30 ก.ย. 2020 เวลา 12:00 • กีฬา
The Game Part 5: เรื่องราวของรอบชิงชนะเลิศสายตะวันออก ปี 2020
โดย วิธพล เจาะจิตต์
เหมือนที่ผมได้กล่าวไว้ในบทความก่อนหน้านี้ว่า รอบชิงชนะเลิศสายตะวันออกปี 2020 มีความพิเศษมาตั้งแต่ก่อนเริ่มแข่ง เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่คู่ชิงชนะเลิศสายนี้ไม่มีทีมวางอันดับ 1 หรืออันดับ 2 เลย แต่เป็นทีมอย่าง Miami Heat พบกับ Boston Celtics นอกจากนี้หากใครติดตามการแข่งขันเพลย์ออฟในปีนี้ จะพบว่ามีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นและน่าประหลาดใจ เช่นการกลับมาชนะได้ทั้งที่ทีมถูกนำห่าง มีลูกยิงชนะเกมตอนหมดเวลาหลายครั้ง รวมถึงมีการสร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาหลายรายการ ด้วยความพิเศษของคู่ชิงแชมป์สายตะวันออกในปีนี้ Play Now Thailand จึงรวบรวมเรื่องราวน่าประทับใจในแง่มุมต่างๆ มาฝากกันครับ
 
และเหมือนเดิมนะครับ ท่านสามารถติดตามเรื่องราวของรอบชิงสายตะวันตกได้ในรายการ “ช่างคุย on Play Now” เพื่อสร้างบรรยากาศรอคอยรอบชิง NBA Finals
• เกม 1 ลูกบล็อกปากห่วงประวัติศาสตร์ของ Bam Adebayo
 
• ในเกมนี้ Miami Heat เอาชนะ Boston Celtics แบบลุ้นถึงวินาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลา ด้วยสกอร์ 117-114 ชนิดที่ผลัดกันนำผลัดกันตามทุกควอเตอร์ และมีการเล่นสำคัญๆ ที่น่าจดจำเกิดขึ้นหลายต่อหลายครั้งในช่วงนาทีท้ายๆ
 
• Celtics ออกตัวได้แรงและขึ้นนำ Heat ในช่วงนาทีแรกๆ ของการแข่งขันถึง 13 แต้ม และนำอยู่ 12 แต้มก่อนเริ่มควอเตอร์สุดท้าย แถมในช่วงแรกของควอเตอร์สุดท้ายก็นำอยู่ 14 แต้ม แต่ก็มาโดนลูกฮึดของ Heat ตามมาเสมอได้ในช่วงเวลาปกติ จริงๆ แล้ว Celtics ก็โชคดีด้วยเพราะ Jimmy Butler มือหนึ่งของ Heat ยิง 3 แต้มจากมุมลงไปเมื่อเหลือเวลาอีก 22 วินาทีของเกม ช่วยให้ Heat ขึ้นนำ 1 แต้มหลังจากตามมาตลอดทั้งเกม แต่แล้ว Derrick Jones Jr. การ์ดของ Heat ก็ทำฟาวล์อย่างน่าสงสัย เลยโดนลูกโทษเทคนิคไป ทำให้ Celtics กลับมาเสมอได้ และเกือบชนะเมื่อ Jason Tatum ขึ้นยิง 3 แต้มแต่พลาดเป้า
 
• ในช่วงต่อเวลาทั้งสองทีมก็สู้กันจนถึงวินาทีสุดท้าย เมื่อเหลือเวลาอีก 23 วินาที Kemba Walker ซึ่งเล่นไม่ออกแทบทั้งเกม ก็ขึ้นยิงให้ Celtics นำไป 2 แต้ม แต่ก็โดน Butler เลี้ยงบอลขึ้นเลย์อัพทำคะแนนพร้อมเรียกฟาวล์ได้จาก Tatum เขายิงลูกโทษลูกแถมลงทำให้ Heat ขึ้นนำ 2 คะแนน เมื่อเหลือเวลาอีก 12 วินาที
 
• การเล่นครั้งสุดท้ายเป็นของ Celtics ซึ่งทีมให้ Tatum ถือบอล เขารอให้เวลาของเกมนับถอยหลังไปหลายวินาที ก่อนเลี้ยงบอลแหวกการป้องกันของ Butler พุ่งเข้าหาห่วงเพื่อดังก์ตีเสมอ แต่ลูกดังก์ถูกป้องกันไว้ที่ปากห่วงโดย Bam Adebayo ดับความหวังตีเสมอของ Celtics หน้าตาเฉย
 
