3 ต.ค. 2020 เวลา 04:33 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
RATCHED
“Mildred, You’re angle of mercy”
ซีรีส์ใหม่แกะกล่องของ Netflix ว่าด้วยเรื่องเกิดขึ้นในปี 1974 เรื่องราวของพยาบาลสาว มิลเดร็ท แรทเชรด ผู้ทำงานในโรงพยาบาลจิตเวช ปัญหาและปมในใจที่จะค่อยๆถูกเผยออกมาผ่านเหตุการณ์อันเหี้ยมโหด กับความลับด้านมืดที่เธอ
พยายามซ่อนเอาไว้
ตัวละครต่างๆในเรื่องนี้ มีชื่อเดียวกันกับ นวนิยายเรื่อง One flew over the Cukcoo’s Nest ถูกนำมาปรับปรุงและกำกับ โดย Evan Romansky และ Ryan Murphy ผู้กำกับชื่อดังที่เคยมีผลงานการกำกับซีรี่ส์สยองขวัญที่ทุกคนน่าจะรู้จักกันเป็น
อย่างดีนั่นก็คือ American Horror Story และ the politician
เป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนักสำหรับบรรดาแฟนคลับของ Sarah Pulson เธอกลับมารับบทหลัก มิลเดร็ท แรทแชรด ในเรื่อง ซึ่งเราไม่ต้องสงสัยอะไรในฝีมือการแสดงของผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ เธอยังคงมีทักษะที่ทำให้เราทึ่งได้ทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่น เดียวกัน แต่ในเรื่องนี้เราจะไม่ได้ยินเสียงกรีดร้องของเธอเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่จะได้เห็นตัวตนและความรู้สึกมิลเดร็ทผ่านแววตาของเธอได้โดยที่ไม่ต้องเห็นว่าเธอยิ้ม เราก็รู้ว่าเธอยิ้มได้ และนี่คือจุดที่ทำให้เราชอบในตัว Sarah มาก
ในตัวซีรีส์เอง ก็มีอยู่หลายประเด็นที่ต้องการจะนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็น โรคจิตเภท การต่อต้านกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน สังคมผู้ชายเป็นใหญ่ และการฆาตรกรรมต่างๆ เราชอบที่หลายๆประเด็นเหล่านี้มันสามารถสื่อสารกันได้อย่างลงตัว เปิดมาในซีนแรกของเรื่อง ทำให้แอบนึกถึง the string ที่จะเป็นฉากขับรถไปในถนนเส้นเล็กๆริมขอบผา ที่สุดแสนไกล ยาวสุดลูกหูลูกตา แถมมาด้วยบรรยากาศที่สวยงามของ ทะเลและท้องฟ้า
บรรยากาศในเรื่องนี้ โรงพยาบาลจิตเวช จะมีความทันสมัยอยู่ค่อนข้าง มาก ไม่ได้เป็นโรงพยาลจิตเวชยุค 90 ที่เราเคยเห็นในซีรี่ส์หรือหนังหลายๆเรื่อง โรงพยาบาลจิตเวชที่นี่จะมีความสวยงาม สะอาด และสีสรรค่อนข้างจัดว่าสดใสมาก ทั้งตัวห้อง อุปกรณ์ต่างๆ สีชุดของเหล่าพยาบาล เราคิดว่าในซีรี่ส์นี้พยายามเล่นกับแสงสีได้ดีมาก การจัดองค์ประกอบของแสงไฟก็เช่นเดียวกัน มักจะมีโทนของสีแดง และ สีเขียว ที่จะช่วยทำให้ผู้ชมเข้าถึงอารมณ์ได้มากขึ้น ส่วนด้านเสื้อผ้าขอชมเลยว่าทำ ได้ดีมาก สวยทุกชุด สรรหาทำมาก ยอมแล้ว
ส่วนในเรื่องระดับความโหด ความสยอง Ratched เอง ก็มีมาให้ผู้ชมรู้สึก อยากจะอาเจียนได้ มีฉากทางการแพทย์ที่เรียกได้ว่า อาจจะทานข้าวต่อไม่ลง แต่ไม่ได้มีฉากแบบนี้มาตลอดทั้งเรื่อง ยังมีมาให้เป็นน้ำจิ้มพอหอมปากหอมคอ เราถือว่า ทำมาได้พอดีแล้ว และระดับความโหดก็คือ เกือบจะ max
 
ความเนียนของซีรี่ส์เรื่องนี้คือจะพาผู้ชมดำดิ่งไปการกระทำอันมืดมิดภาย ในจิตใจของคน แม้เราดูแล้วจะรู้ว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผิด แต่เรากลับยินดีและอยู่สนับสนุนสิ่งที่ผิดไปอย่างไม่รู้ตัว กลายเป็นว่าเรามีเหตุผลเดียวกันกับตัวละครหลักไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้เราแอบแปลกใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่า นี่เราทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วใช่ไหม
ตัวละครต่างๆในเรื่องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา บางตัวที่เราอาจจะเคย เกลียดมากๆในตอนช่วงต้นของเรื่อง กลับกลายเป็นตัวละครที่เรารัก และชื่นชอบได้ หรือ การเรียนรู้จากประสบการณ์และบทเรียนต่างๆของตัวละคร ก็ทำให้พวกเขา เหล่านั้นแข็งแกร่งขึ้น
การดำเนินเรื่องเป็นไปอย่างรวดเร็ว ตัวละครหลัก มิลเดร็ทมีการเคลื่อน ไหว ทำสิ่งต่างๆอยู่ตลอดเวลา บางฉากเกิดขึ้นเลยโดยที่ไม่ต้องเล่าทั้งหมด ซึ่งเรา ชอบมากมันทำให้เรื่องไม่เอื่อย และเราก็สนุกไปกับเรื่องราวต่างๆได้โดยที่เราเข้าใจได้แม้จะไม่มีฉากนั้น นี่เป็นจุดที่ดีของซีรี่ส์เรื่องนี้ จะมีแค่บางฉากที่คุยกันในเรื่อง
ความสัมพันธ์ที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อๆ ไปบ้าง แต่โดยรวมทำได้ดีมาก
ซีรี่ส์นี้มาพอดีๆ 8 EP เราดูอยู่แป๊ปเดียวก็จบแล้ว น่าเสียดายแต่รู้สึก
ประทับใจเป็นอย่างยิ่ง และยินดีกับการแสดงของทุกท่านในเรื่อง เป็นซีรี่ส์ที่เล่าเรื่องได้สนุก รวดเร็ว มีประเด็นทางสังคมแทรกมาอย่างเข้มข้น เป็นซีรี่ส์ที่เราอยากจะแนะนำให้ทุกคนไปดูกันเยอะๆ เพราะมันสนุกมากจริงๆ
โฆษณา