4 ต.ค. 2020 เวลา 00:31 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
มาดูเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟธรรมดา ที่ไม่ธรรมดากัน !
ทำไมดื่มกาแฟกับของหวานถึงได้หวานยิ่งขึ้น ?
เรื่องราวของกาแฟกับตัวเลข ?
ทำไมถึงไม่ควรดื่มกาแฟก่อนอาหารเช้า ?
ดื่มกาแฟแล้วนอนเนี่ยนะ ?!
อะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า คิดว่าตอนนี้ที่เพื่อนๆกำลังอ่านบทความของเรา คงจะจิบกาแฟยามเช้า หรือยามบ่าย Afternoon coffee กันอยู่นะ ^^
ทำไมถึงไม่ควรดื่มกาแฟก่อนอาหารเช้า ?
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดควรเป็น"หลัง" อาหารเช้านะเพื่อนๆ
- เพื่อนๆเคยตื่นมาแล้วรู้สึก ตึง ง่วง ไม่ค่อย alert กันใช่ไหมเอ่ย ?
ขอเดาเลยว่าเพื่อนๆหลายคน อาจจะแก้ปัญหาด้วยการซดกาแฟดำ 1 แก้ว อาจจะระหว่างเข้าห้องน้ำอยู่ หรือ ขับรถ (แล้วค่อยกินอาหารเช้าที่ทำงาน)
- งานวิจัยของ University of Bath เนี่ย เค้าก็ออกมาเปิดเผยว่า นั้นเป็นพฤติกรรมการกินกาแฟที่ควรหลีกเลี่ยง
เพราะว่า ?
- การกินกาแฟโดยท้องว่าง (ไม่ได้ย่อยทำงานอะไรเลย6-8 ชั่วโมง) จะไปขัดขวางกระบวนการย่อยน้ำตาล และอาจทำให้เกิดภาวะน้ำตาลสูงหลังจากรับประทานอาหารเช้าได้นั้นเอง
- University of Bath เค้าได้ทำการทดลองใน 3 รูปแบบ กับผู้ร่วมทดสอบ 29 คน
1. นอนหลับเพียง ตื่นมาดื่มกาแฟดำเลย
2. นอนหลับไม่เพียงพอ ตื่นมาดื่มกาแฟดำเลย
3. นอนหลับไม่เพียงพอ ตื่นมาดื่มเครื่องดื่มที่ให้น้ำตาลก่อน
หลังจากนั้นก็มีการตรวจเลือด และวัดระดับ Glucose/Insulin
1
- ผลปรากฏว่า รูปแบบที่ 1 และ 3 ไม่มีผลอะไรมากกับระดับน้ำตาลหลังทานอาหารเช้า
- รูปแบบที่ 2 กลับเห็นผลน้ำตาลในเลือดมีระดับที่สูงขึ้นมา
- ก็พอสรุปได้ว่า สำหรับเพื่อนๆที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ก็ไม่ควรที่จะเริ่มวันด้วยการดื่มกาแฟก่อนน้าา
- หรือทางที่ดี ปลอดภัยไว้ก่อน ก็ดื่มหลังทานอาหารเช้าเนอะ เราว่ารสชาติกาแฟดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย
1
เรื่องราวของกาแฟกับตัวเลข มีด้วยเหรอ ?
