11 ต.ค. 2020 เวลา 09:59 • นิยาย เรื่องสั้น
บ้านกลางดง
ลูกพี่เดียวจอดแยกทางเข้าบ้านศาลาให้ผมด้วยนะ เสียงผู้โดยสารตะโกนบอกมาจากเบาะช่วงท้ายๆรถ
รถจอดให้ผู้โดยสารลงแล้วก็ออกตัวไปทันทีปล่อยให้ผู้สารยืนงงกับบรรยากาศที่เห็นตรงหน้า
“เฮ้อ!!!อะไรมันจะซวยขนาดนี้ อุสส่าห์มาถึงที่ก่อนเวลานัด แต่โทรศัพท์ดันไม่มีสัญญาณอีก แล้วจะติดต่อทางโน้นได้ยังไง”
คม เด็กหนุ่มจากกรุงเทพบ่นด้วยความหงุดหงิด หลังจากลงจากรถประจำทางในพื้นที่ชนบทแห่งหนึ่งเขตรอยต่อชายแดนระว่างประเทศไทยและประเทศเขมร วันนี้เขาตั้งใจแวะมาหาญาติที่ตำบลไกลปืนเที่ยงแห่งนี้ หลังจากนัดแนะกันทางโทรศัพท์จนเข้าใจกันดีแล้ว คมก็ออกเดินทางจากกรุงเทพมาทันทีด้วยรถประจำทางสายอุบล – กรุงเทพ
คมมาถึงจังหวัดสุรินทร์ก่อนกำหนดเวลานัดหมายกับทางบ้านญาติ เพราะรถประจำทางทำเวลาได้ค่อนข้างดี โดยที่ทางบ้านญาติแนะนำให้บอกรถประจำทางว่าขอลงบริเวณทางเข้าหมู่บ้านได้เลยโดยไม่ต้องเข้าไปถึงสถานีขนส่ง ซึ่งรถประจำทางก็จอดให้แต่โดยดีเพราะวันนี้สถานีแห่งนี้มีผู้โดยสารที่จะลงแค่คนเดียว
แต่ที่ไม่ตรงตามแผนที่คุยกันไว้ก็คือ วันนี้คมมาเร็วกว่ากำหนดโดยทั่วไปคือมาถึงตั้งแต่ 03.00 น.ก่อนเวลานัดหมาย 2 ชั่วโมง คมมองโทรศัพท์ สามสีรอบ ลองเปิดปิดเครื่องดูเผื่อจะมีสัญญาณ แต่ก็ไร้ซึ่งสัญญาณโทรศัพท์ อีกทั้งบริเวณที่รถจอดให้ลง ก็เป็นบริเวณทางแยกที่ต้องเดินผ่านป่าไม้ยางพาราขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ที่ชาวบ้านปลูกไว้ทั้งสองข้างทาง แถมยังไร้บ้านเรือนผู้คนอีก มีเพียงศาลาริมทางที่เป็นที่พักผู้เดินทางเท่านั้น
คมตัดสินใจเดินไปที่ศาลาพักริมริมทางเพื่อหาทางติดต่อกับทางบ้านญาติ หรือถ้าโชคดีก็อาจมีคนผ่านไปมาจะได้ขอติดรถเข้าไปที่หมู่บ้านด้วยคน
20 นาทีผ่านไปก็ยังไร้วี่แววคนผ่านไปผ่านมา คมตัดสินใจอีกรอบ จากบริเวณศาลาริมทางที่คมนั่งพักตอนนี้ถ้าต้องเดินเท้าเข้าไปคงต้องใช้เวลาเดินเท้าอีกประมาณ 1 ชม. หรือถ้าจะนั่งรอให้สว่างถึงเวลานัดกันไว้คมก็รู้สึกหงุดหงิดและเสียเวลาเปล่าๆ จึงตัดสินใจเดินเท้าเล่นๆเข้าไปที่หมู่บ้านไปเผื่อระหว่างอาจมีใครผ่านมาให้ติดรถไปด้วย
“อากาศบ้านนอกแบบนี้กำลังเย็นสบายเดินเท้าเข้าไปก็ไม่เลวนัก” คมคิดในใจ“
