29 ก.ย. 2020 เวลา 22:57 • ธุรกิจ
SCGP เตรียมตัวลุย
ทบทวนหุ้น IPO สุดฮอตอีกครั้งหลังการเปิดจอง
1
อาจจะมีสมาชิกในเพจของเราหลายๆท่านยังไม่ทราบว่า หนึ่งในสาเหตุของความผันผวนที่เกิดขึ้นกับ SET ในช่วงนี้ก็คือการเปิดให้จองหุ้นที่มีชื่อว่า “SCGP”
1
ใช่แล้วครับ การจองหุ้น SCGP หรือบมจ. เอสซีจี แพคเกจจิ้ง เพียงตัวเดียวก็สามารถสร้างแรงกระเพื่อมให้กับตลาดได้เนื่องจากว่า SCGP เป็นหุ้นที่สถาบันต่างๆนั้น “หมายปอง” และต้องการมีไว้ครอบครอง
ซึ่ง SCGP ก็ไม่ใช่ใครที่ไหนไกล เนื่องจากว่าพวกเขานั้นเป็นบริษัทลูกของ SCC หรือปูนใหญ่ที่พวกเรารู้จักกันดีนี่เองครับ
โดยที่ SCGP ก็มีเริ่มต้นมาจากการทำธุรกิจเยื่อกระดาษในปีพ.ศ. 2516 ภายใต้บริษัท The Siam Pulp and Paper หลังจากนั้นก็ได้เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆจนในปีพ.ศ. 2558 ได้ทำการรีแบรนด์และเปลื่ยนชื่อเป็น เอสซีจี แพคเกจจิ้ง
จนในปัจจุบัน SCGP ก็ได้กลายมาเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับแพคเกจจิ้งที่ครบตั้งแต่ต้นน้ำไปจนปลายน้ำ มีสัดส่วนรายได้หลักมาจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ 84% ที่เหลืออีก 16% มาจากการจำหน่ายกระดาษและเยื่อกระดาษ
ซึ่งถ้าเจาะลฃไปในรายได้จากธุรกิจแพ็คเกจจิ้งก็จะพบว่ารายได้จากกระดาษบรรจุภัณฑ์จะอยู่ที่ 51% บรรจุภัณฑ์เยื่อและกระดาษ 25% เยื่อและกระดาษที่ 16% ที่เหลือจะมาจากบรรจุภัณฑ์วัสดุสมรรถนะสูงอีก 8%
และ SCGP ก็ไม่ใช่แค่เพียงบริษัทที่ทำธุรกิจที่แค่ภายในประเทศเพราะมีโรงงานอยู่ทั้งหมดกว่า 40 แห่งใน 5 ประเทศอาเซียน(ไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์เเละมาเลเซีย) โดยที่ลูกค้าส่วนใหญ่ของทางบริษัทก็จะเป็นแบรนด์สินค้าจำพวก Consumer Goods ทำให้แพ็คเกจจิ้งของ SCGP อาจจะอยู่ใกล้ตัวเรากว่าที่คิดไม่ว่าจะเป็นกล่องพัสดุ, กล่องอาหาร, กระดาษ หรือแม้กระทั่งขวดน้ำมันเครื่องรถยนต์
💰 งบการเงินของ SCGP
ปี 2560 รายได้ 81,455 ล้านบาท
กำไร 4,425 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 87,255 ล้านบาท
ขาดทุน 6,065 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 89,070 ล้านบาท
กำไร 5,296 ล้านบาท
(ล่าสุด)งวดครึ่งปีแรก 2563
รายได้ 45,903 ล้านบาท
กำไร 3,636 ล้านบาท
ในส่วนของรายได้การขายประจำงวดครึ่งปีแรกนี้ก็จะถือว่ามีการเติบโตขึ้นมา 11% โดยเฉพาะกำไรสุทธิที่จะคิดเป็นการเติบโตกว่า 40% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เรียกได้ว่าเป็นหุ้นที่ได้รับผลบวกท่ามกลางวิกฤติ Covid-19 และเทรนด์ของการทำทุกๆอย่าง From home จริงๆครับ
