30 ก.ย. 2020 เวลา 20:33 • ปรัชญา
#เราจักเป็นผู้ไม่ประมาท
#เพราะสัตว์จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น
อานนท์ ! นั่น ต้องเป็นอย่างนั้น คือ
ความชรามี (ซ่อน) อยู่ในความหนุ่ม
ความเจ็บไข้มี (ซ่อน) อยู่ในความไม่มีโรค
ความตายมี (ซ่อน) อยู่ในชีวิต
ฉวีวรรณจึงไม่บริสุทธิ์ผุดผ่องเสียแล้ว
และกายก็เหี่ยวย่นหย่อนยาน มีตัวค้อมไปข้างหน้า
อินทรีย์ทั้งหลายก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปหมด
ทั้งตา หู จมูก ลิ้น กาย ดังนี้
พระผู้มีพระภาค ครั้นตรัสคำนี้แล้ว ได้ตรัส
ข้อความนี้ (เป็นคำกาพย์กลอน) อีกว่า
โธ่เอ๋ย ! ความแก่อันชั่วช้าเอ๋ย !
อันทำความน่าเกลียดเอ๋ย !
กายที่น่าพอใจ บัดนี้ก็ถูกความแก่ย่ำยีหมดแล้ว
#แม้ใครจะมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี
#ทุกคนก็ยังมีความตายเป็นที่ไปในเบื้องหน้า
#ความตายไม่ยกเว้นให้แก่ใครๆ
#มันย่ำยีหมดทุกคน
อานนท์ ! บัดนี้ เรามีสติสัมปชัญญะ
ปลงอายุสังขารแล้ว ณ ปาวาลเจดีย์นี้
(พระอานนท์ได้สติจึงทูลขอให้ดำรงพระชนม์ชีพ
อยู่ด้วยอิทธิบาทภาวนา กัปป์หนึ่งหรือยิ่งกว่ากัปป์;ทรงปฏิเสธ)
อานนท์ ! อย่าเลย, อย่าวิงวอนตถาคตเลย
มิใช่เวลาจะวิงวอนตถาคตเสียแล้ว
(พระอานนท์ทูลวิงวอนอีกจนครบสามครั้ง ได้รับพระดำรัสตอบอย่างเดียวกัน ตรัสว่าเป็นความผิดของพระอานนท์ผู้เดียว แล้วทรงจาระไนสถานที่ ๑๖ แห่ง ที่เคยให้โอกาสแก่พระอานนท์ในเรื่องนี้ แต่พระอานนท์รู้ไม่ทันสักครั้งเดียว)
อานนท์ ! ในที่นั้น ๆ ถ้าเธอวิงวอนตถาคต
ตถาคตจักห้ามเสียสองครั้ง แล้วจักรับคำในครั้งที่สาม
อานนท์ ! ตถาคตได้บอกแล้วมิใช่หรือว่า
สัตว์จะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น
สัตว์จะได้ตามปรารถนา ในสังขารนี้แต่ที่ไหนเล่า
ข้อที่สัตว์จะหวังเอาสิ่งที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว มีปัจจัยปรุงแต่งแล้ว
มีการแตกดับเป็นธรรมดา ว่าสิ่งนี้อย่าฉิบหายเลยดังนี้
ย่อมไม่เป็นฐานะที่มีได้ เป็นได้
มู. ม. ๑๒/๑๖๓/๑๙๒, มหาวาร. สํ ๑๙/๒๘๗/๙๖๓
โฆษณา