ภาคอีสานในปัจจุบันเกษตรกรส่วนมากเริ่มหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจกันมากขึ้นทดแทนการทำนาปีซึ่งราคาไม่แน่นอนแถมรายได้แค่ปีละครั้ง พืชเศรษฐกิจที่นิยมปลูกก็จะมี ยางพารา ,อ้อย ,มันสำปะหลัง โดยเฉพาะ ยางพาราถือว่านิยมกันมากในเขตนี้ ยางพาราเวลามันโตเต็มที่จะแผ่กิ่งก้านใบเต็มพื้นที่สร้างความร่มรื่นให้พื้นที่และเพิ่มความน่ากลัวให้บริเวณรอบๆได้เป็นอย่างดี
“อากาศเย็นแท้วะ รู้สึกเสียวๆแล้วสิเรา” คม ดึงสายสะพายเป้ให้กระชับมากขึ้น แล้วรีบจ้ำเท้าให้เร็วกว่าเดิมเผื่อจะพ้นบริเวณป่ายางไปได้ อากาศช่วงรอบดึกแบบนี้บวกกับบรรยากาศท่ามกลางดงป่ายางที่มองไปทางไหนก็เจอแต่ความมืด แถมคืนนี้เป็นคืนเดือนมืดทำให้ทัศนะวิสัยการมองเห็นไม่ค่อยดีนัก คมใช้เวลาครู่ใหญ่ตาก็เริ่มชินกับความมืดบ้างแล้ว แถมเวลานี้ท้องฟ้าก็ตั้งเค้าฝนพร้อมเทลงมาได้ตลอดเวลา
 
“อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนแบบนี้วะ เดินไม่พอต้องมาเจอฝนอีกหรือนี้ ก้าวเท้าข้างไหนออกจากบ้านวะเนี๊ยะ”
คมรีบเดินกึ่งวิ่งเผื่อจะเจอบ้านคนหรือที่พักริมทางข้างหน้าให้หลบฝนอีก ซึ่งขณะนี้ฝนก็เริ่มเทเม็ดลงมาบ้างแล้ว คมเดินกึ่งวิ่งไปตามทางอยู่นั้น สายตาเขาก็เห็นแสงสว่างที่ข้างๆทาง ซึ่งน่าจะเป็นบ้านของชาวบ้านที่มาสร้างบ้านพักไว้ดูแลสวนยาง คมตัดสินใจวิ่งเข้าไปเผื่อจะขอหลบฝนสักพัก และอาจโชคดีอาจมีรถไปส่งเขาที่หมู่บ้านได้ด้วย คมมาหยุดที่หน้าบ้าน ซึ่งเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกสูง 2 เมตรกว่าๆขนาด 9 เสา ภายในบ้านใช้ตะเกียงให้แสงสว่าง
คม : “มีใครอยู่ข้างในบ้างหรือเปล่าครับ ผมขอหลบฝนสักครู่หน่อยครับ” คมร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
พอสิ้นเสียงคมร้องตะโกน ก็มีคนถือตะเกียงเดินออกมา ที่ลริเวณชานบ้าน
ชายชรา : “เข้ามาข้างในก่อนพ่อหนุ่ม ไปไงมาไงถึงมาดึกๆดื่นๆขนาดนี้ได้ ไม่กลัวฝนฟ้าเลยรึ” เสียงจากคนถือตะเกียงพูดออกมา
คมถอดรองเท้าแล้วค่อยๆก้าวขาขึ้นบันไดที่ทำชึ้นแบบง่ายๆแบบบันไดบ้านเรือนสมัยโบราณ พอขึ้นไปถึงชานบ้านก็ยกมือไหว้ชายชราเจ้าของบ้าน
คม : “สวัสดีครับคุณตา พอดีผมมาจากกรุงเทพมาถึงเร็วไปหน่อย ไม่มีรถเข้าหมู่บ้าน เลยคิดจะเดินฆ่าเวลาเล่นๆเข้าไปที่หมู่บ้านแต่ฝนก็ดันมาตกเสียก่อน” พยัคฆ์ตอบชายชรา
ชายชรา : มาๆนั่งที่แคร่นี้ก่อน นี้มันหน้าฝนไอ้หนุ่มจะไปไหนมาไหนก็คิดดีๆก่อน ว่าแต่เองจะไปที่ไหน ทางเส้นนี้มันผ่านไปได้หลายหมู่บ้าน ทะลุถึงเขมรโน้นเลยนะ ชายชราเจ้าของบ้านบอก
คม : “ผมว่าจะไปหาญาติที่บ้านสวาทครับคุณตา ผมเคยมาเมื่อหลายปีก่อน หมู่บ้านที่ติดห้วยนะครับ”
ชายชรา : อ้าว เองจะไปบ้านสวาทแล้วทำไมมาทางนี้ละ ถ้าไปทางนี้เอ็งก็ต้องอ้อมไปอีกไกลเกือบๆ50 กิโลเลยนะ เองคงลงผิดที่แล้วละพ่อหนุ่ม ความจริงเอ็งต้องเลยไปลงอีกแยกหนึ่งประมาณ 10 กิโลสามแยกถัดไปโน้น
คม : อ้าวเหรอครับคุณตา ผมก็เคยมาเมื่อ 5 ปีที่แล้วโน้นนะครับก็คิดว่าทางนี้แหละเลยบอกให้รถเขาจอดตรงทางเข้า
ชายชรา : แล้วญาติๆเอ็งที่บ้านสวาทเป็นใครทำไมถึงปล่อยให้เอ็งมาคนเดียว ชายชราซักไซ้ไล่เรียง
คม : ผมมาหาคุณตาคุณยายที่ชื่อตามี กับ ยายสุข ครับ
ชายชรา : ลูกหลานไอ้มีกับยายสุขหรอกหรือ เออ ดีแล้ว เดียวเอ็งก็พักนอนเล่นที่แคร่นี้ไปก่อน เช้าๆตาจะให้ลูกหลานตาไปส่งที่หมู่บ้านสวาท ตอนนี้หลานตามันไปดูน้ำยางยังไม่กลับ ใกล้ๆเช้าเดียวมันก็มา
คม : ขอบพระคุณมากครับคุณตา ให้ผมไปช่วยดีหรือเปล่าครับ ว่างๆพอดีนอนบนรถมาจนอิ่มแล้ว
ชายชรา : ไม่ต้องหรอกมันไกล ที่มันไปก็มีกระต๊อปอีกหลังแบบนี้และ ฝนตกแบบนี้มันคงนอนอยู่ที่นั้นแหละ เดียวเช้ามันก็คงเอาขี้ยางมารวมไว้ที่นี้
พอสิ้นเสียงชายชราฝนด้านนอกก็เทกระหน่ำลงมาแบบไม่ลืมหูลืมตา จนกลบเสียงอย่างอื่นไปจนหมด
04.00 แล้วแต่ท้องฟ้ายังมืดสนิทไร้แสงสว่างจากภายนอกมีเพียงแสงจากตะเกียงภายในห้องเท่านั้น ยามใกล้รุ่งเช้าแบบนี้ทำไมแถบบ้านนอกบ้านนาหรือต่างจังหวัดแบบนี้ถึงไม่มีเสียงนกเสียงกาเลย หรือเพราะฝนตกมันเลยพากนหลบฝนจนลืมทำหน้าที่ คมคิดเล่นๆในใจ พลางหยิบโทรศัพท์มามองดูสัญญาณเพื่อจะโทรหาทางบ้านญาติๆให้รับทราบว่าตัวเองมาถึงแล้ว
คม : ทำไมโทรศัพท์ไม่มีสัญญาณอะไรเลย
🙄🙄🙄รักกดไลท์ ใช่กดแชร์ กดติดตามเพจไว้ จะได้ไม่พลาดเรื่องดีๆจากเรา หรือ ร่วมสนับสนุนให้กำลังใจ เพจคนเล่าตำนาน ผ่าน "ทรูวอลเลตหรือพร้อมเพย์" ได้ที่เบอร์ 0820379563 😍😍😍😍ขอบคุณล่วงหน้าครับ😂😂😂.
โฆษณา