10 ต.ค. 2020 เวลา 15:55 • กีฬา
บทเรียนจากเจอร์เก้น คลอปป์
เจอร์เก้น คลอปป์ ทำงานเป็นผู้จัดการทีมที่สโมสรลิเวอร์พูลมาครบ 5 ปี
เขาทำให้เหล่าเดอะค็อปมีความสุข ในวันที่เห็นเส้นทางที่ถูกต้องในการพัฒนาสโมสร และนำลิเวอร์พูลกลับมาเป็น "เบอร์ 1" ของฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง
และนี่คือบทเรียนที่เจอร์เก้น คลอปป์ นายใหญ่แห่งแอนฟิลด์มอบให้แก่เรา ในวาระครบรอบ 5 ปีแห่งการทำงานที่สโมสรแห่งนี้
.
1. โปรไฟล์ในสมัยเป็นนักเตะ ไม่ได้เป็นตัวกำหนดความสามารถของการเป็นผู้จัดการทีมเสมอไป
มีนักฟุตบอลหลายคนที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมหลังจากแขวนสตั๊ดแล้ว และจำนวนไม่น้อยที่นอกจากเป็นนักฟุตบอลโปรไฟล์หรูแล้วก็ยังเป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จ สำหรับฟุตบอลยุคปัจจุบัน เราอาจต้องยอมรับในความสามารถของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า และซีเนดีน ซีดาน
ในขณะที่เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นนักเตะที่ไม่เคยเล่นในระดับลีกสูงสุดเลย โปรไฟล์ในอดีตของเขาเทียบไม่ได้กับอดีตยอดนักเตะทั้งสองคน แต่ก็ดังที่คล็อปป์เคยกล่าวไว้ว่า "ผมมีฝีเท้าในระดับดิวิชั่นสี่ แต่มีมันสมองระดับดิวิชั่นหนึ่ง"
โปรไฟล์ในอดีตอาจเกื้อหนุนต่องานในปัจจุบันได้ก็จริง แต่ก็ไม่เสมอไป ยอดนักเตะกี่คนแล้วที่ต้องเอาชื่อเสียงที่สั่งสมสมัยค้าแข้งมาทิ้งไปกับการเป็นผู้จัดการทีม เราไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อพวกเขาในที่นี้เลย...
.
2. เมื่อ "มุ่งมั่น" จึงได้ "ความเชื่อมั่น"
ในวันที่เจอร์เก้น คลอปป์ มาสู่ลิเวอร์พูล เขาบอกว่าจะเปลี่ยนสโมสรแห่งนี้จากการเป็นผู้สงสัยให้กลายเป็นผู้เชื่อมั่น (From doubters to believers) และจนถึงทุกวันนี้ใครจะปฏิเสธว่าคล็อปป์ไม่สามารถทำตามคำพูดของตนเองได้?
แม้จะแพ้ในเกมแรก 0-3 ของการแข่งขันระบบเหย้าเยือน
แม้จะตามอยู่ 0-1 ในนาทีที่ 85 ของการแข่งขัน
ทุกวันนี้มีเดอะค็อปคนใดบ้างที่สงสัยว่าทีมจะไม่มีทางพลิกสถานการณ์กลับมาได้?
แม้ว่าในการแข่งขันนัดล่าสุดลิเวอร์พูลจะพ่ายแพ้ครั้งมโหฬาร แต่ใครไม่มั่นใจว่านัดต่อไปลิเวอร์พูลจะกลับมาคืนฟอร์มเก่ง?
