4 ต.ค. 2020 เวลา 09:56 • หนังสือ
EP1 "ชาวฮินดูแย้งว่า เครื่องบินถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยนักปราชญ์ในอนุทวีปอินเดีย(7000ปีก่อน!)”
(ซีรี่ส์จากหนังสือ 21 บทเรียนสำหรับศตวรรษที่ 21 - "ความถ่อมตน")
มันไม่ใช่แค่บินไปข้างๆได้เท่านั้น ไปกลับระหว่างประเทศก็ได้ ไปดาวอื่นก็ได้
คุณ Yuval Noah Harari ผู้เขียนหนังสือ “21 บทเรียนสำหรับศตวรรษที่ 21” เล่มนี้ ได้ยกตัวอย่างเอาไว้หลายเรื่องเกี่ยวกับ การที่มนุษย์มักจะเห็นว่าตนเองนั้นเป็นศูนย์กลางของโลก
เช่นว่า ในแง่ประวัติศาสตร์นั้น ชาวกรีกเชื่อว่ามนุษยชาติเริ่มต้นมาจากสมัย โอเมร์ โชโฟคลิส และ เพลโต ซึ่งผู้เขียนก็คิดว่า "เข้าใจได้" และไม่ถึงกับต้องไปพิสูจน์ความผิดถูก เพราะชาวจีนบางกลุ่มก็คิดว่าประวัติศาสตร์จริงๆแล้วเกิดขึ้นสมัยราชวงศ์หวงตี้
เรื่องแบบนี้อยู่ที่ว่ามีความชาตินิยมเพียงใด
แต่ที่ผู้เขียนรู้สึกติดใจบทนี้ของหนังสือคือ มีข้อความว่า
"ชาวฮินดูแย้งว่า เครื่องบิน ถูกประดิษฐ์ขึ้นโดยนักปราชญ์ในอนุทวีปอินเดีย!"
ผมเองอ่านถึงตอนนี้ถึงกลับต้องวางหนังสือแล้วไปหา "วิทยาศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลัง" คำกล่าวอ้างนี้เลยทีเดียว
ภาพสเก็ตท์เครื่องบินของอินเดียในหนังสือเวทโบราณ, มี 40เครื่องยนต์เล็ก บินไปกลับระหว่างประเทศ และ บินไประหว่างดวงดาวก็ได้
แล้วมันก็มีข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงด้วยสิ!
ในปี 2014 กับตัน อนันดา โบดาส อดีตนักบินของอินเดียได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในงาน ที่รวมนักวิทยาศาสตร์คำสำคัญๆของอินเดียเป็นสมาชิกถึง3หมื่นคน และอ้างอิงเรื่องนี้ไปถึงหนังสือที่ถูกเขียนเกี่ยวกับเทคโนโลยี่เก่าแก่ของอินเดีย และอ้างว่าถูกคิดค้นโดยมหาฤาษีภรัทวาช
และมีใช้ตั้งแต่ 7000 ปีก่อนนู่นเลย
มหาฤาษีภรัทวาช (ผู้เขียนหาหลักฐานไม่ได้ว่ามีตัวตนจริงๆ)
มหาฤาษีภรัทวาช หรือ เรียกว่าเป็นหนึ่งในปราชญ์เวทที่เคารพในอินเดียโบราณ เป็นนักวิชาการ นักเศรษฐศาสตร์และแพทย์ที่มีชื่อเสียง ชื่อของเขามักปรากฏอยู่ในวรรณคดีของชาวอินเดีย มีบทบาทสำคัญแก่สังคมอินเดีย
เรื่องเครื่องบินลำนี้นั้นมีสรุปเด่นๆได้ตามนี้ครับ
- มันใช้เครื่องยนต์เล็ก 40 เครื่อง
- นอกจากบินไปข้างหน้า หลังแล้ว ยังบินแนวข้างได้ด้วย
- ในอดีต ใช้บินไปกลับระหว่างประเทศ
- บินข้ามระหว่างดวงดาวก็ได้! (planet to planet!) ... ใจเย็นก่อนอย่าเพิ่งข้ามไปครับ ผู้เขียนก็คิดเหมือนคนอ่านน่ะแหละ..แต่เขาว่าของเขาอย่างนี้จริงๆ