• ตำนานบาสเกตบอล Magic Johnson กล่าวถึงลูกบล็อกของ Bam ว่าเป็นการป้องกันที่ดีที่สุดที่เขาเคยเห็นมาในประวัติศาสตร์เกมเพลย์ออฟ
 
• Heat ชนะเกมต่อเวลาครั้งนี้ ทำให้สถิติตลอดกาลของสโมสรขยับเป็นชนะ 9 แพ้ 1 ในการแข่งต่อเวลาในรอบเพลย์ออฟ
 
• แม้ว่า Heat จะกลับมาชนะได้อย่างเฉียดฉิวแต่ในมุมมองเชิงสถิติ Heat มีผลงานที่ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นความแม่นยำการทำคะแนน [Field Goal Percentage (47.1-44.3)], ความแม่นยำของการยิง 3 คะแนน [3-point percentage (44.4-35.7)], และรีบาวด์รวม (55 ครั้ง-48 ครั้ง).
 
• Heat ยังมีการทำคะแนนที่สมดุล นำโดย Goran Dragic ที่ทำไป 29 แต้ม Jae Crowder กดไป 22 ส่วน Butler ทำ 20 ในขณะที่ Bam เจ้าของลูกบล็อกประวัติศาสตร์ ก็ช่วยทีมไป 18 คะแนน
 
• ฝั่ง Celtics ได้ Tatum เป็นผู้นำการทำแต้มที่ 30 คะแนน ตามด้วย Smart ที่กดไป 26 แต้ม และ Walker ช่วยอีก 19 คะแนน พวกเขามีสถิติที่น่าสนใจคือ หากนำตอนเริ่มควอเตอร์สุดท้าย 12 คะแนนหรือมากกว่า สถิติตลอดกาลของพวกเขาก่อนเกมนี้คือ 156-1 และพวกเขาชนะต่อเนื่องกันถึง 92 ครั้ง หลังจบเกมนี้ พวกเขามีสถิติเป็น 156-2
 
• Heat ไม่ได้เป็นทีมที่เริ่มต้นการแข่งขันได้ดีเลย และมักตามหลังในควอเตอร์แรกของเกมแรกของทุกซีรีส์ พวกเขาตาม Indiana Pacers 8 แต้ม ไล่หลัง Bucks 11 แต้ม และในเกมนี้ก็ตาม Celtics 13 แต้ม
 
• เกร็ดน่าสนใจของเกมนี้คือ ครั้งนี้เป็นการเจอกันครั้งที่ 141 ของทั้งสองทีม และเกมนี้แข่งวันเดียวกันกับที่ Boston Red Sox แข่งเพลย์ออฟเบสบอลกับ Miami Marlins เป็นครั้งที่ 39 เรียกว่าสองเมืองนี้สู้กันทั้ง 2 ประเภทกีฬาในฤดูกาลเดียวกันและวันเดียวกัน
• เกม 2 Heat ราชาแห่งการไล่ตามกลับมาชนะ 106-101 ทั้งที่สถิติแทบทุกประเภทเป็นรอง
 
• หากเกม 1 ที่ Heat ต้องลุกจากหลุมหลังตาม 14 แต้มในควอเตอร์สุดท้ายแล้วกลับมาชนะต่อเวลา ดูจะท้าทายไม่พอ ในเกม 2 พวกเขาต้องตามหลัง 17 แต้ม แต่ก็ยังกลับมาชนะได้อีก เพียงแต่ในเกมนี้พวกเขาไม่ต้องรอจนถึงควอเตอร์สุดท้ายถึงจะตามทัน ทว่ากลับมาได้ตั้งแต่ในควอเตอร์ที่สาม แถมยังนำ 7 คะแนนก่อนเข้าควอเตอร์สุดท้ายอีกต่างหาก
 
• Heat ได้ Goran Dragic เป็นผู้นำทัพทำไป 25 คะแนน และ Bam Adebayo เป็นกลจักรสำคัญในการกลับมานำในควอเตอร์ที่ 3 ประสบการณ์ของทั้ง Dragic และ Butler ช่วยทำคะแนนในการเล่นสำคัญๆ ท้ายเกมโดยตลอดและทำให้ทีมเหลือเพียงชนะอีก 2 ครั้งก็จะเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ NBA เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2014
 
• มันสมองของ Erik Jon Spoelstra มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมาก เมื่อทีมตามอยู่ 17 คะแนน เขาปรับมาใช้แผนการเล่นแบบคลาสสิกคือเล่นโซน 2-3 เพื่อไม่ให้ Celtics ทำคะแนนวงในได้ง่ายเหมือนช่วงแรก แม้ว่าแผนนี้เสี่ยงที่จะให้ Celtics มีโอกาสยิง 3 คะแนนได้ง่ายขึ้น แต่ Heat ก็ใช้แผนป้องกันแบบกดดันเต็มสนาม (Full-Court Press) ทำให้ Celtics เสียจังหวะการเล่นไปหมด กลายเป็นคนละทีมกับตอนเริ่มแข่งเกมนี้ไปเลย และในควอเตอร์นั้น Celtics ถูกกดดันจนเสียบอลเองถึง 7 ครั้งด้วย
 