- การที่เราเรียนรู้หลักการความเป็นจริงผ่านตัวเลขและทฤษฎีเนอะ ความพอดี หรือไม่พอดี ก็สะท้อนให้เห็นในตัวเลขได้
- กาแฟก็เช่นกัน ส่วนผสมที่ลงตัว ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวเลขอัตราส่วนของกาแฟ
- แต่กาแฟดำที่เราจะมาพูดถึงตอนนี้ ก็คือ Espresso
- สำหรับคอกาแฟแบบ เข้มๆ ข้นๆ ไม่ใส่นมเนี่ย การที่ร้านกาแฟหนึ่งจะสอบผ่านได้ ก็คือการชิมรสชาติของ Espresso หรือ กาแฟดำชงด้วยการ drip, chemex เลยก็ว่าได้
1
- ผงกาแฟบด Espresso 1 แก้ว ควรจะมีอัตราส่วนอยู่ที่ 20 กรัม (หรือ 2 shot) บดละเอียด และใช้เวลาแค่ 25 วินาที และนั้นจะทำให้การไหลของกาแฟออกมาเป็นชั้นครีมที่สวยงาม
- เราจะได้ตัว shot กาแฟที่มี 3 ชั้น ตามภาพข้างล่างเลย (แต่ต้องหลังจากที่ทำเสร็จสดๆเนี่ย จะเห็นความแตกต่างนระหว่าง 3 ชั้นนี่ ได้ชัดเจนกว่าปล่อยทิ้งเอาไว้สักพัก)
from Pinterest
- แต่ถ้าเพื่อนๆอยากได้รสชาติที่ดิบ และเข้มข้นมากกว่านี้ ก็อาจจะทำการปรับเปลี่ยนตัวเลข จาก 20 >> 15 กรัม แทน แล้วก็ปรับระดับความละเอียดของการบดให้น้อยลง คือเราจะได้ผงกาแฟที่มีขนาดใหญ่กว่า (แบบ Coarse นะเพื่อนๆ)
- ปรับเวลาการทำลดลงมาที่ 7-15 วินาที จากแบบมาตรฐาน 25 วินาที
1
- ความเข้มข้นของรสชาติกาแฟก็จะออกมาสูงกว่าเดิมนิดนึง
- สำหรับเรา เราชอบนะ มันอร่อยขึ้น แต่ว่าส่วนตัวชอบที่จะเอาการบดแบบหยาบๆ (Coarse) ไว้ทำเป็น Black coffee Drip จะอร่อยมากกว่า และไม่ต้องกังวลว่า shot จะออกมาเป็น 3 ชั้น รึเปล่าด้วยนะ (เพราะถ้าไม่ได้ทำตามสูตรคำนวนอันแรก กาแฟจะไม่ค่อยออกมาเป็น 3 ชั้นที่สวยงาม)
ทำไมดื่มกาแฟกับของหวาน ถึงได้หวานยิ่งขึ้น ?
- แม้กระทั่ง Dark Chocolate ที่ว่าขม ถ้าอยากให้หวานต้องกินคู่กับกาแฟ
- นักวิทยาศาสตร์จากมหาลัย Aarhus University ประเทศเดนมาร์ก ได้ทำการทดลองมากถึง 156 การทดลองกับอาสาสมัคร โดยให้พวกเค้าได้ทานของหวานก่อน และบอกถึงความรู้สึกของรสชาติ
- จากนั้นให้ดื่มกาแฟช็อตเอสเปรสโซ จากนั้นดื่มน้ำเปล่าแก้วเล็กๆตาม 1 แก้ว แล้วให้กลับมาลองทานของหวานชิ้นเดิมใหม่
- ผลสำรวจก็คือ เหล่าอาสาสมัครไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงได้ด้านการรับรู้ทางกลิ่น แต่ว่า...รสชาติความหวานนั้น กลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย
- Alexander Wieck หนึ่งในผู้เขียนงานวิจัยนี้ ได้ออกมาบอกถึงเหตุผลว่า การที่เราดื่มกาแฟก่อนนั้น จะเป็นการกระตุ้นระบบรับประสาทในลิ้นที่เกี่ยวกับรสชาติหวานที่มากขึ้น และรสชาติขมที่ลดลงไป (ขอย้ำว่าต้องเป็นกาแฟ Espresso)
1
- จากนั้นกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ทำการทดลองต่อเพื่อหาว่า คาเฟอีนคือสิ่งเร้าต่อประสาทสัมผัสรสชาติหวานหรือไม่
- โดยการให้อาสาสมัครรับประทานของหวานและกาแฟในรูปแบบเดิม แต่เปลี่ยนเป็น decaffeinated coffee หรือกาแฟไม่มีคาเฟอีนนั้นเอง
- ผลปรากฏว่า ..... เหมือนเดิมเลย อาสาสมัครยังคงรับถึงรสชาติหวานที่เพิ่มเติมหลังดื่มกาแฟไร้คาเฟอีนนี้เข้าไปอยู่ดี
- Alexander Wieck จึงตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมาว่า ส่วนประกอบที่ทำให้เกิดความขมของเมล็ดกาแฟ มีส่วนทำให้ประสาทสัมผัสในิ้นของคนเรารู้สึกว่า ตัวเรากำลังได้รับความขมที่มากเกินไป เลยทำให้ประสาทสัมผัสที่รับรู้ถึงความหวานเนี่ย ไวขึ้นและดีขึ้นนั้นเอง
- แต่อย่างไรก็ดี ยังไม่มีงานวิจัยต่อมาที่ได้พูดถึงว่าข้อสันนิษฐานนี่เป็นจริงหรือยังนะเพื่อนๆ (แต่เราแอบคิดเหมือนเค้าเลย)
1
- จากงานวิจัยชิ้นนี้ที่ถูกเขียนต่อกันมาเรื่อยๆ เลยเสมือนเป็น 1 ในทริคสำหรับคนต้องการลดของหวาน ลดน้ำตาล โดยการให้ดื่มกาแฟ ก่อนทานของหวาน เพราะจะทำให้เราสามารถลดระดับประเภทของของหวานลง เนื่องจากกาแฟจะทำให้ประสาทสัมผัสของลิ้นเรา รับรสหวานได้ดีขึ้นนั้นเอง
- นั้นคือ กิน Dark Chocolate ก็ยังหวาน แถมสุขภาพไม่เสียมากด้วย (ถ้าไม่กินเยอะเกินไป)
ดื่มกาแฟแล้วนอนงีบ ดีจริงเหรอ? ช่วยทำให้เราตื่นได้จริงเหรอ ?
