ทรีซัม ความสัมพันธ์แบบ ฉันเธอและเขา
นักโบราณคดีถึงกับแตกตื่น เมื่อค้นพบหลุมศพ ที่มีร่างของมนุษย์สามคน โดยจากการประเมินมวลกระดูกแล้ว คาดว่าทั้งสามน่าจะเป็นเพศชายสองคน และเพศหญิงหนึ่งคน ความอเมซิ่งอยู่ตรงที่ ท่วงท่า ที่ร่างทั้งสามถูกจัดให้นอนภายในหลุมศพ แตกต่างจากหลุมศพทั่วไป ต่างยังไง แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น ผู้เขียนจะแรงค์ให้ฟัง ใน 16 ข้อ ต่อไปนี้ครับ
1 คำว่าทรีซัม แต่ก่อนแต่ไร หมายถึง การอยู่รวมกันสามคน และเคยถูกนำมาใช้กับกีฬา ที่มีผู้ร่วมแข่งขันมากกว่าสองคน ต่อมาระยะหลังนั้น คำว่า Threesome กลับสื่อความหมายไปในทางเพศมากกว่า เพราะหากกล่าวคำนี้ขึ้นมา นั่นจะหมายถึงกิจกรรมประเภท กามกรีฑา
2 อันที่จริงเซ็กซ์แบบสามคน ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ โดยเฉพาะชาวยุโรป ซึ่งก็มีวัฒนธรรมอันเป็นที่รู้กัน และอยากให้เราเข้าใจไปพร้อมกันด้วยว่า เรื่องราวประเภทนี้ มีมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล ซึ่งมันก็สามารถพิสูจน์ได้จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์มากมาย หาได้นั่งเทียนเขียนไม่
3 หลุมศพที่ถูกขุดพบ เราสามคน ในครั้งนี้ แตกต่างจากหลุมศพทั่วไปอย่างสิ้นเชิง นั่นไม่ใช่เพราะจำนวน หรือเพศในหลุมศพ แต่เป็นลักษณะ ท่าทางที่ถูกจัดวางภายในหลุมต่างหาก นี่จึงกลายสิ่งที่ถกเถียงกัน ของเหล่านักโบราณคดี หลาย ๆ สาขา ที่ชอบคิดนอกกรอบเสมอ
4 หลักฐานที่เชื่อถือได้มากที่สุด และสามารถการันตี พิธีกรรมฝังศพได้ดี คงต้องย้อนไปราวเกือบแสนปีที่แล้ว เมื่อมนุษย์สายพันธุ์ โฮโมซาเปี้ยน สายพันธุ์เดียวกับเรา ถูกฝังอยู่ในถ้ำของประเทศอิสราเอล พร้อมกับกระดูกกรามของหมูป่า วางอยู่ข้าง ๆ ร่างไร้วิญาณอีกด้วย
5 นักโบราณคดี มักจะแบ่งช่วงชีวิตของโครงกระดูกเหล่านี้ ออกเป็นสามช่วงเวลา อันได้แก่ ช่วงแรก คือช่วงวัยเด็ก ช่วงที่สอง คือช่วงวัยชรา ส่วนช่วงที่สาม คือช่วงวัยผู้ใหญ่ วัยที่มีการดำเนินชีวิตปกติ ซึ่งเราจะเรียกช่วงนี้ว่า ช่วงเปลี่ยนผ่าน
6 พุดง่าย ๆ ก็คือ หากเราไปขุดพบโครงกระดูกโบราณเข้าซักศพ เราก็ต้องประเมิณว่าเขาเหล่านั้น อยู่ในช่วงไหน เพราะหากเป็นช่วงที่หนึ่ง กับช่วงที่สอง มักจะไม่มีร่องรอยทางพิธีกรรมมากมาย แต่หากเป็นช่วงที่สาม ส่วนใหญ่จะพบวัตถุ สิ่งของ เครื่องใช้ ฝังรวมไว้กับศพ
7 หลุมศพทรีซัม ถูกค้นพบโดย นายโบฮุสลาฟ คลิมา ชายนักโบราณคดี ซึ่งหลุมที่ว่าไม่ได้อยู่ภายในถ้ำเหมือนหลุมทั่วไป โดยหลุมนี้ อยู่แถวเนินเขาพาฟลอฟ สาธาณรัฐเช็ก อันที่จริง พาฟลอฟ เป็นชื่อของ วัฒนธรรมยุคหินเก่าตอนปลาย หรือเมื่อราวสองหมื่นห้าพันปีก่อน มันอยู่ในแถบโมราเวีย ออสเตรียเหนือ และโปร์แลนด์ใต้
8 ความฮือฮา ของหลุมศพเจ้าของทฤษฎีทรีซัมนี้ เป็นศพซึ่งประกอบไปด้วย ชายสองคน และหญิงหนึ่งคน อันที่จริงอาจจะเป็นชายสามคนก็ได้ หากชายหนึ่งในนั้น มีมวลกระดูที่เบาบางกว่าที่ควรจะเป็น แต่ถึงกระนั้น พวกเราก็ยังพิจารณาให้เป็นหญิง อยู่ดี