• แต่ทีมอย่าง Celtics ไม่มีทางยอมแพ้ง่ายๆ ในควอเตอร์สุดท้ายพวกเขาก็งัดเกมป้องกันสุดเข้มมาใช้ ทำให้ Heat ยิงลงเพียง 2 ลูกจากความพยายาม 12 ครั้ง และทำคะแนนช่วงหนึ่งของควอเตอร์สุดท้ายเหนือกว่า Heat ถึง 15-2 คะแนน แต่ก็โดน Dragic ดับความหวังที่จะตามทันด้วยลูกยิงสำคัญๆ ท้ายเกม ไม่ว่าจะเป็นการยิง 3 คะแนนเหนือ Daniel Theis เซ็นเตอร์ของ Celtics ตามด้วยการทำอีก 2 แต้มในการครองบอลถัดมา จบเกมนอกเหนือจากที่เขาจะทำไป 25 คะแนน ยังช่วยเพื่อนทำคะแนนอีก 5 ครั้ง
 
• โค้ช Spoelstra ชื่นชม Goran Dragic เป็นอย่างมาก “เมื่อคุณต้องเล่นกับทีมที่ป้องกันดีเยี่ยม ในระดับที่กดคุณไว้ไม่ให้ทำคะแนนได้เลย คุณต้องมีคนที่สร้างโอกาสและทำแต้มสำคัญในช่วงเวลาวิกฤติ และ Goran คือคนคนนั้นสำหรับเรา”
 
• Celtics พยายามเฮือกสุดท้ายโดย Jaylen Brown ยิง 3 คะแนนท้ายเกมลงไป 2 ครั้ง แต่เขาก็พลาดลูก 3 คะแนนตีเสมอจากมุมสนามเมื่อเวลาเหลืออีก 15 วินาที และหลังจากนั้น Butler ก็ยิงลูกโทษ 2 ลูกปิดเกมให้กับ Heat
 
• ในเกมนี้ สถิติที่น่าสนใจสำหรับ Heat นอกเหนือจากการตามอยู่ 17 คะแนนในควอเตอร์ที่ 2 และตามอยู่ 13 คะแนนหลังจากจบครึ่งแรก คือการที่พวกเขามีสถิติเพลย์ออฟที่ 0-21 เมื่อตาม 13 คะแนนหรือมากกว่าหลังจบครึ่งแรก เกมนี้จึงเป็นเกมแรกที่พวกเขากลับมาชนะได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทีม เพิ่มสถิติเป็น 1-21 และการตามหลัง 17 คะแนนกลับมาชนะ เป็นการตามหลังด้วยคะแนนมากที่สุดในประวัติศาสตร์เพลย์ออฟของทีมด้วยเช่นกัน
 
• ลูก 3 คะแนนของ Jae Crowder เมื่อเวลาเหลือ 5:43 นาที ในควอเตอร์ที่ 3 ถือเป็นลูกยิง 3 คะแนนลูกที่ 33,333 ในประวัติศาสตร์เพลย์ออฟของ NBA
• เกม 3 การกลับมาของ Gordon Hayward และการวางแผนทลายโซนของ Brad Stevens
 
• สิ่งที่ทั้งทีมและแฟนของ Celtics รอคอยอย่างใจจดใจจ่อคือการคืนสนามของ Gordon Hayward ผู้เล่นความหวังและเป็นหนึ่งในแกนหลักของทีม และในเกม 3 เขากลับลงสู่สนามช่วยทีมในเวลาที่เหมาะเหม็ง เพราะที่ผ่านมา 2 เกม Celtics โดน Heat กลับมาชนะด้วยเกมป้องกันแบบโซน 2-3 และการป้องกันแบบกดดันเต็มสนาม เมื่อมี Hayward โค้ช Stevens จึงสามารถจัดทีมที่เล่นในลักษณะ Small Ball (ผู้เล่นทั้ง 5 คนไม่มีผู้เล่นตัวใหญ่ และเล่นด้วยความเร็ว) ซึ่งประกอบด้วย Jayson Tatum, Jaylen Brown, Marcus Smart, Kemba Walker และ Hayward
 