- อย่างแรก ขอบอกก่อนเลยว่า สำหรับตัวเรานั้น จริงมากกก !
- เดี๋ยวนี้ทุกวันตอนบ่าย 2 เราจะดื่มกาแฟดำ (2 ช็อต) หลังจากนั้น ก็จะงีบหลับสัก 20 นาที พอตื่นมาอีกทีนะ บอกเลยว่า มันตื่นแบบ ตื่นสุดอะ แถมมีสมาธิเพิ่มขึ้นด้วย (แต่ต้องเคลียกับเพื่อนๆที่ทำงานด้วยนะ เดี๋ยวเค้านึกว่าเราอู้งาน)
- งานวิจัยของ Dr. Stephanie Centofanti จาก University of South Australia ได้ทำการทดลองกับอาสาสมัครอดนอนเพื่อการทดลอง (ไม่ได้ระบุจำนวนนะเพื่อนๆ)
- โดยให้พวกเค้าดื่มกาแฟที่มีขนาดคาเฟอีนอยู่ที่ 200 มิลลิกรัม ในเวลา ตี 3ครึ่ง ใช่แล้ว กลางดึกเลยเพื่อนๆ จากนั้นให้งีบหลับโดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่ 30 นาที
- หลังจากนั้นให้ตื่น และ Dr. Stephanie ก็พบกับผลสำรวจว่า กลุ่มอาสาสมัครนั้นมีสมาธิเพิ่มขึ้น รวมถึงความตื่นตัวเป็นระยะเวลามากถึง 45 นาที กลางดึกเลยละ
- และนั้นก็สามารถอธิบายได้ถึงระยะเวลาการออกฤทธิ์ของคาเฟอีนในกาแฟเนี่ย เค้าจะใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ไม่ใช่ว่ากินแล้วจะตื่นตัวเลย (อาจะตื่นขากรสชาติที่ขม)
- เพราะฉะนั้นถ้าเราชาร์จพลังสั้นๆด้วยการงีบเนี่ย ก็เท่ากับว่าเรารีดเค้นประสิทธิภาพของร่างกายและคาเฟอีนได้อย่างเต็มที่นั้นเอง
- อ้างอิงเพิ่มเติมจากแอพ Sleep Cycle เค้าได้บอกว่า ระยะเวลาที่เหมาะสมที่สุดกับการใช้วิธี Power nap คือ 20 นาที ไม่สั้นไม่เกิน เพระาถ้าเกินกว่านี้ สมองจะมีอาการเหมือนกับคนเมาแฮงค์
- หรือถ้าจะนานกว่านี้ ต้องเลยไปที่ 90 นาที หรือครบวงจรการนอนครั้งที่ 1 นั้นเอง (First stage sleep cycle)
Power Nap + Caffeine ระยะเวลาของทั้ง 2 อย่างนี้ พอดีกันอย่างไม่น่าเชื่อเลยละ !
เราลองแล้วได้ผลจริงๆนะ เพื่อนๆลองกันดู :)
Amerisleep.com
หวังว่าเพื่อนๆคงจะสามารถใช้งานประสิทธิภาพของกาแฟได้อย่างคุ้มค่ากันนะ 4
อย่าดื่มแบบใส่น้ำตาลมากไปนะ นอกจากจะลดประสิทธิภาพการทำงานของคาเฟอีนแล้ว สุขภาพยังไม่ดีอีกด้วย ^^
โฆษณา