14 ต.ค. 2020 เวลา 00:07 • ท่องเที่ยว
ช๘๔_พระนอนวัดป่าโมก ชลอพุทธไสยาสน์
๏๏เชือกใหญ่ใส่รอกร้อย เรียงกระสัน
กว้านช่อชะลอผันขัน ยึดยื้อ
ลวดหนังรั้งพัลวัน พวนเพิ่ม
โห่โหมประโคมอึงอื้อ ลากเล้าประโคมไป ฯ
๏๏ตะวันลงตรงทิศทุกัง แทงสาย
เซราะฝั่งพงรหุรหาย รอดน้ำ
ขุดเขื่อนเลื่อนทลมทลาย ริมราก
ผนังแยกแตกแตนซ้ำ รูปร้าวปฏิมา ฯ
โคลงชลอพระพุทธไสยาสน์ พระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ (ครั้งดำรงยศเป็นกรมพระราชวังบวร)
......มีเหตุการณ์ใหญ่เหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในยุคสมัยพระเจ้าท้ายสระ คือน้ำซัดตลิ่งวัดพระนอนที่ป่าโมกเข้ามาใกล้ขนาดจะทำให้องค์พระนอนเสียหายได้ แต่ด้วยขนาดขององค์พระท่านใหญ่โตมากเมื่อโยกย้ายอาจจะทำให้ปูนที่ปั้นเป็นรูปองค์พระกระเทาะเสียหาย จนมีขุนนางท่านหนึ่งคงเป็นนายช่างรับรองเอากับพระเจ้าแผ่นดินว่าขอรับประกันด้วยชีวิต หลังจากสรุปให้ทำการเคลื่อนย้ายองค์พระนอน
......สมัยนั้นถือเป็นโครงการใหญ่มากขนาดมีบันทึกไว้ในพงศาวดาร เท่านั้นยังไม่พอยังมีการแต่งโคลงชุดหนึ่งคงจะพอได้ยินกันบ้างชื่อ "โคลงชลอพุทธไสยยาสน์" ซึ่งผู้ที่แต่งก็คือวังบวรฯในยุคนั้นและต่อมาท่านก็เป็นพระเจ้าบรมโกศ เราได้ยินเรื่องพระพระเจ้าบรมโกศมามาก แต่ไม่ค่อยเคยได้ยินว่าท่านเป็นกวีด้วย เอาเข้ารายละเอียดแล้วคงพอนึกออกว่า ทำไมเจ้าฟ้ากุ้งซึ่งเป็นบุตรคนโตถึงเป็นกวีเอกขึ้นมาได้ จริงๆโคลงหรือบทกวีในสมัยก่อนก็เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ประเภทหนึ่ง ด้วยท่านไปควบคุมการชลอพุทธไสยาสน์นั้น
.......คิดดูความสำคัญสมัยก่อนต้องใช้คนระดับวังบวรฯเข้าไปดูแลงานก่อสร้าง มีรายละเอียดในโคลงขนาดว่าน้ำเซาะตลิ่งมาห่างใกล้องค์พระเป็นระยะทางเท่าไรกันทีเดียว และจะชลอ(เลื่อน)ออกไปอีกเท่าไร ท่านใดสนใจพอจะหาอ่านได้ทางอินเตอร์เนตนี่เอง (จำไม่ได้เหมือนกันครับน่าจะเป็นที่บ้านจอมยุทธกระมัง)
๏๑.ใหญ่ยาวเหยียดงามชั้น เชิงชาว
พุทธไสยาสน์เต็มห้องราว ปลอบแย้ม
ใดโศกทุกข์ร้อนหนาว สอนใจ ชนแลส่งธรรมสืบต่อแง้ม อย่าช้าประมาทกาล ฯ
๏๒.สรีเอยอยุธเยศแสร้ง เสกองค์
งามเอยสวรรค์ลง เลิศแล้ว
อิ่มเอยอิ่มพักตร์จง อาบแสง
แสงเอยสุกสรวงแก้ว นี่ฟ้าอินชลอ ฯ
๏๓.ดั่งหยาดสุโขทัยปั้น องค์งาม
ดั่งแสงศาสดาขาม ส่องแจ้ง
ดั่งยานนำชนข้าม ชเลไกล
ดังนี้ปัจจุบันแสร้ง ต่อเค้นธรรมสมาน ฯ
