1 ต.ค. 2020 เวลา 09:17 • การตลาด
เรียนรู้ และปรับตัว ให้เข้าสู่การเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก ที่เรียกว่า " Mega Trend "
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2563 ผมได้มีโอกาส ฟังบรรยายออนไลน์ หัวข้อเรื่อง " Mega Trend กระแสสำคัญของโลก กับการปรับตัวของ SME ในประเทศไทย " ในโครงการสะพานดิจิตอล จากนักวิเคราะห์อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ โดยได้รับการสนับสนุน จาก ฯพณฯ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ คุณแจ๊คกี้ หว่าง Country Manager, Google Thailand ที่ได้กล่าวเปิดแนะนำเป็นปฐมบท เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ในเนื้อหาบรรยาย เป็นการให้ความรู้ ความเข้าใจเบื้องต้น เกี่ยวกับความเป็นมา และการเตรียมรับมือ ของ Mega Trend ที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเริ่มจากที่ว่า การเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก ได้เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ และเป็นมานานแล้ว ซึ่งทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ไปทั่วทั้งโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย ได้วิจัยออกมาว่า แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังต่อไปนี้
1. Mega Trend ระดับมหาภาค เป็นแบบภาพกว้าง ตามกระแสโลกาภิวัฒน์ โดยมองจากความก้าวหน้าของ การคมนาคม และการสื่อสาร ที่เปลี่ยนจาก โลกกว้าง ให้แคบลง สามารถติดต่อ เข้าถึงกันได้ง่าย สะดวกรวดเร็ว มากขึ้น ซึ่งประทศไทยเรา ก็ได้รับอานิสงส์ ไปด้วย เพราะ หลายๆประเทศ มีการสั่งซื้อสินค้าในแบบ Export การเข้ามาลงทุนในธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆภายในประเทศ การเกิดขึ้นของธุรกิจการท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ ปรากฏการณ์เหล่านี้ ล้วนแต่เป็นส่วนหนึ่งของกระแส Globalization นั่นเอง
แต่เมื่อไม่นานมานี้ กระแส Globalization ได้ชะลอบทบาทลงไปพอสมควร เพราะเกิดวิกฤติโรคระบาด covid-19 ไปทั่วทั้งโลก จนมีการเรียกกันว่า Deglobalization แล้วสิ่งที่ตามมาด้วยความจำเป็น ก็คือ การช่วยเหลือพึ่งพา และเชื่อมโยงกันเองของส่วนภูมิภาคมากขึ้น ที่เรียกว่า Regionalization จะเห็นได้จากที่ผ่านมา บางประเทศที่พัฒนาแล้ว จะมีการผลิตสินค้าขึ้นใช้เอง แทนการนำเข้าจากต่างประเทศ และยังสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา เพื่อแข่งกับแบรด์ต่างประเทศที่เป็นผู้นำอยู่แล้ว
2. Mega Trend การเปลี่ยนขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจ เป็นที่ทราบกันดีว่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้กุมอำนาจ-ของเศรษฐกิจโลกมาโดยตลอด โดยมีทางฝ่ายจีน ที่ได้พยายามสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจขึ้นมาแข่งขัน ถึงแม้ว่าเมื่อราว 30 ปีที่แล้ว จะมีการก่อตั้งสหภาพยุโรป (EU) ขึ้นมาแบ่งอำนาจทางเศรษฐกิจจากสหรัฐ ก็ตาม แต่ก็ไม่มีบทบาทอะไรที่สำคัญมากนัก ประจวบกับในช่วงนี้ การเกิดขึ้นของ Covid-19 ได้ทำให้ระบบเศรษฐกิจในภาพรวม บั่นทอนเสถียรภาพ ลงไปพอสมควร โดยเฉพาะ กลุ่มประเทศซีกโลกตะวันตกหลายๆประเทศ ที่ไม่สามารถรับมือได้อย่างเต็มที่
