27 ก.ย. 2020 เวลา 00:36 • สุขภาพ
ข่าวดีมาก !! วัคซีนชนิดกิน ตัวแรกของโลก เพื่อป้องกันโควิด19 เริ่มทดลองในมนุษย์แล้ว
วัคซีนโควิดชนิดกินของบริษัท Vaxart Inc. ของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้ผ่านการศึกษาทดลองในระดับพรีคลินิก
(Preclinic)หรือในสัตว์ทดลองแล้ว
ผลการศึกษาพบว่าได้ผลดี สามารถกระตุ้นภูมิต้านทานทั้งในเลือด(Systemic Immunity)และที่เยื่อบุของอวัยวะภายใน
(Mucosal Immunity)
Dr.A.Floroiu CEO ของบริษัท Vaxart Inc. แถลงว่า วัคซีนได้รับการพัฒนาในรูปของเม็ดหรือ Tablet จึงสะดวกในเรื่องของการเก็บรักษาและขนส่ง ไม่ต้องใช้ตู้เย็น และยังดีมากสำหรับคนที่กลัวเข็มฉีดยาด้วย
ผลการศึกษาในสัตว์ทดลอง พบการเพิ่มขึ้นของระดับภูมิต้านทานในเยื่อบุอวัยวะ
(Mucosa)หรือ IgA นอกจากนั้นยังกระตุ้นระดับภูมิต้านทานในเลือดให้สูงขึ้น(IgG) และยังสามารถกระตุ้นเซลล์แบบ T-cell ทั้งชนิด CD4 และ CD8
Dr.S.Tucker หัวหน้าฝ่ายวิทยาศาสตร์
(Chief Scientific Officer)กล่าวเพิ่มเติมว่า วัคซีนสามารถกระตุ้นสามแบบพร้อมกันคือ
 
1)ภูมิต้านทานในเลือด (Neutralizing Antibody ต่อ S-Protein)
2)ภูมิต้านทานที่เยื่อบุ(Mucosal immune response)
3)ทีเซลล์(T-cell response)
โดยสรุปคือ ภูมิต้านทานในกระแสเลือดจะป้องกันการดำเนินไปของโรค และภูมิต้านทานของเยื่อบุจะช่วยป้องกันการรับเชื้อไวรัส
วัคซีนนี้มีข้อเด่นคือ มีทั้งส่วนที่เป็นเอสโปรตีน(S-protein:Spike) หรือส่วนหนาม และเอ็นโปรตีน(N-protein : Neucleocapsid)
โดยภูมิต้านทานต่อเอสโปรตีน จะป้องกันไม่ให้ไวรัสใช้ส่วนหนามมาเกาะติดเซลล์ของมนุษย์ได้
ส่วนภูมิต้านทานต่อเอ็นโปรตีน อาจป้องกันไวรัสที่มีการกลายพันธุ์ของส่วนหนาม ทำให้วัคซีนยังป้องกันโรคได้อยู่
จากการทดลองในหนู แสดงให้เห็นว่าวัคซีนชนิดกินนี้ กระตุ้นภูมิต้านทานได้ดี แม้ใช้วัคซีนในขนาดต่ำก็ตาม
ลำดับการพัฒนาของวัคซีน
มกราคม 2563 เริ่มโปรแกรมวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิดชนิดกิน
18 มีนาคม 2563 ร่วมมือกับบริษัท Emergent BioSolution Inc.เพื่อเตรียมวัคซีนสำหรับใช้ทดลองในมนุษย์
15 กันยายน 2563 อย.สหรัฐฯ(USFDA)อนุญาตให้ทดลองในมนุษย์เฟสหนึ่งได้ โดยในส่วนของเนื้อวัคซีนนั้นเหมือนของบริษัท Janssen และมหาวิทยาลัย Oxford ซึ่งถ้าได้ผลดีอาจจะสามารถใช้วัคซีนได้ในปี 2564
การทดลองในมนุษย์เฟสหนึ่งนี้ จะเป็นแบบ Open-label ในอาสาสมัครอายุ 18 ถึง 55 ปี เพื่อดูความปลอดภัยและระดับการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน
กล่าวโดยสรุป ข้อดีของวัคซีนชนิดนี้คือ
1)เก็บรักษาที่อุณหภูมิห้อง จึงไม่ต้องใช้ตู้เย็น
2)ไม่มีความจำเป็นต้องใช้บุคลากรทางการแพทย์ในการให้วัคซีน เพราะใช้วิธีกิน
3)ความยินยอมที่จะรับวัคซีนจะสูงมาก โดยเฉพาะคนที่กลัวเข็ม
4)ระบบการขนส่งหรือการกระจายวัคซีนจะทำได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง
ในขณะที่วัคซีนของบริษัทกำลังเร่งศึกษาพัฒนาเฟสหนึ่งสำหรับโควิด19 บริษัทยังกำลังทดลองวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิดกินในเฟสสอง และกำลังพัฒนาวัคซีนสำหรับไวรัสอีกสามชนิด คือ RSV HPV และ Norovirus
ถือว่าเป็นข่าวดีมาก และคงจะต้องติดตามให้กำลังใจกันต่อไป
ขณะนี้ โลกเรามีวัคซีนที่ทดลองในมนุษย์ 52 ชนิด อยู่ในเฟสหนึ่ง 27 ชนิด เฟสสอง 14 ชนิด และเฟสสาม 11 ชนิด และได้มีการเริ่มใช้ในขอบเขตจำกัด(Limited use)แล้ว 5 ชนิด
Reference
โฆษณา