.....พระนอนในสมัยอยุธยานี้มีหลายองค์ ลำพังในจังหวัดอยุธยาขนาดมีทัวร์ไหว้พระนอนยังสามารถไหว้ได้ถึง๗วัด๙วัด แต่เป็นรุ่นรัตนะแล้วอยู่หลายองค์ ต้นทางที่เรารู้จักกันดีคือพระนอนจักรสีห์ที่สิงห์บุรีที่นั่นอาจดูเก่าแก่ที่สุดในพื้นที่ น่าจะมาก่อนหรือสมัยสุโขทัยอีก แต่แม้ที่นี่มาในรุ่นรองมาแต่ที่นี่ ก็มีประวัติศาสตร์พงศาวดารอ้างอิงมาเป็นหลายครั้ง เช่นพระนเรศวรก็มากราบท่านก่อนไปทำศึกกับพระมหาอุปราชเมืองพม่า ที่นี่ดูจะเป็นหลักชัยกับผู้คนโดยเฉพาะพระมหากษัตริย์ ในรุ่นอยุธยามากทีเดียวอีกทั้งงก็อยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองอยุธยามากนัก
.....สมัยที่ผมยังไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์เวลาเห็นพระนอนอย่างพระนอนจักรสีห์ก็ดี ท่านป่าโมกที่นี่ก็ดี ก็ยังคิดว่าท่านทั้งหลายนี้เป็นพระนอนสมัยอยุธยา ด้วยคิดว่าอยู่ในพื้นที่ของอยุธยาหรือของอาณาจักรอยุธยาในอดีตแต่จริงๆที่นี่ก็อยู่ในอาณาจักรสุโขทัยในอดีตด้วย หลายครั้งหลายหนก็ยังแปลใจว่าวงหน้าของท่านดูไม่มีเค้าแบบพระอยุธยาเลย และจริงๆด้วยท่านเป็นพระรุ่นสุโขทัย ด้วยอ่านประวัติว่าพงศาวดารเหนือกล่าวว่าท่านสร้างตอนที่สุโขทัยเป็นอาณาจักรอยู่ แต่ผมหาในพงศาวดารเหนือยังหาความข้อนี้ไม่พบ แต่กระนั้นรูปร่างโดยเฉพาะพระพักตร์นี้เมื่อดูไปเรื่อยแน่นอนเลยว่าเป็นพระสุโขทัย และที่นี่ดูจะชัดกว่าท่านจักรสีห์เสียอีก เมืองสุโขทัยนี่มีอะไรน่าสนใจมากในเวลาที่แสนสั้น ของอาณาจักรประมาณร้อยปีหรือร้อยปีนิดหน่อยกับความยิ่งใหญ่ ของอาณาจักรที่ไปสุดเมืองมอญ สุดแหลมมลายูสุดล้านช้างแต่พอยุคที่เมืองตอนกลางของลุ่มเจ้าพระยาอย่างสุพรรณบุรีลพบุรีอโยธยามอญเข้มแข็งขึ้นมา สุดท้ายสุโขทัยก็เหลือเมืองปกครองรอบตัวอยู่ไม่กี่เมือง แต่คติความคิดสิ่งก่อสร้างศิลปะต่างๆยังทิ้งร่องรอยไว้ตามเมืองต่างๆหลายแห่ง
๏๔.มิ่งเมืองพุทธมิ่งแก้ว อ่างทอง
มิ่งขวัญชนชาวผอง สองเจ้า อยุธเยศ
ขุนอินทร์ประมูลจอง ชนกราน
หนึ่งพระนอนป่าโมกเกล้า สว่างแพร้วศรีบุรินทร์ ฯ
๏๕.โอษฐอิ่มอิ่มงามแท้ หน้านาง
นาสิกโด่งขนงสะอาง โก่งกว้าง
ไรศกก้นหอยสาง เล็กเรียว
ยังสบเนตรส่งคว้าง โอ๋พระเจ้ามองเรา ฯ
๏๖.มีรอยจารึกไว้ จดจาร
ว่านเรศเสด็จมากราน กราบแก้ว
ก่อนต่ออุปราชม่าน สุพรรณบุรี
ขานยุทธหัตถีแกล้ว เกียรติให้เกริกไกร ฯ
๏๗.ต่อสมัยท้ายสระเจ้า ครองบดินทร์
น้ำเซาะกัดตลิ่งกิน เบียนใกล้
เบี่ยงยี่สิบเมตรสิ้น ห้าเดือน
โคลงวังบวรแต่งไว้ ชลอด้วยลำบากแสน ฯ
โคลงชมวัด
