29 ก.ย. 2020 เวลา 09:50 • ประวัติศาสตร์
โฉมหน้าตัวจริงของพ่อค้าอาวุธที่ได้รับฉายา “นักค้าความตาย” ต้นแบบหนัง “นักฆ่าหน้าบุญ” (Lord of War)
พ่อค้าอาวุธสงคราม วิคเตอร์ บูต (Viktor Bout) ยอดนักค้าอาวุธเถื่อนระดับโลก อดีตเคจีบียศพันตรีชาวรัสเซีย ประวัติของเขาร้ายกาจมาก ถึงขั้นมีคนนำชีวิตของเขาไปเขียนหนังสือ และฮอลลีวู๊ดเคยทำเป็นหนังให้นิโคลาจ เคจ แสดงนำมาแล้วอย่างเรื่อง ลอร์ด ออฟ วอร์ – นักฆ่าหน้าบุญ ซึ่งชีวิตของตัวเอกบางช่วง ก็นำมาจากชีวิตของเขา
จากข้อมูลในหนังสือเรื่องพ่อค้าความตาย บูต เป็นคนเก่งหัวดี พูดได้ 6 ภาษา แต่ละครั้งในการส่งมอบอาวุธเขาสามารถทำเงินได้ครั้งละ 50 ล้านดอลล่าร์ จนสามารถเปิดบริษัทเกี่ยวกับการบินได้ เพราะตัวเขาเองมีเครื่องบินส่วนตัวเยอะแยะมากมาย และที่ต้องเปิดบริษัทเพราะทำเป็นธุรกิจบังหน้าการค้าอาวุธ นั่นเอง
จากการขายดีแบบนี้ ทำให้เขาเป็นที่ต้องการตัวของหลายประเทศ เพราะมักขายอาวุธให้กับกลุ่มก่อการร้ายของประเทศนั้นๆ แต่ที่ร้ายที่สุดคือ เขาส่งอาวุธให้ตาลีบันเพื่อใช้ในเหตุการณ์ 9/11 จึงทำให้ชายผู้นี้กลายเป็นบุคคลที่สหรัฐต้องการตัวมากที่สุด แต่สุดท้ายก็ถูกจับที่ประเทศไทยเรานี่เอง ในปี 2008 เป็นอันจบตำนาน “นักค้าความตาย (Lord of War)”
1
เว็บไซต์ mirror ได้เปิดเผยข้อมูลน่าสนใจ จากรายงานของรัฐบาลอังกฤษ ว่ากองทัพของพวกเขาใช้กระสุนไปแล้วทั้งสิ้น 46 ล้านนัด จากการเข้าสู้สมรภูมิรบในสงครามอัฟกานิสถาน ตั้งแต่ปี 2006-2015 จากนั้นจึงถอนกำลังกลับ ซึ่งความจริงแล้วพวกเขาส่งหน่วย SAS ไปช่วยสนับสนุน กองทัพอเมริกา ตั้งแต่เริ่มต้นสงครามในปี 2001 โดยมีจุดประสงค์เดียวกันคือ เพื่อกวาดล้างปราบปรามกลุ่มตาลีบัน ที่ให้การสนับสนุนกลุ่มก่อการร้ายอัลเคดา นั่นเอง
โดยข้อมูลเหล่านี้กว่าจะได้รับการเปิดเผยก็แสนยากลำบาก เนื่องจากทาง นสพ.เดลี่ มิร์เรอร์ ได้ยื่นคำขอร้องต่อทางการอังกฤษให้สื่อมวลชนสามารถเปิดเผยข้อมูลสถานการณ์สงครามและเหตุรุนแรงในอัฟกานิสถานได้อย่างเสรี หลังจากที่ยื้อกันอยู่นาน สุดท้ายก็ได้รับอนุมัติในที่สุด
– กระสุน 46 ล้านนัด มาจากเงินภาษีประชาชนชาวอังกฤษมากถึง 200 ล้านปอนด์ (ราว 9,600 ล้านบาท)
– เฉลี่ยแล้ว ในแต่ละวัน ทหารอังกฤษจะใช้กระสุนไม่ต่ำกว่า 10,000 นัด/วัน
– ทหารอเมริกันเสียชีวิต ปีละไม่ต่ำกว่า 1,500 นาย ทหารอังกฤษเสียชีวิตทั้งสิ้น 453 นาย
– พลเรือนเสียชีวิต ปีละไม่ต่ำกว่า 3,000 คน โดยส่วนมากจะเป็นเด็กและผู้หญิง ส่วนผู้ก่อการร้ายจำนวนผู้เสียชีวิตไม่ชัดเจน
– มีสงคราม ก็ต้องมีอาวุธ การส่งออกอาวุธทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2012 – 2016 อยู่ในตัวเลขที่เพิ่มขึ้นระดับสูงสุด 86%-200%
– เนื่องจากมีการฆ่ากันทุกวัน เชื่อหรือไม่ว่า ทหารอเมริกันเสียชีวิตจากการ ‘ฆ่าตัวตาย’ มากกว่าเสียชีวิตในสนามรบ เฉลี่ยสูงถึง 1 รายต่อวัน ตั้งแต่ปี 2012 – ปัจจุบัน
– และแม้ทหารอังกฤษจะไม่ได้อยู่นานมากนัก แต่พวกเขาก็ป่วยเป็นโรค PTSD ที่มีโอกาสใช้ความรุนแรงได้ง่ายมากกว่าคนทั่วไป
– ปี 2012 เนื่องจากสหรัฐต้องการคงทหารไว้ 50,000 นาย ทำให้กองทัพ ต้องใช้เงินวันละ 9,000 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆในสงคราม เพิ่มเงินเดือน อาวุธ พาหนะ อาหาร รวมถึงกระสุนด้วย โดยก่อนหน้าที่จะถอนกำลังสหรัฐต้องใช้งบมากถึงปีละ 700,000 ล้านดอลล่าร์ เพื่อใช้จ่ายในสนามรบ
สรุป – ตัวเลข 46 ล้านนัด สามารถบอกเราได้อย่างชัดเจนเลยว่า สงครามมีผลดีต่อกลุ่มคนเพียงหยิบมือ(เงิน) แต่ผลเสียของมันนั้นเกินจะนับไหว(ชีวิต)คนทั้งโลกนั้นเอง
3
โฆษณา