25 ต.ค. 2020 เวลา 10:38 • ประวัติศาสตร์
Maurya Empire ตอนที่2
ในตอนนี้จะอธิบายถึงเรื่องราวหลังจากพระเจ้าพินทุสารได้ขึ้นครองราชย์
จากตำราอโศกาวาดานา(ashokavadana)พระเจ้าพินทุสารมีภรรยาทั้งหมด16คน และมีลูกทั้งหมด101คน ซึ่งในเหล่าลูกๆทั้งหมดจะมี2คนที่มีบทมากที่สุดคือเจ้าชายสุสิม และเจ้าชายอโศกซึ่งทั้ง2เป็นบุตรคนละแม่ และเจ้าชายอโศกก็มีน้องแท้ๆแม่เดียวกันชื่อทิสษา เจ้าชายอโศกนั้นยังมีพี่น้องพี่อายุมากกว่าหลายพระองค์
รัฐorissaในปัจจุบัน และเป็นส่วนหนึ่งของกาลิงคะในอดีต
จากตำราพระพุทธศาสนา กล่าวว่าอาจารย์จาณักยะ(ผู้ก่อตั้งราชวงศ์ร่วมกับพระเจ้าจันทรคุปต์)หัวหน้าที่ปรึกษาของพระเจ้าพินทุสาร ทำลายล้างขุนนางและกษัตริย์ของเมือง 16 เมืองและตั้งพระเจ้าอโศกเป็นเจ้าของดินแดนเหล่านั้นทั้งหมด
ครั้งเมื่อพระเจ้าอโศกประจำการอยู่ที่อุชเชน(Ujjain) พระเจ้าพินทุสารได้ศวรรคต นำมาซึ่งศึกแย่งชิงบัลลังก์ ก่อนสววรคตพระเจ้าพินทุสารต้องการที่จะให้สุสิมะ ขึ้นครองบัลลังก์ แต่พระเจ้าอโศกได้รับการสนับสนุนจากบรรดาอำมาตย์รัฐมนตรีของพระราชบิดาของพระองค์ เพราะบรรดารัฐมนตรีที่ปรึกษาเห็นว่าพระเจ้าสุสิม เป็นคนหยิ่งและไม่สุภาพต่อพวกเขา
รัฐมนตรีชื่อ Radha Gupt(ซึ่งเป็นศิษย์เอกของจาณักยะ)มีบทบาทสำคัญในการขึ้นครองบัลลังก์ของพระเจ้าอโศก ตามคัมภีร์อโศกาวาดานากล่าวว่า พระเจ้าอโศกได้กำจัดรัชทายาทที่มีสิทธิ์ขึ้นบัลลังก์ทั้งหมด โดยการหลอกล่อองค์รัชทายาทให้เข้าไปยังหลุมเป็นหลุมที่เต็มไปด้วยถ่านเพลิง ว่ากันว่า พระเจ้าอโศกได้สังหารพี่น้องไป 99 พระองค์ เหลือไว้เพียงแค่คนเดียว คือทิสษา ต่อมาจัดพิธีราชาภิเษก (269 ปีก่อน ค.ศ.) และได้ขึ้นครองราชย์อย่างเต็มตัว และมี Radha guptรัฐมนตรีที่สำคัญ
ตามตำราพุทธนั้นว่ากันว่าพระเจ้าอโศกมหาราชมีด้วยกัน2บุคลิกคือ มีบุคลิกที่เรียกว่า Chand Ashok ซึ่งเป็นบุคลิกที่ดุโหดร้ายอำมหิต ไร้ความเมตตาปราณี และอีกบุคลิกซึ่งเป็นช่วงที่หลังจากที่ได้รู้จักศาสนาพุทธแล้วเรียกว่าDharma Ashoka ซึ่งมีนิสัยต่างกันสิ้นเชิง
หลังจากได้ขึ้นครองราชย์แล้ว พระเจ้าอโศกเริ่มขยายอาณาจักรโดยการตีรัฐเล็ก รัฐใหญ่ไปเรื่อยๆ จากตำราอโศกาวาดานามคธมีทหารราบกว่า400000นาย ทหารม้าก็ว่า30000นาย และ ช้างสงครามก็ว่า9000ตัว
มคธสมัยราชวงศ์เมารยา ซึ่งใหญ่กว่าอินเดียในปัจจุบันเสียอีก
