26 ก.ย. 2020 เวลา 14:42 • ไลฟ์สไตล์
ขมแต่หอม
ดำแต่กลมกล่อม
ได้ลิ้มลองแล้วลืมไม่ลง
อะไรเอ่ย?...........
........กาแฟ.......
มนต์เสน่ห์แห่งความขม
หากได้ลิ้มลองแล้วจะลืมไม่ลงจะด้วยเสพติดความหอมผสมขมของกาแฟ หรือพอได้สักจิบแล้วนั้นหนา ชั่งทำให้ตาสว่างดีเหลือเกิน จนกาแฟกลายมาเป็นเครื่องดื่มประจำบ้าน ประจำใจของมนุษยชาติ ทั่วไปซะแล้ว
แม้แต่ในประเทศไทยเองร้านกาแฟก็ มีแทบจะทุกหัวมุมถนน
หากไม่ชงดื่มในบ้านแค่ก้าวขาออกหน้าบ้านมาก็มีร้านกาแฟร้านเล็กร้านน้อยอยู่เต็มไปหมด
กาแฟมีวิธีชงดื่มที่หลากหลาย
แต่ถ้าหากคุณพบวิธีดื่มที่ชื่นชอบแล้วล่ะก็มักไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงไปดื่มแบบอื่นด้วยเหตุนี้อาจเรียกได้ว่า กาแฟเป็นเครื่องดื่มของคนรักเดียวใจเดียว
คอกาแฟดำจะไปดื่มกาแฟผสมนมก็รู้สึกมันไม่คล่องคอ
คอกาแฟลาเต้ไปดื่มเอสเพรสโซ่หรืออเมริกาโน่ก็คงรู้สึกว่ามันจะขมแรงไปไหน
คำว่า กาแฟ มีที่มายืดยาว สืบสาวไปถึงถิ่นกำเนิด น่าจะยืมมาจากภาษาฝรั่งเศสคำว่าCafe’
(กาเฟ่)ซึ่งน่าจะยืมต่อมาจากภาษาอิตาเลียนคำว่าCaffe’(คัฟเฟ่)และชาวอิตาเลียนก็ยืมต่อมาจากชาวเติรก์อีกที แล้วชาวเติรก์ก็เรียกเพี้ยนเสียงจากชาวอาหรับที่เรียกว่าQahwah(กาห์ว่าห์)มาอีกต่อหนึ่ง และคงจะมาจากคำว่าkaffa(กาฟ่า)อันเป็นชื่อถิ่นฐานบ้านเกิดของกาแฟเป็นชื่อที่ราบสูงทางตอนใต้ของอบิสสิเนีย เอธิโอเปีย และค่อยๆเริ่มกระจายแพร่หลายวกวนไปมาหลายทวีปหลายศตวรรษ จนได้รับความนิยมไปทั่วโลกอย่างใน ปัจจุบัน
ตำนานการค้นพบความปังเปรี้ยงป้างของกาแฟนั้นเล่าถึงนักบวชท่านหนึ่งที่นั่งปกติธรรมดาก็ไม่มีอาการง่วงเหงาหาวนอนเท่าไหร่ แต่พอเริ่มสวดทีไรเป็นต้องง่วงสัปหงก หงึกหงักเป็นที่หนักใจ จึงเสาะแสวงหาสิ่งที่จะมาช่วยบรรเทาอาการน่าหนักใจนี้
และเขาก็ได้พบกับชายเลี้ยงแพะที่บอกกับเขาว่า มีผลไม้ชนิดหนึ่งที่พอแพะของเขาได้ลิ้มรสเมื่อใด มักจะดีดดิ้นเริงระบำผิดปกติวิสัยแพะ เขาจึงลองลิ้มรสดูบ้างปรากฎว่าก็รู้สึกตาสว่างกระปรี้กระเปร่าขึ้นจริงๆ
เขาจึงนำเมล็ดพันธุ์กาแฟจากที่ราบสูงกาฟา ประเทศเอธิโอเปีย กลับไปยังเยเมน
นับแต่นั้นกาแฟก็เริ่มแพร่หลายในหมู่ชนชาวอาหรับ
ทำให้ชาวอาหรับเป็นผู้นำที่ริเริ่มในการดื่มกาแฟ และริเริ่มผสมเครื่องเทศลงในกาแฟแก้วโปรด เพื่อเพิ่มรสชาติและความหลากหลายในรสสัมผัสให้ถูกใจยิ่งขึ้น
สำหรับคนที่ชอบทดลองรสชาติแปลกใหม่ก็ผสมเหล้าและเครื่องเทศต่างๆลงในกาแฟด้วยเพื่อเพิ่มความตื่นเต้นให้รสสัมผัสยิ่งขึ้นไปอีก อย่างเช่น กระวาน กานพลู อบเชย โป้ยกั๊กเป็นต้น หรือการผสมเหล้าอย่าง บรั่นดี วิสกี้ รัม ซัมบุคคา คาราโซ่ ลงไปด้วย และถึงขั้นผลิตเหล้าที่มีกลิ่นกาแฟอย่าง คาห์ลัว เทียมาเรีย ออกมาเลยทีเดียว
การดื่มกาแฟกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมแห่งชาวอาหรับเพราะชาวอาหรับส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ซึ่งการดื่มเหล้าเป็นสิ่งต้องห้ามสำหรับชาวมุสลิม
พวกเขาจึงพากันจิบกาแฟและเรียกกาแฟว่าเป็นเหล้าของมุสลิม(wine of lslam)
เมื่อมีแขกมาเยือนเรือน ก็จะต้อนรับด้วยกาแฟรสเลิศ และจิบกาแฟกันเงียบๆ อาจมีขนมหวาน อย่างเช่น ระหัดโลกุ่ม มากินเคียงด้วย และห้ามคุยธุระปะปังอื่นๆในตอนนี้ ต้องรอให้พีธีจิบกาแฟอันสุนทรียะนี้ผ่านไปก่อน
และแขกที่ดีต้องจิบกาแฟให้ได้อย่างน้อย3แก้วเป็นอย่างน้อย
หลังจากนั้นการเจรจาพาทีธุระอื่นใดก็ค่อยว่ากันอีกที
ซึ่งมักจะทำให้การเจรจาต่างๆราบรื่น ชื่นใจ เป็นที่ยิ่ง
ด้วยกาแฟทำให้สมองปลอดโปร่ง ใจคอเบิกบาน และกระวานที่ผสมลงไปก็ทำให้เคลิบเคลิ้ม
อยากตกลงในข้อเจรจากันอย่างง่ายดายด้วยจิตใจที่กระชุ่มกระชวยนี้
มีต่อ
โฆษณา