• แผนของ Stevens ใช้ได้ผลเป็นอย่างดี เพราะทีมสามารถใช้การส่งบอลที่แม่นยำ การเคลื่อนที่ที่รวดเร็ว การกำหนดรูปแบบการเล่นที่ขยายโซนรับของ Heat ให้เปิดกว้าง และใช้ความเร็วเจาะเข้าไปทำคะแนน ทำให้ Heat เสียแต้มวงในไปทั้งหมด 60 คะแนนในเกมนี้ ซึ่งเป็นการเสียแต้มวงในสูงที่สุดในเพลย์ออฟปีนี้ของพวกเขา ทีม Small Ball ของ Celtics ทำคะแนนใส่ Heat 11-2 คะแนนในช่วงท้ายครึ่งแรก ช่วยให้ Celtics ขึ้นนำ 12 แต้มหลังจากจบครึ่งแรก
 
• ส่วนการเล่นกดดันแบบเต็มสนามของ Heat ก็ยิ่งไร้ผล เพราะผู้เล่น Celtics ในแผนการเล่นใหม่นี้มีความเร็วสูง เมื่อเล่นตัวต่อตัวก็จะตามความเร็วไม่ทัน
 
• แผนตอบโต้ของ Stevens และการใช้ Small Ball ทีม นอกจากจะทลายเกมป้องกันแบบโซน 2-3 ของ Heat ยังทำให้รูปแบบการเล่นของ Celtics มีความหลากหลาย อีกทั้ง Hayward ไม่เพียงเล่นบาสเกตบอลอย่างชาญฉลาด ช่วยเซตเพลย์ที่หลากหลายให้เพื่อนร่วมทีม เขายังเล่นเกมป้องกัน Butler ได้ดี จนเล่นไม่ออกในช่วงแรก กว่า Butler จะเข้าฟอร์มก็สายไปแล้ว ส่วน Dragic ไม่ต้องพูดถึง แทบจะหายไปจากเกม ต่างจาก 2 เกมแรกอย่างสิ้นเชิง
 
• สิ่งที่บ่งชี้ความสามารถในการอ่านเกมของ Stevens คือการวางแผนเกมรับเพื่อจัดการ Duncan Robinson ไม่ให้เคลื่อนที่ได้อย่างสะดวก ที่ผ่านมา Robinson ทำหน้าที่ปิดทองหลังพระให้ทีม Heat มาโดยตลอด ด้วยการเคลื่อนที่เมื่อไม่มีบอลได้อย่างฉลาด ช่วยวางรูปแบบเกมบุก และยังสามารถสร้างโอกาสให้ตัวเองยิง 3 คะแนนแบบเปิดโล่งหลายครั้ง เมื่อ Robinson ไม่สามารถเล่นได้อย่างอิสระ Dragic ถูกกันจนหายไปจากเกม และ Butler เข้าฟอร์มช้าไป Heat เลยพ่ายไปอย่างไม่มีทางสู้ 106-117 ถูก Celtics ตีตื้นขึ้นมาเป็น 1-2 เกม
 
• แม้ว่าพวกเขาจะตามมาตีตื้นได้ แต่ Celtics สมควรที่จะเขกหัวตัวเองที่ต้องตกอยู่ในสภาพนี้ ทั้งที่ในข้อเท็จจริงนั้น 74.7 เปอร์เซ็นต์ของเวลาการแข่งขันของ 3 เกมแรก พวกเขาทำคะแนนนำ Heat ทว่าพวกเขากลับปล่อยให้ Heat ใช้เวลาที่เหลือทำแต้มกลับมาชนะได้ใน 2 เกมแรก
• เกม 4 ชัยชนะ 112-109 ของ Heat ที่มาพร้อมกับรุกกี้ฟอร์มเทพ
 
• ในเกมที่ Celtics เดินลงสนามพร้อมกันความเชื่อมั่นในการจัดการ Heat ให้อยู่หมัดเหมือนเกมที่ 3 และเมื่อเริ่มเล่นพวกเขาก็ดูเหมือนว่าจะทำได้เช่นนั้น เพราะในช่วง 3 ควอเตอร์แรก ผู้เล่นหลักของ Heat ทำแต้มแทบไม่ได้เลย Duncan Robinson ถูกป้องกันเสียจนยิงไม่ลงเลยสักลูกเดียว จบเกมได้ไป 3 แต้ม และทั้งหมดมาจากลูกโทษ ส่วน Dragic และ Butler ก็มีเกมที่ยากลำบากในการทำคะแนน ความแม่นไม่ถึง 40 เปอร์เซ็นต์ทั้งคู่
 