.......ท่านป่าโมกองค์นี้เป็นที่นับถือของคนในสมัยอยุธยาโดยเฉพาะกษัตริย์มีเอ่ยไว้ในพงศาวดารรุ่นพระนเรศวรจะไปรบศึกใหญ่กับพระมหาอุปราชเมืองพม่า ก็มากราบท่านป่าโมกและอีกครั้งก็คือการชลอพระพุทธไสยาสน์สมัยพระเจ้าท้ายสระฯ ดังที่กล่าวไว้ต้อนต้น ยุคสมัยปัจจุบันที่พวกเราใช้ฐานความคิดตะวันตก เมื่อมีใครกล่าวถึงพระนอนก็จะต้องมีคนแทรกถามขึ้นมาว่าพระนอนในประเทศไทยที่ไหนใหญ่ยาวที่สุด ผมเจอเข้ากับตัวเมื่อเพื่อนผมถามมาและผมก็ตอบเขาได้ไม่ถูกเพราะจำได้ว่าท่านขุนอินประมูลหรือท่านสะตือที่ท่าเรือองค์ใดองค์หนึ่ง คำถามแนวนี้เหมือนคำถามอะไรและอีกหลายอย่าง ในยุคสมัยนี้ คำถามเหล่านี้ ไม่ได้ช่วยให้ผู้คน มีความฉลาดขึ้น รู้จักโลกและสังคมมากขึ้น เพราะเป็นภาคของการจดจำ เราได้แค่บรรจุเรื่องราวไร้สาระต่างๆไว้ในสมองเท่านั้น เราใช้สมองเพียงการบันทึกเท่านั้นหรือ ความทรงจำนั้นง่ายเพราะไม่ต้องขบคิดตีความ
......แต่เมื่อมีที่สุดก็ต้องมีคนทำลายสถิติ โลกของทุนนิยมเป็นเช่นนั้นจริงๆ และก็เข้ามานำความคิดดังกล่าวนี้มา ในวงการศาสนาบ้านเราด้วย การจัดอันดับการเป็นที่หนึ่ง ผมเพิ่งไปสิงห์บุรีและอ่างทองมาเมื่อวาน(หลายปีแล้ว) ก็ยังพบพระพุทธรูปใหญ่กลางเมืองอ่างทอง และหลวงพ่อทวดสูงใหญ่ริมถนนเอเซีย สิ่งเหล่านี้อาจสร้างศรัทธาได้ แต่ก็เป็นเพียงเรื่องชั้นรอง ไม่ใช่สิ อาจจะเป็นบทสุดท้ายของเป้าประสงค์ในพุทธศาสนาเท่านั้น
...... เราจะไม่ค่อยได้ยินว่าคำถามหรือคำตอบว่าพระนอนที่ไหนสวยหรืองดงามที่สุดเพราะคำถามเช่นนี้ผู้ถามไม่สามารถชี้คำตอบว่าคำตอบใดเป็นคำตอบที่ถูกต้องได้ ซึ่งคงมีคนตอบแตกต่างกันเป็นหลายทรรศนะด้วยเป็นความรู้สึกในแต่ละคน แล้วเราก็ถูกกับดักของทัศนคติ ที่สามารถชั่งตวงวัดได้ ในแง่มุมของทุนนิยม ที่จะตั้งคำตอบ เพื่อหาความเป็นหนึ่ง ของมาตรวัด พื้นฐานบ้านเราเมื่อถือว่างานสุโขทัยเป็นงานอุดมคติของศิลปะถ้าใช้ทรรศนะนี้(เป็นการยึดติดหรือเปล่าอาจจะใช่) ที่นี่ดูจะเป็นที่ที่หนึ่งที่ได้คำตอบว่าสวยเป็นอันดับต้นๆและดูว่าท่านยังส่งอิทธิพลในเรื่องรูปทรงให้กับพระนอนหลายๆองค์ในรุ่นหลังๆ โดยเฉพาะพระนอนที่ถือว่าเป็นเอกะของรัตนะคือพระนอนที่วัดโพธิ์
พระนอนวัดโพธิ์