9 ทั้งสามศพคาดว่ามีอายุราว ๆ ยี่สิบถึงสามสิบปี ก่อนเสียชีวิต หรืออยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านนั่นเอง โดยพวกเขา ถูกจัดให้นอนอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม อย่างพิถีพิถัน ซึ่งสาเหตุการตาย คงยังไม่อาจทราบได้ อาจจะเป็นโรคระบาด จมน้ำตาย หรือ ถูกบูชายัญ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นปริศนา
10 ศพทั้งสามถูกฝังอยู่ใต้ชั้นดินที่ไม่ลึกมากนัก พร้อมกับกิ่งไม้บางส่วน สันนิฐานว่า อาจเป็นการเผาบางอย่างเพื่อเป็นพิธี ใกล้ ๆ โครงกระดูกพบเปลือกหอยที่ถูกเจาะรู ฟันของหมาป่าอาร์กติก และสร้อยที่ร้อยฟันของมนุษย์ วางอยู่ไม่ห่างนัก
11 สิ่งที่ตื่นเต้น คือผงของดินแดง ซึ่งขณะนี้ อยู่ในรูปของเหล็กออกไซด์ ถูกโรยกระจายบนศีรษะของร่างทั้งสาม พร้อมกันนั้น มันก็ไปปรากฎอยู่บน หว่างขาของศพกลาง ที่เหล่านักโบราณคดี คาดว่าจะเป็นผู้หญิง
12 หากจะไล่เรียง จากศพทางซ้าย ร่างที่ 1 (ซึ่งคิดว่าเป็นผู้ชาย) เอามือไปวางบนพื้นที่หวงห้าม ของร่างที่สอง พร้อมกับหันศีรษะ มองไปที่เบื้องล่าง ของศพที่สอง อย่างที่ทราบกัน บริเวณเบื้องล่างของศพที่สอง มีผงดินแดงถูกโรยไว้
13 ร่างที่สอง ที่นอนอยู่ตรงกลาง (ที่เราสันนิฐานว่าเป็นผู้หญิง) เบือนหน้าหนีไปยังศพที่สาม และร่างที่สาม ก็เบือนหน้าหนีไปอีกทิศหนึ่ง ซึ่งทั้งสามศพนั้น หันศีรษะ หรือหันหน้า แบบไม่ต้องการเผชิญหน้ากัน
14 สมมุติฐาน ที่ถูกคาดคะเนจากเหล่าบรรดานักขุด ลงความเห็นไว้ว่า ศพที่สอง และศพที่สาม อาจจะเป็นคู่รักกัน โดยผู้ชายศพแรก อาจเป็นชายอีกคน ที่เข้ามายุ่งเกี่ยวกับชีวิตของคนทั้งคู่ ซึ่งสรุปได้จาก เรื่องราวของท่าทาง ทีู่กจัดวางเกี่ยวกับเรื่องเพศ อย่างโจ่งครึ่ม
15 กุญแจสำคัญ ของทรีซัมในครั้งนี้ อาจจะอยู่ตรงดินแดง ที่พบบริเวณหว่างขาของศพผู้หญิง ซึ่งนักโบราณคดีเดาว่า อันที่จริง มันไม่ใช่ดินแดง หากแต่เป็นรูปปั้นแกะสลัก ที่ทำมาจากดินสีแดง ที่เคยขุดพบในบริเวณใกล้เคียง หรืออีกนัยหนึ่ง ก็คือดิลโด้ แต่ที่มันกลายเป็นผง เพราะพิธีกรรมเผาไฟก่อนฝัง รวมไปถึงระยะเวลา ที่ผ่านมาเนิ่นนาน จนทำให้มันกลายสภาพเป็นดินแดงอย่างที่เห็น
16 เรื่องราว ความสลับซับซ้อน ของทรีซัม อาจจะมีมากกว่านี้ หรือที่เรากำลังสันนิฐาน อาจเป็นเรื่องเกินจริงเกินไป แท้จริงแล้ว มันอาจเป็นเรื่องราวง่าย ๆ ตามวิถีชีวิตคนรุ่นก่อน อันนี้คงไม่มีใคร สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ เราก็คงได้แต่ ตีความตามวัตถุพยาน กันต่อไป
👍 กดไลค์หากถูกใจ
👉 แชร์หากเห็นว่ามีประโยชน์
😁 คอมเมนท์เพื่อแนะนำติชม
😎 พูดคุย และทักทายผ่านอีเมลล์หรือ HangOut ที่
แหล่งข้อมูล ภาพ และสื่อประกอบ
หนังสือ ประวัติศาสตร์ใต้สะดือ
- 5
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
