สมาธิที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
นั้น มันมักจะพอเหมาะสมแก่กำลังของปัญญา
ที่จะใช้ทำการพิจารณา
#
ส่วนสมาธิที่เกิดขึ้นตามการฝึกหลักวิชาการนั้น
มันมักจะเป็น '' สมาธิ '' ที่มากเกินไป
หรือเหลือใช้และยังเป็นเหตุให้คนหลงผิดพอใจเพียงแค่สมาธินั้นก็ได้
เพราะว่าในขณะที่จิตเป็น สมาธิเต็มที่นั้น
ย่อมเป็นความ ''สุข'' ความสบายชนิดหนึ่ง
#
ซึ่งทำให้เกิดความพอใจจนถึงกับหลงติดหรือหลงคิดว่า
เป็นมรรคผล. โดยเหตุนี้ สมาธิที่เป็นไปตามทางธรรมชาติ
ที่พอเหมาะพอสมกับการพิจารณานั้นจึง
ไม่เสียหลาย ไม่เสียเปรียบ สมาธิตามแบบ
ที่ฝึกตามแนวเทคนิคนัก.
#
ขอแต่เพียงให้รู้จักประคับประคองทำให้สมาธิเกิด
และให้เป็นไปด้วยดีก็แล้วกัน
#
ข้อความต่าง ๆ ในพระไตรปิฎก ก็มีเล่าถึงเรื่องการบรรลุมรรคผล
ทุกชั้นตามวิธีธรรมชาติ ในที่เฉพาะพระพักตร์ของ
พระผู้มีพระภาคเจ้าเอง หรือต่อหน้าท่านที่สั่งสอนคนอื่น ๆ
โดยไม่ได้ไปสู่ป่านั้งทำความเพียรอย่างมีพิธีรีตองกำหนดเพ่งอะไรต่าง ๆ
ตามคัมภีร์ที่แต่งกันใหม่ในชั้นหลัง ๆ
#
โดยเฉพาะในกรณีแห่งการบรรลุอรหัตตผลภิกษุปัญจวัคคีย์
หรือ ฤาษี ๑๐๐๐ รูป ด้วยการนั้งฟังอนัตตลักขณสูตร
และอทิตตปริยายสูตรด้วยแล้วจะยิ่งเห็นว่าไม่มีการพยายาม
ตามหลักวิชาการใด ๆ เลยแต่เป็นการเห็นแจ้งแทงตลอดตาม
วิธีของธรรมชาติแท้ ๆ
( จากหนังสือ คู่มือมนุษย์ โดย #พุทธทาสภิกขุ )