.......ผมพยายามจะไม่เอาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของท่านที่เป็นเรื่องแนวจิตวิญญาณที่ว่าท่านเป็นพระนอนพูดได้ ด้วยแนวจิตวิญญาณเช่นนั้นท่านสามารถหาข้อมูลค้นคว้าได้เป็นอันมากมีทั้งเรื่องจริงเรื่องปลอมเป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมากมาย ไม่ใช่ว่าผมแข็งกระด้างหรือไม่เชื่อเรื่องพวกนี้ที่จริงในยุคที่เป็นวัยรุ่นก็เอาเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่อยากสืบค้นและแสวงหากลุ่มหาเพื่อนกัน ที่ไหนที่มีพลังแรงตามวัดวาอารามจนเรารู้สึกได้กับตัวเราก็นำมาเล่าให้ฟังกันและติดตามในกลุ่ม จนบางคนก็เตลิดเปิดเปิง โดยเฉพาะพวกที่ยังหมกมุ่นกับความคิดเช่นนี้
.......จริงๆเกร็ดเรื่องนี้ของท่านป่าโมกเป็นเรื่องที่ดีคือเป็นว่าท่านมารักษาคน ความเป็นพระพูดได้ของท่านดังมาจากพระอุระด้วยปรารถนามารักษาโรคภัยไข้เจ็บ ความศักดิ์สิทธิขององค์พระ พระอุโบสถ พระวิหารในสมัยโบราณ ก็จะมีพิธีกรรมแบบต่างๆตามพื้นที่ตามวิธีคิด โดยเฉพาะในรุ่นที่มีศึกสงครามเช่นสมัยสุโขทัยอยุธยาเช่น พระในรุ่นอยุธยาใกล้แตกท่านจะเผยแพร่ธรรมะกับผู้คนหมู่มากอยู่ได้หรือ อย่างหลวงพ่อธรรมโชติในบางระจันไม่ว่าเรื่องของท่านเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ท่านก็จะต้องปลุกขวัญกำลังใจของผู้คนตรงหน้าท่านที่กำลังสับสนวุ่นวายให้มั่นคงก่อน และไม่ว่าใครอยู่ตรงนั้นก็คงทำอย่างเดียวกัน หรือในยุคของเรื่องพระพูดได้ท่านก็มาแก้ปัญหาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บด้วยยุคนั้นชุมชนต้องการกำลังใจในเรื่องนี้ ถ้าเรามามองสังคมศาสนาจนถึงทุกวันนี้ชุมชนในประเทศนี้ต้องการกำลังใจเรื่องอะไร ที่ทำให้แนวจิตวิญญาณของวัดวาอารามต่างๆ ต้องถูกผลิตออกมาราวกับการถ่ายเอกสารเพื่อรับใช้สังคม เห็นไหมครับทุนนิยมในบ้านเราไม่ดีหรอกมันทำให้คนรวยขึ้นเฉพาะกลุ่ม และที่เหลือยากจนลงหมดทั้งประเทศ ไม่เพียงแต่ความยากจนด้านวัตถุภายนอกเท่านั้นโรคยากจนภายนอกนี้ ถือเป็นข้ออ้างให้ด้านในของจิตใจยากจนซ้ำลงไปอีก เพราะนี่คือเหตุผลของคนที่เข้าวัดในปัจจุบันที่ ยากจนด้านใน ไปแสวงหาเรื่องแนวจิตวิญญาณแสวงหาวิถีต่างที่นอกกรอบพุทธเข้าไปทุกที หาเทพเจ้า หาผี หาต้นไม้ประหลาด หาเรือโบราณ หาไปหาไปก็หาสัตว์ประหลาด วัวสามขา หมาสามหูหมูสามหัว หาเดรัจฉานหาอสุรกายหา ภูตผี เอามากราบไหว้กัน พวกเขาล้วนบอกว่าพวกเขายากจน ประเทศเรายากจนจริงหรือเปล่าประชาชนของเรายากจนกันหมดทั้งประเทศหรือเปล่า ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับใครหรืออะไรเลย จิตวิญญาณของวัดปัจจุบันนี้สะท้อนสังคมของเราใช่ไหม
ทางแก้ว
โคลงชมวัด
วาดวัด
๒๕๕๘~๒๕๖๓
รูปถ่ายมี ลิขสิทธิ์

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา