ไปเมืองนอก น้ำก๊อกดื่มได้จริงหรือ
เพื่อนๆคงเคยได้ยินหลายคนพูดว่าไปเมืองนอกน้ำดื่มน้ำก๊อกได้ ฝรั่งแทบทุกคนก็ดื่มน้ำจากน้ำก๊อก หลายคนอาจมีคำถาม ว่ามันดื่มได้จริงหรอ มันปลอดภัยจริงหรือไม่ จากที่ผมได้ค้นคว้ามาบางส่วนกับประสบการณ์ตรงของผม วันนี้ผมจะมาเล่าให้ฟังกันครับ
ทุกๆคนคงรู้อยู่แล้วว่า น้ำก๊อกในเมืองไทย เราไม่ดื่มกันครับ ส่วนน้ำก๊อกเมืองนอกดื่มได้จริงไหม ต้องบอกว่าแล้วแต่ประเทศครับ
จริงๆแล้ว น้ำก๊อกทุกประเทศ มีโอกาสมีสารปนเปื้อนอยู่ทั้งหมดนั่นแหละครับ ไม่เว้นแม้แต่ทางฝั่งประเทศพัฒนาแล้วก็ตาม
โดยในแต่ละประเทศ แต่ละสถานที่ ก้จะมีกระบวนการผลติน้ำประปาที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่มาผ่านกระบวนการต่างๆ หรือถ้าในย่านนอกเมืองก็อาจจะมีการนำประปาจากบ่อน้ำมาใช้
โดยสารปนเปื้อนที่จะมากับน้ำเนี่ย ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยมากๆครับ ไม่ว่าจะเป็นจากแหล่งน้ำเอง จากกระบวนการบำบัดคุณภาพน้ำ หรือแม้แต่จากท่อน้ำในระหว่า’ที่ส่งน้ำมาตามบ้านต่างๆ
แต่อย่างไรก็ตามสารปนเปื้อนที่ว่าเนี่ย มันมีองค์กรที่คอยควบคุม และวัดระดับคุณภาพของน้ำก๊อกอยู่ครับ ว่าสารปนเปื้อนดังกล่าว มันเกินขีดเกณฑ์ที่จะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายหรือไม่ โดยถ้าในสหรัฐก็จะเป็นองค์กรที่ชื่อว่า EPA (United States Environmental Protection Agency) และองค์กรที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ส่วนในประเทศอื่นๆก็จะมีองค์กรคล้ายลักษณะนี้เช่นกัน
โดยจากความเข้าใจของผม จะมีองค์กรระดับโลกที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนควบคุมดูแลตรงนี้อยู่อีกทีหนึ่ง หลายองค์กรค่อนข้างซับซ้อน เช่น CDC (Centers for Disease Control and Prevention) หรือ WHO องค์กอนามันโลกเองก็ตาม
เพราะฉะนั้นเนี่ย น้ำก๊อกในแต่ละประเทศก็จะมีคุณภาพที่แตกต่างกันไป โดยในบางประเทศอยู่ในระดับที่เรียกว่า Drinkable หรือดื่มได้ และในบางประเทศอยู่ในระดับที่เรียกว่าห้ามดื่ม
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะขึ้นป้ายว่าดื่มได้ แต่ก็อย่างที่ผมบอกไปข้างต้นว่า มันมิใช่จะไม่มีสารปนเปื้อน แน่นอนว่ามีแต่อยู้ในระดับที่มีความเสี่ยงน้อยมากๆต่อร่างกายครับ
แต่ทั้งนี้เอง ทาง CDC เองเค้าก็แนะนำว่า การดื่มน้ำจากขวดที่มีมาตรฐาน หรือการนำน้ำก๊อกมาผ่านกระบวนการให้ความร้อน หรือกรองก่อน จะลดความเสี่ยงและเป็นทางออกที่ดีกว่า
เมื่อเค้าเตือนแบบนี้หลายคนคงสงสัยว่า แล้วทำไมฝรั่งยังคงดื่มน้ำก๊อกกันหล่ะครับ ตอบง่ายๆเลยครับว่า น้ำขวดมันแพง โดยเฉพาะในเมืองนอก เช่น สหรัฐอเมริกา เรียกว่าค่อนข้างแพงมาก จากประสบการณ์ของผมเอง ตอนไปอยู่ที่อเมริกาเอง ผมก็เอาน้ำก๊อกมาต้มก่อนแล้วกรอกใส่ขวดกินครับ เนื่องจากน้ำขวดเนี่ย ซื้อปลีกขวดละเกือบ 3เหรียญ หรือเกือบร้อยบาทนั่นเอง
ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่ห้ามและไม่แนะนำอย่างเด็ดขาดเลยคือการเอาน้ำจากท่อน้ำร้อนในเมืองนอกมากิน ถ้าเพื่อนๆคุ้นกัน รูปแบบของก๊อกน้ำในเมืองนอกส่วนใหญ่จะมีก๊อกน้ำร้อนและน้ำเย็น ประจำอยู่ซ้ายขวาตามอุปกรณ์จ่ายน้ำต่างๆใช่ไหมครับ โดยระบบในต่างประเทศหลายประเทศมักจะใช้ถังน้ำร้อนกลาง และะแบ่งเป็นท่อน้ำร้อนต่างหากเลยครับ ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นแยกตามห้อง
การเอาน้ำจากท่อน้ำร้อนมากินนั้น อย่าหาทำเชียวครับ จากประสบการณ์ตรง ฝรั่งเค้าต่างห้ามผมกันยกใหญ่ ซึ่งเพื่อนๆอาจจะคิดว่ามันค่อนข้างขัดเซนส์นิดหน่อยใช่ไหมครับ เพราะมันร้อนก็น่าจะสะอาดกว่า
แต่จริงๆแล้ว การใช้น้ำร้อนจากท่อน้ำร้อน มีโอกาสที่จะมีสารปนเปื้อนจากท่อน้ำ อาทิ พวกตะกั่ว ปนมากับน้ำได้มากกว่าครับ ซึ่งค่อนข้างเป็นอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพเรา เพราะท่อน้ำส่วนใหญ่จะทำมาจากพวกเหล็กหรือทองแดง ซึ่งการที่น้ำร้อนผ่านมาตามท่อเนี่ย น้ำที่อุณหภูมิสูงมันมีโอกาสทำให้สารต่างๆตามท่อมันปนเปื้อนเข้ามาได้มากกว่าครับ
ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ในบางประเทศ การทำน้ำร้อน โดยเฉพาะในประเทศที่อากาศหนาวมากๆ จะมีการใส่สารเพื่อเร่งทำความร้อนให้เร็วขึ้นครับ ซึ่งก็ไม่แนะนำให้เอามากินมาใช้เช่นกัน
เพราะฉะนั้นฝรั่งทุกคนจะเข้าใจตรงกันว่า ถ้าจะกินน้ำจากก๊อก กินจากก๊อกน้ำเย็นเท่านั้นนั่นเองครับ
สุดท้ายนี้ ในมุมของผมเอง ผมว่าน้ำขวดที่มาตรฐานค่อนข้างจะปลอดภัยและดีที่สุดมากกว่าครับ แต่หากเพื่อนๆอยากจะประหยัด ผมแนะนำว่า นำน้ำก๊อกไปต้ม หรือกรองก่อนอีกครั้งหนึ่งจะดีกว่าครับ เพราะสุขภาพเราสำคัญที่สุด
! นอกจากนี้ก่อนไปประเทศไหนแล้วอยากจะรู้ว่าน้ำกินได้หรือไม่ ผมแนะนำอย่างยิ่งว่า เข้าไปในลิ้งนี้ https://wwwnc.cdc.gov/travel/destinations/list แล้วตรวจสอบดูก่อนครับ ว่าน้ำก๊อกกินได้หรือไม่ โดยเลือกประเทศที่จะไป และเลื่อนลงมาขยายในช่องแถบ Eat and Drink Safely ครับ โดยถ้าเขียนว่า Not Drinkable อย่างเช่นประเทศจีน ผมว่าก็อย่าไปกินมันเลยครับ
เพจความรู้ครอบตัว อยากจะแบ่งปันประสบการณ์และเรื่องราวที่เป็นประโชน์ให้ผู้อ่าน
สามารถร่วมแชร์คอมเมนต์ความคิดเห็น และ ฝากกดติดตาม กดไลค์ กดแชร์ เป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ
+สามารถติดตามผมในช่องทางอื่นๆที่+
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