• หากตัดผลงานของผู้เล่น Heat คนหนึ่งออกไป ใน 3 ควอเตอร์แรกทั้งทีม Heat ยิงลงเพียง 19 ครั้งจากความพยายาม 54 ครั้ง มีความแม่นยำรวมเพียง 35.2 เปอร์เซ็นต์ หากแต่จบครึ่งแรกกลับกลายเป็น Heat ที่ยังนำอยู่ 6 คะแนน และด้วยสถิติรวมที่ Celtics เหนือกว่าแทบทุกอย่าง แล้วทำไม Heat ยังอยู่ในเกมได้
 
• ผู้เล่นที่ช่วยให้ Heat ยังอยู่ในเกมได้คนนั้นคือ Tyler Herro ผู้เล่นปีแรกหรือรุกกี้ของทีม ที่ทำไปใน 3 ควอเตอร์แรก 20 คะแนน ด้วยการยิงลง 8 ครั้ง จาก 12 ครั้ง ช่วยประคองทีมไว้ในยามที่ผู้เล่นหลักของทีมยังควานหาฟอร์มเก่งไม่เจอ ในควอเตอร์สุดท้าย Herro ยังจัดไปอีก 17 คะแนน ช่วยยิงลูกสำคัญๆ รักษาระยะห่างไม่ให้ Celtics ตามได้ทัน รอเวลาที่ Butler และ Dragic จะคืนฟอร์มมาช่วยในควอเตอร์สุดท้าย
 
• จบเกม Herro ทำไป 37 คะแนน หากเหลียวมองประวัติศาสตร์จะพบว่า Herro เป็นรุกกี้คนที่ 2 ต่อจากตำนาน Magic Johnson ที่อายุ 20 ปี และทำแต้มในเพลย์ออฟได้มากกว่า 35 คะแนน โดย Johnson ทำ 42 คะแนนในรอบชิงชนะเลิศนัดที่ Lakers เอาชนะ Philadelphia Seventy Sixers ในปี 1980
 
• เสน่ห์ของการแข่งขันบาสเกตบอลในรอบเพลย์ออฟคือ คุณจะไม่รู้เลยว่าเมื่อไรจะมีเซอร์ไพรส์เกิดขึ้น และสิ่งที่เหนือความคาดหมายสำหรับ Celtics วันนี้คือ ผู้เล่นรุกกี้ของ Heat
 
• แต่ในอีกมุมหนึ่งผู้เล่นหลักของ Celtics คือ Jason Tatum ก็มีวันที่แย่ เพราะในครึ่งแรกเขาทำคะแนนไม่ได้เลย แม้ว่าเขาจะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ในครึ่งหลัง และทำคนเดียว 12 คะแนนในควอเตอร์สุดท้าย แต่ก็ไม่สามารถช่วยให้ทีมกลับมาได้
 
o และแม้ว่าผู้เล่นหลักของ Heat ก็ฟอร์มไม่ดีเหมือนกัน แต่ Heat เล่นเกมป้องกันได้ดีจน Celtics เสียบอลถึง 11 ครั้งในครึ่งแรก และรวมทั้งเกมก็เสียบอลไป 19 ครั้ง
• เกม 5 ความเป็นตัวของตัวเองนำมาซึ่งชัยชนะที่ต้องการ
 
• ใน 4 เกมแรกของซีรีส์นี้ Celtics ไม่ได้แสดงตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาออกมาเลย ตัวตนที่โค่นแชมป์เก่าลง ตัวตนที่ผ่านความยากลำบากระหว่างฤดูกาล เกมรับที่แข็งแกร่งและจัดการ Toronto Raptors ได้อยู่หมัด เกมวงนอกที่โดดเด่น พวกเขาปล่อยให้ตัวเองพังทลายในควอเตอร์สุดท้ายของเกมที่ 1 ปล่อยให้ Heat ถลุงในควอเตอร์ที่ 3 ของเกมที่ 2 และไม่มีคำตอบให้กับฟอร์มเทพของ Tyler Herro ในเกมที่ 4
 
• เกมที่ 5 ซึ่งเป็นเกมที่พวกเขาจะต้องชนะเพียงสถานเดียว ไม่งั้นได้เก็บกระเป๋ากลับบ้านอย่างแน่นอน แต่ต้องตาม Heat อยู่ในครึ่งแรก 7 คะแนน และโดยรูปเกมดูเหมือนว่าพลพรรคจากเมือง Miami คงได้ผ่านสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นแน่แท้ Celtics ปล่อยให้ Duncan Robinson กลับสู่เกมของเขาเองโดยการทำไป 17 คะแนนในครึ่งแรก และ Jimmy Butler ทำไป 14 คะแนน ในขณะที่มีเพียง Jason Tatum และ Jaylen Brown ที่ทำคะแนนถึงสองหลักในฝั่ง Celtics
 
