอาศัยความมืดเดิน เลียบๆ เคียงๆ ย้อนสวนทางผู้คนบนถนน ที่เดินมุ่งหน้าเกินไปดูหนังกันเป็นกลุ่มๆ พอหลบเข้าข้างทางมาได้ ก็อาศัยแสงจันทร์และความชำนาญทาง เดินมาถึงที่หมายในไม่นาน
มาถึงเราก็มุดเข้าไปในบ้านโมทย์จุดไฟเช็คน้ำมันที่พกมาด้วย ส่องดูในบ้านรอบเพื่อความปลอดภัยจากสัตว์เลื้อยคลาน จากนั้นต่างก็ทิ้งตัวลงนอนบนกระสอบป่านที่รองพื้นด้วยหญ้าคาอย่างหนา นอนฟังเสียงจิ้งหรีดที่ระงมรอบตัว นานๆ จะมีเสียงลมพัดยอดหญ้าคา กระทบกันเกรียวกรู พร้อมกลิ่นไอหญ้าคาแห้งลอยมาสัมผัสจมูกช่างชื่นใจ
เรานอนคุยกันไปเรื่อยถึงเรื่องต่างๆ รวมถึงเรื่องโครงการที่จะสร้างบ้านเพิ่มแยกกันคนละหลัง กลางทุ่งแห่งนี้ เกือบสองชั่วโมงที่เรานอนเล่นกันที่นั่น ท่ามกลางแสงจันทร์ครึ่งดวง ที่ลอยเด่นเหนือทุ่งหญ้าแห่งความฝัน
บ่ายที่ร้อนจัดวันนึง หลังจากเจอกันที่บ้านหญ้าคาตอนเช้าแล้ว เดี่ยวบอกว่าพวกพี่ชายจะไปดำน้ำยิงปลาที่คลองหัวช้างบ่ายนี้ เราก็หาโอกาสคลายร้อนอยู่พอดี จึงเตรียมหน้ากากดำปลา และลูกศรยิงปลาเท่าที่หาได้ ขอติดตามไปด้วย
ไม่หวังได้ปลาเหมือนเด็กโตเขาหรอก หวังแค่ได้แช่น้ำเล่นเย็นๆ ใจก็พอ คลองหัวช้าง อยู่ไกลเข้าไปในซอยอีกเกือบหนึ่งกิโล เป็นคลองที่น้ำลึก น้ำใส ไม่เคยขาด เป็นบึงกว้างและมีต้นไม้ใหญ่ รากค้ำลงน้ำจนมืดดูเป็นน้ำเขียว มีปลาชุกชุม
วันนั้นถือเป็นวันโชคดี เราได้ปลากันเยอะกว่าทุกวัน ทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจไปยิงปลา เฉพาะพวงที่ผมถือก็เกือบสองกิโลแล้ว ยิ่งพวกเด็ดโตยิ่งได้พวงใหญ่ๆ จึงเป็นที่สนุกสนานกันมาก แทบลืมเวลาว่าเริ่มจะเย็นมากแล้ว ทั้งหมดเดินกลับกันด้วยความดีใจในผลงานที่ได้มา
เราตกลงจะแวะไปแบ่งปลากันที่บ้านผมก่อนแล้วค่อยแยกกันกลับบ้าน เดี่ยวจองปลาช่อนขอเก็บไว้เป็นเมนูมื้อเที่ยงพรุ่งนี้ที่บ้านหญ้าคา จะย่างจิ้มน้ำปลากับข้าวสวยร้อนๆ
เมื่อเดินใกล้บ้านมาเรื่อยๆ ผมก็สังเกตุเห็นควันไฟสีขาวลอยเป็นหย่อมอยู่แถวๆ หลังบ้านของโมทย์ คงมีใครจุดไฟเผาอะไรเป็นแน่ แต่ควันดูมันเยอะแปลกๆ เมื่อมาถึงบ้านแม่ก็บอกว่าไฟไหม้ทุ่งหญ้าคาตรงหลังบ้านโมทย์
เราสามคนตะลึงเข่าอ่อน ผมโยนปลาทั้งหมดลงในกะละมังที่บ้าน แล้ววิ่งตามสองสหายที่เผ่นนำไปก่อนแล้ว ตรงไปที่บ้านหญ้าคา บ้านเสบียงของเรา แต่มันก็สายไป
ผมกับเดี่ยวนั่งอยู่ตรงชายป่า โมทย์ยืนนิ่งพิงต้นไม้อยู่ไม่ห่างออกไปนัก แววตาอ่อนล้าหมดแรง จับจ้องไปยังทุ่งหญ้าคาอันกว้างใหญ่ ที่บัดนี้เหลือแต่พื้นดินสีดำปนเทา สลับกับควันไฟที่ลอยขึ้นฟ้า นำเศษเถ้าหญ้าคาขึ้นไปเป็นหย่อมๆ
พวกผู้ใหญ่หลายคนยืนคอยระวังไฟอยู่กระจัดกระจาย ตอนเรามาไฟมอดเกือบหมด แล้วเขาบอกมันไหม้เร็วมาก น่าจะเกิดจากความร้อนจัดหรือไม่ก็เศษไฟลอยมาจากที่อื่น ทุ่งหญ้าหน้าร้อนเป็นเชื้อเพลิงอย่างดี เห็นไหม้เยอะแล้วจึงไม่คิดจะดับ เพราะเป็นทุ่งหญ้าเปล่ายังไม่ได้เพาะปลูกอะไร แค่คอยระวังไม่ให้มันลามออกไปที่อื่นก็พอ ดีเหมือนกันจะได้เตียนๆ เขาพูด
แต่เราสามคนยังคงนิ่ง มองไปตรงจุดที่เคยเป็นบ้านหญ้าคาอันแสนสุขตรงนั้น บัดนี้มันไม่มีเหลือให้เห็นแม้แต่โครงบ้าน เสบียงข้าวของต่างๆ ที่อุตส่าห์เก็บหามา มอดไปในกองเพลิงหมด มีเพียงหม้อใบบุบเป็นสีดำตั้งเห็นเป็นรูปร่างอยู่ใบเดียว
ท่ามกลางแสงอาทิตย์ยามเย็นที่เริ่มสาดส่องมา บัดนี้ยอดคลื่นของทุ่งหญ้า ที่เคยพลิ้วไสวล้อเล่นลมไม่มีแล้ว ได้ยินเสียงใครเอ่ยขึ้นอกว่า ไหม้แบบนี้ได้ฝนลงมาซักห่าสองห่า รับรองแตกหน่อออกดอกแน่นยิ่งกว่าเดิมอีก หญ้าคานี่แหละมันร้ายนักกำจัดยากมาก
เราสามคนหันมามองหน้ากันด้วยแววตาแห่งความหวัง รอยยิ้มน้อยๆมีให้เห็นที่มุมปาก เราจะตั้งหน้าตั้งตารอฝนที่จะมาเยือนอย่างที่เขาว่า เพื่อปลุกทุ่งหญ้าแห่งนี้ให้เขียวขจีอีกครั้ง แล้วเราจะช่วยกันสร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง “บ้านหญ้าคา”
โฆษณา