โดยถ้าหากนับการเติบโตเฉลี่ยของรายได้จากการขายในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานี้ก็มีอยู่ที่ปีละ 6.1% กับกำไรสุทธิอีกปีละ15.2%
และกลยุทธ์ในอนาคตของ SCGP ก็คือการบุกเข้าตะลุยในสนาม “อาเซียน” ให้ดุเดือดยิ่งขึ้นด้วยการเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตและการควบรวมกิจการนั่นเอง ซึ่งเราก็จะได้เห็นว่าล่าสุด SCGP กำลังเขรจาที่จะเข้าไปร่วมลงทุนกับBien Hoa Packaging Joint Stock Company(SOVI) ผู้ดำเนินธุรกิจกล่องลูกฟุกรายใหญ่ในเวียดนามไปเรียบร้อยแล้ว
ซึ่งแผนเพิ่มกำลังการผลิตนั้น SCGP ก็จะเข้าไปเน้นที่การผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซีย และประเทศฟิลิปปินส์ซึ่งคาดว่าน่าจะเพิ่มกำลังการผลิตรวมของบริษัทให้ได้ที่ 15.7% และในส่วนของบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนตัวทางบริษัทก็จะมาเน้นเพิ่มกำลังการผลิตในประเทศไทยและเวียดนาม
โดยการเข้าเสนอขายหุ้น IPO ในรอบแรกนี้ก็น่าจะแล้วเสร็จและ SCGP ก็น่าจะได้เข้าไปซื้อ-ขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกันภายในเดือนตุลาคม 63 ที่ราคา 33.50-35.0 บาท จำนวนไม่เกิน 1,296.68 ล้านหุ้น
1
แบ่งเป็นหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) ที่จำนวนไม่เกิน 1,127.55 ล้านหุ้น คิดเป็น 26.5% ส่วนที่เหลือไม่เกิน 169.1 ล้านหุ้น จะหุ้นส่วนเกินหรือที่เราเรียกกันว่า Green Shoe นั่นเอง
เป็นยังไงกันบ้างครับกับการทบทวน SCGP ที่เปิดให้จองกันแล้วตั้งแต่วันนี้ที่ระดับ P/E 22-23 เท่า ซึ่งล่าสุดก็ได้มีกลุ่มนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) จำนวน 18 รายจองหุ้น IPO เข้ามาแล้วในสัดส่วนกว่า 60% ทำให้แรงขายที่เกิดในหุ้นหลายๆตัวก็น่าจะมาจากการ “ดึงเงินสด” ออกไปจองหุ้นใหม่กัน
1
และสำหรับเพื่อนๆที่มีความสนใจในหุ้น SCGP ก็สามารถไปศึกษาและจับจองกันได้ แต่ถึงอย่างไรแล้วก็ต้องไปทำการบ้านกันให้ดีๆและหาคำตอบของตัวเองกันให้เจอ
หวังว่าเพื่อนๆสมาชิกเพจ หุ้นพอร์ทระเบิด ทุกคนจะมีความเข้าใจและรู้จัก SCGP กันไปไม่น้อยแล้ว สำหรับในวันนี้ก็คงจะต้องขอตัวลาทุกท่านกันไปก่อน
สวัสดีครับ...
ติดตามบทความดีๆของพวกเราได้ทาง WEBSITE
หรือ BLOCKDIT
และช่องทางใหม่ YouTube ‼️
- - - -
ผู้สนับสนุน
สนใจเปิดพอร์ท หุ้น TFEX SBL BLOCKTRADE กับโบรคเกอร์ KTBST
ค่าธรรมเนียมเรทพิเศษ
พร้อมรับสิทธิพิเศษมากมาย
- ทีมงานมืออาชีพคอยให้บริการ
- โปรแกรม EFIN//ASPEN
- โปรแกรม SUPPORT อื่นๆเช่น MT4//MODEL TRADE//KTBST SMART และอื่นอีกมากมาย
กรอกรายละเอียดได้เลย 👇
โฆษณา