อย่างไรก็ตามมีข้อโต้แย้งมากมายเกี่ยวกับเทคโนโลยี่อายุกว่า 7000ปีนี้ ทั้งในแง่การดิสเครดิตตัวผู้เขียนหนังสือที่ดันเขียนอยู่ในศตวรรษที่19-20 แทนที่จะเก่าแก่กว่านั้น แต่ที่สำคัญคือ เครื่องบินในภาพสเก็ตท์นั้น ไม่มีวิทยาการอะไรเลยที่จะทำให้มันบินได้
ที่น่าประหลาดใจกว่านั้นคือ ผู้เขียนพบว่ามีคนอินเดียไม่น้อยที่เห็นด้วยกับประเด็นนี้และอ้างว่าวิทยาการนี้นานมาก ขาดการส่งต่อจนผู้คนลืมไปแล้ว หรือไม่ก็ถูกต่างชาติขโมยเทคโนโลยี่ไปแล้ว
ว่ากันตามหลักฐานที่ปรากฏเป็นทางการแล้ว พี่น้องตระกูลไรท์เป็นผู้คิดค้นเครื่องบินครั้งแรกเมื่อร้อยกว่าปีมานี้เอง แต่ความเชื่อเรื่องที่ว่าชาติพันธุ์ตัวเองเก่งกว่าและเป็นผู้คิดค้นเครื่องบินนั้นก็มีให้เห็นอยู่ประปราย
ในอเมริกากลางเองก็เคยพบว่ามีเครื่องประดับทำจากทองและมีรูปร่างคล้ายกับเครื่องบิน เรื่องนี้มีการขิงกันว่าอเมริกากลางยุคนั้นต่างหากเป็นผู้คิดค้นเครื่องบิน แต่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยก็ให้ความเห็นว่าหน้าตามันคล้ายกับปลาตามโขดหินเสียมากกว่า
เครื่องประดับยุค 500 -800 ก่อนคริสตกาล
ผมเองคิดว่าความรู้นั้นเป็นเรื่องที่ “เติบโตเหมือนเปลวเทียน” หากว่าในอดีตเราเคยมี
ความรู้ -เทคโนโลยี่ที่ดีกว่าปัจจุบันจริง มันก็สำคัญมากๆที่เราจะต้องรู้ว่า แล้วมันหายไปไหน?
น่าเสียดายที่กรณีเครื่องบินโบราณอินเดียนั้น เหตุผลที่ว่าถูกต่างชาติขโมยไปมันค่อนข้างเข้าใจยาก เพราะเรารู้กันว่าการแย่งชิงทรัพยากรพวกดินแดน น้ำมัน นั้นพอทำได้ แต่ความรู้นั้น..เหมือนเปลวไฟบนเทียน มันมีแต่ต่อๆกันเล่มต่อเล่มเท่านั้น
ลึกๆแล้วอัตตาของเราเองนั่นแหละทำให้เราคิดว่าเรามีความสำคัญกว่าคนอื่น นี่แทบไม่ต้องพูดถึงว่าเรามีความสำคัญกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นๆด้วยซ้ำ
เราส่วนมากจึงมีแนวโน้มจะทึกทักเอาเองว่า วัฒนธรรม หรือ สิ่งที่เราทำทั้งในอดีตและปัจจุบันนั้นมันดี และ สำคัญต่อโลกมากกว่าคนอื่นๆ หรือประเทศอื่นๆ
หนังสือบทนี้ของ Yuval Noah Harari ให้คำแนะนำเอาไว้อย่างน่าคิดว่า ทุกเผ่าพันธุ์ ทุกเชื้อชาตินั้นมีความบกพร่อง การถืออัตตาที่จะลงความเห็นว่าสิ่งนี้ เหล่านี้เป็นของตน ของชาติตนไม่ได้ทำให้เราสามารถก้าวผ่านศตวรรษนี้ไปได้
การร่วมมือกันระหว่างชนชาติเป็นเรื่องที่ต้องทำ และเพื่อจะทำอย่างนั้นเราควรจะถ่อมตัวให้มากเข้าไว้ เพื่อรักษาการร่วมมือนั้นเอาไว้อย่างดี
ขอบคุณที่อ่านครับ
โฆษณา