นั่นแปลว่า ในปีนี้ กลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา จะมีความได้เปรียบเชิงเศรษฐกิจ มากว่ากลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนาจากทางฝั่งยุโรป และสหรัฐ โดยมีความเป็นไปได้ว่า ประเทศจีน ที่ฟื้นตัวได้ก่อน จะใช้โอกาสนี้ ในการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจไปข้างหน้าในระดับหนึ่ง แต่ทั้งนี้ ก็มีปัจจัยในเรื่องของ การผลิตคิดค้นวัคซีน Covid-19 คือ ถ้าใครสามารถคิดค้นและทำได้สำเร็จ ก็จะมีอำนาจต่อรองมากกว่าประเทศอื่นๆได้ เหมือนกัน
3. Mega Trend ระดับสังคม ซึ่งเป็นเรื่องของคน ล้วนๆ จะแบ่งออกเป็น 4 ข้อย่อย ได้แก่ :-
1) การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้สูงอายุ จะเห็นได้ว่า ประเทศญี่ปุ่น ถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แบบ หมายความว่า 1 ใน 5 หรือ ประชากร 20% ของทั้งหมด คือ ผู้สูงอายุ ส่วนไทยเรา ทางสำนักงานสถิติแห่งชาติ รายงานว่า ในปีหน้า ( พ.ศ.2564 ) จะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยสมบูรณ์แบบ .... ( ฟังมาถึงตรงนี้ ผมแอบดีใจ ไชโย 555 ) ประมาณได้ว่า ถ้ามีคนไทยเดินมา 5 คน หนึ่งในนั้น จะเป็นผู้สูงอายุ ซึ่งคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า คนไทยอาจจะมี ผู้สูงอายุถึง 28 % กันเลยทีเดียว มีผลทำให้ในอนาคต การจัดโครงสร้างของสังคมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่จำเป็น จะมีให้กับผู้สูงอายุ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
2) กระแสสังคมเมือง นิยามเป็นภาษาอังกฤษว่า Capitalization หมายถึง การอพยพย้ายถิ่นฐานเข้าสู่ในเขตเมืองมากขึ้น ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะที่เมืองหลวง หรือนครหลวง เท่านั้น แต่รวมถึง การย้ายที่พำนักอาศัย หรือย้ายสถานที่ทำงาน ไปอยู่ตามหัวเมืองของจังหวัดหรือมณฑลต่างๆ แต่พอเกิด Covid-19 ผู้คนก็เริ่มเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย นั่นคือ หวนกลับคืนถิ่นที่อยู่เดิม ที่เรียกว่า Urbanization ที่ทำให้ต้องดำเนินชีวิต ภายในบ้าน มากขึ้น ทำให้ระบบการติดต่อสื่อสาร จำเป็นต้องใช้สื่อโซเชียล มากกว่าเดิมขึ้นไป
3) พลังของปัจเจกบุคคล ที่มาพร้อมกับ การเติบโตของชนชั้นกลาง ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก รวมกับการศึกษาที่ดีขึ้น ได้เรียนรู้มากขึ้น ด้วยทุกคนจะรู้สึกตัวว่าเป็น ปัจเจก นั่นคือ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ต้องการอะไรที่ต่างจากคนอื่น ทำให้เกิดการจัดทำ หรือเตรียมการเพื่อรองรับกับสิ่งที่ต้องการ แบบเฉพาะเจาะจง สำหรับตัวเอง มากยิ่งขึ้น จะสังเกตได้จาก การเลือกซื้อสินค้า หรือการสั่งทำเฉพาะอย่าง เช่น เครื่องแต่งกาย ที่ออกแบบเป็นหลากหลาย สไตล์ ต่างๆ หรือ แม้แต่การ ตบแต่ง ประดับประดา การสักตามร่างกาย หรือการประทับสัญญลักษณ์ ที่เห็นได้ในแต่ละประเทศ สิ่งเหล่านี้ จะถูกจัดทำขึ้นมา เพื่อตอบโจทย์ ความนิยมของความเป็น ปัจเจกบุคล ที่เรียกว่า Customization
4) กระแสการรักสุขภาพ จริงๆแล้ว การรักษาสุขภาพและการเป็นอยู่ที่ดี ได้ตามติดชีวิตคนเรามาได้สักพักหนึ่งแล้ว เราจะเห็นได้จาก คนนิยมทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เทรนด์ของอาหารคลีน ก็มากับกระแสนี้ คนนิยมออกกำลังกายมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค รวมถึงความนิยมในวิตตามินอาหารเสริมต่างๆ สิ่งเหล่านี้ มาพร้อมกับกระแสการรักสุขภาพ ทั้งหมด นั่นแสดงว่า ต้องมีการเตรียมการ สำหรับค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ นั่นเองครับ ^^
โฆษณา