• Celtics มีเวลาเพียง 24 นาทีในครึ่งหลังที่จะกอบกู้ศักดิ์ศรีของทีม และยื้อให้ซีรีส์ไม่จบลงง่ายๆ โดยทั่วไปเมื่อแข่งกันมาถึง 5 เกม ทั้งสองทีมย่อมรู้ทางกันอย่างทะลุปรุโปร่ง สิ่งที่จะสร้างความแตกต่างได้ก็มีแต่แรงใจที่จะมุ่งเอาชนะ ซึ่งในที่สุด Celtics ก็สามารถรักษาเกียรติภูมิของตนเองหรือ Celtics’ Pride เอาไว้ได้ และพวกเขาไม่ได้ใช้วิธีแก้เกมที่ลึกซึ้ง หรือวางแผนที่ซับซ้อนอะไรเลย แค่เพียงตั้งรับให้ดีที่สุด เพื่อให้เล่นเกมบุกได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสมการพื้นฐานของบาสเกตบอล
 
• หลังจากที่เป็นฝ่ายนำมาส่วนใหญ่ในซีรีส์ และโดน Heat แซงกลับมาชนะครั้งแล้วครั้งเล่า คราวนี้ Celtics ใช้ควอเตอร์ที่ 3 พลิกสถานการณ์โดยการทำแต้มชุดใหญ่ 20-3 แต้มใส่ Heat และเอาชนะในควอเตอร์ที่ 3 ด้วยคะแนน 41-25 พลิกสถานการณ์กลับมานำ 9 คะแนนหลักจากจบควอเตอร์ที่ 3
 
• เกมป้องกันของพวกเขาทำให้ Robinson ไม่สามารถทำคะแนนได้เลยในควอเตอร์ที่ 3 และกดดันให้ Butler ยิงลงเพียงลูกเดียวได้ไปแค่ 2 คะแนน แม้ว่า Heat จะมี Dragic ที่ฟอร์มร้อนแรงขึ้นโดยทำไปคนเดียว 13 คะแนนในควอเตอร์นี้ แต่เมื่อโดน Jason Tatum กด 17 คะแนนในควอเตอร์เดียวกัน Heat ก็พบว่าพวกเขาต้องกลับมาตาม 9 คะแนนก่อนเข้าสู่ควอเตอร์สุดท้าย ซึ่งก็ไม่ได้แปลกอะไรเพราะพวกเขาเคยตาม 12 คะแนนมาแล้วในเกม 1
 
• หากแต่ในควอเตอร์สุดท้ายของเกมนี้ ความมุ่งมั่น สมาธิ การสื่อสารระหว่างกัน การเล่นเป็นทีมของ Celtics ดีกว่าทุกๆ เกมที่ผ่านมา เกมรับที่จัดการ Raptors อยู่หมัด ก็จัดการมือหนึ่งของ Heat คือ Butler ให้ได้คะแนนเพียงแต้มเดียวในควอเตอร์ 4 และป้องกันเสียจน Butler ได้มีโอกาสขึ้นยิงเพียงครั้งเดียว ทางฝั่งของ Celtics นั้น Brown ก็ร้อนแรงขึ้นมารับช่วงจาก Tatum โดยกดไป 12 คะแนนในควอเตอร์สุดท้าย
 
• จบเกม Celtics ได้ต่อชีวิตไปอย่างน้อย 2 วัน ด้วยชัยชนะ 121-108 ในเกมที่พวกเขาป้องกัน Heat ให้ยิง 3 คะแนนลงเพียง 19 เปอร์เซ็นต์ และ Tatum มีเกมที่ดีที่สุดในซีรีส์โดยทำ 31 คะแนน 10 รีบาวด์ และ 6 แอสซิสต์
 
o สำหรับ Celtics เมื่อไรที่พวกเขาทำแต้มควอเตอร์ใดควอเตอร์หนึ่งถึง 41 คะแนน ในเกมเพลย์ออฟ พวกเขาไม่เคยแพ้แก่ทีมใดเลย มีสถิติตลอดกาลที่ 18-0
• เกม 6 การกลับมาของ Bam และคุณค่าของประสบการณ์
 
• หลังความพ่ายแพ้ในเกมที่ 5 Bam Adebayo ได้ออกโรงยอมรับผิดว่าเขาเล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐาน ไม่สามารถช่วยทีมได้อย่างที่ควร และเป็นรองเซ็นเตอร์คู่แข่งที่เล่นได้ดีกว่า แม้ว่า Jimmy Butler เพื่อนร่วมทีมจะไม่เห็นด้วยกับความเห็นดังกล่าว เพราะความพ่ายแพ้ย่อมเป็นความรับผิดชอบของทีม ไม่ใช้ผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง แต่น้ำเสียงและความรู้สึกในช่วงให้สัมภาษณ์ของ Bam ก็สะท้อนให้เห็นได้ชัดว่าเขาถือความพ่ายแพ้ในเกมที่ 5 เป็นเรื่องส่วนตัวอย่างจริงจัง เขาทิ้งท้ายสั้นๆ ว่า “ผมจะกลับมา”
 