พระองค์เป็นคนที่กระหายเลือดมาก จนมีครั้งหนึ่งได้ทำศึกกับ รัฐกาลิงคะ(รัฐโอริสสาและทางตอนเหนือของอันตรประเทศในปัจจุบัน) เป็นรัฐที่แข็งแกร่งรองเพียงมคธ สงครามแคว้นกาลิงคะเกิดขึ้นเป็นเวลา 8 ปี หลังจากการราชาภิเษกของพระองค์ จากจารึกใน ค.ศ. 13 ทำให้รู้ได้ถึงความโหดร้ายของสงครามครั้งนี้ มีทหารและราษฎรผู้ที่ลุกขึ้นต่อต้านตายมากกว่า 1 แสนคน มากกว่า 150,000 คนถูกเนรเทศ เมื่อพระเจ้าอโศกเดินผ่านทุ่งของแคว้นกาลิงคะ หลังจากการพิชิต ความดีใจแห่งชัยชนะมลายหายไป เพราะจำนวนของซากศพที่กองระเกะระกะและความสะอื้นจากความสูญเสีย สงครามที่รุนแรงครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงจักรพรรดิผู้เต็มไปด้วยความหึกเหิมให้มากลายเป็นจักรพรรดิผู้หนักแน่นมั่นคงและมุ่งสันติภาพ และหันไปปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า โดยมีพระนิโครธสามเณรที่มีกิริยามารยาทสงบเรียบร้อย แสดงธรรม จึงเกิดความเลื่อมใสในพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า
รัฐorissaในปัจจุบัน และเป็นส่วนหนึ่งของกาลิงคะในอดีต
พระเจ้าอโศกทรงทำนุบำรุงพุทธศาสนาทรงสร้างวัด วิหาร พระสถูป พระเจดีย์ ศิลาจารึก มหาวิทยาลัยนาลันทา ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกที่ผนวชขณะที่ยังทรงครองราชย์อยู่ และเลิกการแผ่อำนาจในการปกครอง มาใช้หลักธรรม (ธรรมราชา) ปกครอง นอกจากนี้ ยังทรงส่งสมณทูตไปเผยแพร่ศาสนา โดยแบ่งเป็น 9 สาย โดยมีดังนี้
พระMadhyamik Sthavira เป็นหัวหน้าไปยังแคว้นแคชเมียร์ และอัฟกานิสถาน พระMaharaskshit Sthavira ไปซีเรีย ,เปอร์เซีย(อิหร่าน) ,อียิปต์ ,กรีก ,อิตาลี และตุรกี พระMassim Sthavira ไปเนปาล ,ภูฏาน ,จีน และมองโกเลีย พระSohn Uttar Sthavira ไปกัมพูชา ลาว พม่า ไทย และเวียดนาม พระMahadhhamarakhhita Sthavira ไปรัฐมหาราษฎร์(อินเดีย)พระMaharakhhit Sthavira และพระYavandhammarakhhita Sthavira ไปอินเดียใต้
พระองค์เป็นผู้จัดการสังคายนาครั้งที่สามในศาสนาพุทธ ณ วัดอโศการาม เมืองปาฏลีบุตร และทรงยังอุปถัมภ์ผู้ที่นับถือศาสนาเชนโดยการถวายถ้ำหลายแห่งให้แก่ศาสนิกเชนเพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา
ต่อมาก็โปรดเกล้าให้สร้างบ่อน้ำ ที่พักคนเดินทาง โรงพยาบาล และปลูกต้นไม้ เพื่อจัดสาธารณูปโภคและสาธารณะตามหลักพุทธธรรม ต่อจากนั้นก็เสด็จไปพบสังเวชนียสถาน 4 แห่งเป็นคนแรก และทรงสถาปนาให้เป็นเป็นสถานที่สักการบูชาของพุทธศาสนิกชนในเวลาต่อมา นับว่าพระองค์เป็นอัครศาสนูปถัมภ์พระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง ซึ่ง ณ จุดนี้เองที่เรียกว่าDharma Ashok หรืออโศกผู้ทรงธรรม
ในตอนหน้า ซึ่งเป็นตอนจบจะอธิบายหลังจากที่พระเจ้าอโศกมหาราชได้เสด็จสวรรคต และการสิ้นสุดลงของยุคเมารยะที่มีพื้นทึ่ครอบคลุมในหลายประเทศปัจจุบัน จากการรัฐประหารของพราหมณ์นามว่าปุษยมิตร
แล้วพบกันใหม่ในตอนหน้าสวัสดีครับ
อ้างอิง
โฆษณา