28 ก.ย. 2020 เวลา 13:08 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Antebellum หลอนย้อนโลก
หนังสะท้อนค่านิยมการเหยียดสีผิว
ด้วยชื่อหนังแล้ว มันก็อดคิดไม่ได้เลยว่า
หนังแนวนี้จะดำเนินเรื่องแบบไหน
แต่ตอนจบก็เรียกได้ว่าทำให้คนดูอึ้งได้เล็กน้อย แม้ตัวหนังพยายามจะหลอกคนดู
ให้คิดได้หลายแง่มุม แต่สุดท้ายก็ไม่ยากนักที่จะคาดเดาหลังจากดูไปได้ครึ่งเรื่อง
ด.ร เวโรนิก้า นักเขียนนักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีและคนผิวสี เป็นแกนหลักของเรื่องที่จะพาผู้ชมไปค้นพบความดำมืดของจิตใจของมนุษย์ที่พึงกระทำต่อมนุษย์ เพียงเพราะความแตกต่างจากสีผิว โอเค การดำเนินเรื่องค่อยๆเล่าจากโทน ของยุคสมัยสงครามอเมริกาที่ สหพันธ์รัฐทางใต้ทำสงครามกับสหรัฐอเมริกาทางเหนือ
การเล่าเรื่องของตัวหนัง ทำให้เห็นถึงมายาคติที่ชาวผิวขาวมีต่อชาวผิวสี ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย ทำร้ายจิตใจ
บังคับขู่เข็ญ และกระทำการทารุณต่อคนผิวสี ด้วยแนวคิดคนขาวคือบุตรแห่งพระเจ้าสามารถพึงกระทำอะไรกับคนต่างสีผิวก็ได้เพียงเพื่อความพึงพอใจส่วนตัว
แม้โทนหนัง ค่อนข้างดูหดหู่ในช่วงต้น
แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการเล่าเรื่องสลับกับการดำเนินเรื่องของตัว ด.ร เวโรนิก้า ในปัจจุบัน
ก็ทำให้คนดูลุ้นตามไปได้ว่า หนังมันจะหาจุดบรรจบระหว่างอดีตและปัจจุบันยังไง
สุดท้ายพอเฉลย(ตอนเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น)
เท่านั้นแหละกอดคิดในใจดังๆ ว่า มึงเล่นงี้เลยเหรอะ 😆😆 แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้
พอเหมาะสมเหตุสมผล สามารถหลอกคนดูได้นานพอสมควร ว่านิคมทาส ชาวผิวสีที่ถูกมาบังคับทำงานเก็บฝ้ายมันมีจริง ในยุคอดีตทั้งๆที่ แม่งเป็นเรื่องราวในปัจจุบัน
Antebellum หลอนย้อนโลก ในแง่ของภาพยนตร์ มันสื่ออกมาอย่างไม่ปกปิด
ว่าความโหดร้าย ป่าเถื่อนต่อมนุษย์ที่พึงกระทำต่อมนุษย์นั้น มันมีอยู่จริง
เพียงเพราะความแตกต่างทางสีผิวหรือชนชั้นเพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบัน มันยังคงมีอยู่ในสังคมมุมใดมุมหนึ่งที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ในเงามืด
โฆษณา