• เกมที่ 6 เริ่มต้นด้วยการเล่นอย่างรัดกุมของทั้งสองทีม และเป็นเกมที่ทั้งคู่เสียบอลเองน้อยที่สุดในซีรีส์ ด้าน Heat ยังยึดติดกับแผนเดิม ในขณะที่ Celtics สลับแผนการเล่นระหว่าง Small Ball และรูปแบบอื่นๆ ผู้เล่นหลักของทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็น Butler ของ Heat หรือ Tatum ของ Celtics ก็เล่นครึ่งแรกได้เป็นอย่างดี ในส่วนของ Tatum นั้นแม้ว่าจะทำแต้มได้ฝืดในช่วงแรก แต่เขาก็ทดแทนด้วยการส่งบอลให้เพื่อนทำคะแนนได้หลายต่อหลายครั้ง ก่อนที่ตัวเขาเองจะคืนฟอร์มในช่วงกลางควอเตอร์ที่ 2
• แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยแตกต่างของเกมนี้คือ ความมุ่งมั่นตั้งใจจะชดเชยผลงานที่ไม่ได้มาตรฐานในเกมที่ 5 ของ Bam เพราะในครึ่งแรกเพียงครึ่งเดียว เขาก็ทำคะแนนไป 16 คะแนน มากกว่าทั้งเกมรวมกันในเกมก่อนหน้า จบเกมเขามีผลงานที่ยอดเยี่ยม เมื่อทำไป 32 คะแนน 14 รีบาวด์ กับอีก 5 แอสซิสต์ กลับมาได้ตามคำมั่นที่เขาได้กล่าวไว้
 
• อีกปัจจัยที่ไม่มีใครคาดคิด คือผู้เล่นวัย 36 ปี Andre Iguodala ที่ลุกจากม้านั่งสำรองมาทำ 14 แต้ม ด้วยการทำแต้มที่สมบูรณ์แบบ กล่าวคือ ยิง 5 ครั้งลงหมดทั้ง 5 ครั้ง โดย 4 ครั้งเป็นการยิงระยะ 3 คะแนน การทำ 14 คะแนนของเขาเป็นการทำคะแนนมากที่สุดนับตั้งแต่เกม 6 ของรอบชิงชนะเลิศ NBA ในปี 2019 สมัยที่เขาเป็นกำลังสำคัญให้กับ Golden State Warriors
 
• หลายๆ ทีมที่สามารถไปได้ดีในรอบเพลย์ออฟ จะมีผู้เล่นมากประสบการณ์ที่จะช่วยทีมในช่วงเวลาคับขัน เหมือนกับที่ Lakers มี Dwight Howard และในวันนี้ Iguodala คือคนคนนั้นของ Miami Heat
 
• เกม 6 เป็นการแข่งขันที่คู่คี่ตลอด 3 ควอเตอร์แรก ทว่า Heat ใช้การเล่นที่แน่นอน เกมรับที่มาทันเวลาในควอเตอร์สุดท้าย และการทำคะแนนที่แม่นยำเหนือกว่า Celtics 10 คะแนนในควอเตอร์สุดท้ายด้วยสกอร์ 37-27 และในช่วงท้ายเกม ผู้เล่นพลังหนุ่มของ Heat ก็ช่วยสร้างเพลย์สำคัญๆ ทั้ง Duncan Robinson และ Tyler Herro ส่วนผู้เล่นตัวหลักเดิมเช่น Butler และ Dragic นั้น ผันหน้าที่ไปเป็นตัวช่วยทำคะแนนให้ผู้เล่นวัยหนุ่มและผู้เล่นมากประสบการณ์ โดย Butler มีแอสซิสต์สูงสุดในทีมที่ 8 ครั้ง การทำคะแนนที่สมดุล การช่วยเหลือกันเล่น ความสามารถของผู้เล่นที่ปรับบทบาทตนเองระหว่างเกม ทำให้ Heat สามารถทำคะแนนได้ถึง 125 คะแนนกับทีมที่มีเกมรับดีที่สุดทีมหนึ่งในลีกอย่าง Celtics
 