"ความเชื่อมั่น" เหล่านี้หาได้เกิดจากลมปาก แต่เกิดจาก "ความมุ่งมั่น" ทำงานหนักมาตลอดระยะเวลา 5 ปี และผลงานที่จับต้องได้
ปีแรกกับการทดลองทีมที่รับมรดกมาจากแบรนแดน ร็อดเจอร์ ที่ถูกไล่ออกกลางฤดูกาล
ปีที่สองกับการพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศของฟุตบอลลีกคัพและยูโรปาคัพ
ปีที่สามกับการพ่ายแพ้ในรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก
การเป็นได้แค่ "พระรอง" สามรายการในเวลาสองปีนี่มันช่างน่าเจ็บปวดนัก
ปีที่สี่ แม้จะแก้ตัวได้กับรายการยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก แต่ก็พลาดแชมป์พรีเมียร์ลีก เป้าหมายสูงสุดของสโมสรตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา
แม้จะเป็น "รองแชมป์ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ" และดีกว่าแชมป์เกือบทุกปีที่ผ่านมาด้วยซ้ำ หากจะใช้คะแนนเมื่อสิ้นสุดฤดูกาลเป็นตัววัดผล แต่มันก็ดีไม่พอที่จะสร้างประวัติศาสตร์ของตัวเอง
อันที่จริงแล้วในอดีต ลิเวอร์พูลเคย "เกือบ" ทำสำเร็จมาแล้ว ทั้งในยุคของเชราร์ อุลิเยร์, ราฟาเอล เบนิเตซ, และ เบรนแดน ร็อดเจอร์ แต่ปัญหาคือเมื่อไม่สำเร็จ ทีมก็มักถอดใจ ไม่สามารถสานต่อจากที่ "เกือบ" ให้ "บรรลุ" ได้
ฤดูกาลต่อจากปีที่เกือบทำสำเร็จ อดีตบอสเหล่านี้ไม่เคยทำได้ใกล้เคียงกับความ "เกือบ" นั้นอีกเลย
สำหรับผู้นำอย่างเจอร์เก้น คล็อปป์แล้ว จะทำอะไรได้นอกจากมุ่งมั่นต่อไป ทำงานหนักขึ้น แก้ไขข้อบกพร่องจากฤดูกาลที่แล้ว สร้างความเชื่อมั่นจากผู้คนแวดล้อมและกองเชียร์ว่าทีมนี้สามารถประสบความสำเร็จได้
และเราได้เห็นผลของมันแล้วในปีนี้
การเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของอังกฤษทั้งที่ยังเหลือการแข่งขันอีก 7 นัด นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษ
.
3. วิสัยทัศน์ชั้นเลิศ กับทีมงานที่เข้มแข็ง
ด้วยวิธีคิดแบบเยอรมันสไตล์ เจอร์เก้น คล็อปป์สร้างทีมงานที่เข้มแข็ง และใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในศาสตร์ด้านต่างๆ เข้ามาช่วยสนับสนุน
ไม่ว่าจะเป็นการนำเรื่องสถิติของนักฟุตบอลจากเทั่วโลกและการเล่นของทีมคู่แข่งมาใช้เป็นฐานข้อมูลประกอบการตัดสินใจซื้อตัวนักฟุตบอลที่เหมาะสมเข้ามาร่วมทีม การปฏิวัติเรื่องโภชนาการ ไปจนถึงการใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆ อย่างเช่น การฝึกซ้อมการทุ่มไกล
เรียกได้ว่าคลอปป์ให้ความสำคัญกับทุกรายละเอียด และให้เกียรติเพื่อนร่วมงานทุกคน ไม่ใช่แค่นักเตะ แต่ยังรวมถึงทีมงานหลังบ้าน
.
4. ลีลาการเล่นแบบเฮฟวี่เมทัลฟุตบอล
ประวัติศาสตร์ฟุตบอลอาจมีสไตล์การเล่นโดดเด่นไม่น้อย ไม่ว่าจะโททัลฟุตบอล ติกี้ตาก้า ฯลฯ
แต่ในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าเฮฟวี่เมทัลฟุตบอลที่คล็อปป์แนะนำต่อผู้ชมนั้นมีเสน่ห์ล้นเหลือ มันแสดงถึงความมุ่งมั่น กระตือรือร้น พุ่งสู่เป้าหมาย แน่นอนว่าเฮฟวี่เมทัลแบบเจอร์เก้น คล็อปป์ นั้นเรียกร้องพลังงานและความทุ่มเทจากนักเตะในระดับสูง เรียกว่าถ้าใครไม่ฟิตพอ ก็จะไม่สามารถดึงศักยภาพของระบบนี้ออกมาได้สูงสุด
เมื่อผู้นำแสดงความมุ่งมั่นและให้เกียรติทีมงาน ทีมงานจึงทุ่มเททั้งใจ ให้ในสิ่งที่คลอปป์ร้องขอ...
เหล่านี้คือสิ่งที่เราเรียนรู้และนำไปใช้ได้จากการทำงานของเจอร์เก้น คล็อปป์
ซึ่งไม่เพียงแค่กับเรื่องฟุตบอลเท่านั้น...
โฆษณา