• สำหรับ Celtics นั้น พวกเขาไม่ได้มีเกมที่เลวร้าย ตัวหลักทุกคนไม่ว่าจะเป็นสี่สหายชุดทีมชาติ Tatum, Brown, Smart และ Walker ก็ทำไปคนละอย่างน้อย 20 คะแนน Gordon Hayward ก็เล่นได้ดีและทำคะแนนได้มากที่สุดในซีรีส์ เพียงแต่ว่าพวกเขาอาจจะไม่ได้เตรียมตัวมาเจอกับ X-Factor ของ Heat โดยเฉพาะฟอร์มอันโดดเด่นและประสบการณ์ของ Iguodala ตลอดจนความมุ่งมั่นของ Bam เลยต้องจบเส้นทางเพลย์ออฟที่รองชิงแชมป์สายตะวันออก
 
• ชัยชนะของ Heat ในครั้งนี้ หากมองให้ลึกซึ้ง พวกเขาได้ชัยชนะมาจากความไว้วางใจ ความเชื่อใจในเพื่อนร่วมทีม แม้ว่าเพื่อนร่วมทีมจะมีเกมที่แย่ในนัดที่ผ่านมา พวกเขาก็ยังไว้ใจให้บอล แม้ว่าเพื่อนร่วมทีมจะไม่ค่อยได้ลงเล่นมากนัก แต่เมื่อว่างพวกเขาก็ไม่ลังเลที่จะจ่ายบอลให้ แม้ว่าตัวเองจะทำแต้มไม่ได้ ก็พยายามสร้างโอกาสให้เพื่อนคนอื่นได้ทำแต้ม ความเชื่อใจซึ่งกันและกันในรูปแบบนี้ ทำให้ Heat ไม่อับจน มีผู้เล่นที่พร้อมก้าวขึ้นมาทดแทนเพื่อนที่เจอเกมที่ยากลำบาก และที่สำคัญไม่แพ้กัน พวกเขามีโค้ชที่รู้จักใช้ผู้เล่นได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เรียกแผนอย่างเข้าใจเกมและจิตใจของผู้เล่น จึงเป็นทีมอันดับ 5 ที่โค่นทีมอันดับ 1 และเอาชนะทีมที่เข้าชิงแชมป์สายตะวันออกมาต่อเนื่องและมีเกมป้องกันดีที่สุดทีมหนึ่งในลีกได้
 
• เมื่อเกมใกล้จบลง ผู้บรรยายเกมได้คุยกันว่า Spoelstra สมควรจะได้รับการเสนอชื่อเข้าหอเกียรติยศหรือไม่ ผู้บรรยายอีกท่านหนึ่งตอบว่าแน่นอน ไม่ต้องสงสัย แต่ที่คนมองไม่ค่อยเห็นก็เพราะเขาเป็นคนถ่อมตัวมาก แบบเดียวกับ Brad Stevens โค้ชของ Celtics ที่มักจะไม่รับเครดิตความดีความชอบ เขายินดีมอบเครดิตนั้นให้กับผู้อื่นอยู่เสมอ
Heat เข้าชิงแชมป์ NBA ในวันพุธ (วันพฤหัสบดี เวลาไทย) ในครั้งนี้ ในฐานะทีมที่ 3 ในประวัติศาสตร์ที่เป็นทีมอันดับรอง (อันดับ 5-8) ที่ได้ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ต่อจาก New York Knicks ในปี 1999 (ในฐานะทีมอันดับ 8 จบด้วยตำแหน่งรองแชมป์) และ Houston Rockets ในปี 1995 (ในฐานะทีมอันดับ 6 และเป็นแชมป์)
 
 
นอกจากนี้นัดชิง NBA ในครั้งนี้ ยังเป็นประวัติศาสตร์ (อีกแล้ว) ที่ทั้งสองทีมที่ได้เข้าชิง ไม่ได้ผ่านเข้าเล่นเพลย์ออฟในฤดูกาลที่ผ่านมา
 
 
NBA in the Bubble หนนี้ มีเรื่องราวน่าประทับใจ น่าทึ่ง และสร้างประวัติศาสตร์กันรายวัน การปะทะกันของ Heat และ Lakers ครั้งนี้ต้องมีอะไรที่ชวนติดตามในทุกๆ เกมเป็นแน่
#NBA #Tatum #Brown #Smart #บาส #ฟุตบอล #เล่นเป็นเรื่อง #PlayNowThailand
อัพเดตข่าวสารกีฬาก่อนใคร
พร้อมมีของรางวัลพิเศษให้ร่วมสนุกกันเป็นประจำ
ร่วมไลค์ ร่วมแชร์ Play Now Thailand 🇹🇭
ฝากติดตาม https://www.youtube.com/c/KhelNowThailand
โฆษณา