12 ต.ค. 2020 เวลา 04:58 • กีฬา
⚽️⚽️กัลโช่ สโตริโก้ กีฬาสุดโหด ที่ชัยชนะต้องแรกด้วยเลือด
คุณลองจินตนาการภาพกีฬาที่ต้องใช้ทักษะรักบี้ ฟุตบอล มวย มวยปล้ำ และทักษะกีฬาต่อสู้อีกหลายอย่าง ที่จำเป็นจะต้องใช้เพื่อการเอาชนะคู่แข่งในเกมนี้ ทั้งหมดที่เอ่ยมาอาจจะทำให้คิดภาพว่ากีฬาชนิดนี้ ‘มันบ้ามาก’ แต่เพียงคำว่าบ้ามันยังน้อยไป เพราะเกมนี้มันต้องแรกมาด้วยเลือด แรกมาด้วยชัยชนะที่หลายคนต้องไปฉลองชัยชนะในโรงพยาบาล เราจะนำทุกท่านไปพบกับเรื่องราวของ กัลโช่ สโตริโก้ ประเพณีกีฬานองเลือด ติดตามได้ที่นี่
⚽️ที่มา และกติกา ที่เหมือนจะไม่มีกติกา
ณ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เมืองแห่งนี้เป็นที่ให้กำเนิด ‘กัลโช่ สโตริโก้’ ประเพณีที่ถูกเล่าว่ามีมานานกว่า 2000 ปี ก่อนที่รูปแบบวิธีการเล่นจะถูกปรับเปลี่ยนเลื่อยมาตามกาลเวลา จนกระทั่งเป็นรูปแบบการเล่นในปัจจุบัน ที่เริ่มเล่นในปี ค.ศ. 1530
เกมดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่เมืองฟลอเรนซ์ถูกข้าศึกบุกล้อมเมืองเอาไว้ โดยกองกำลังที่ผสมระหว่างจักรวรรดิโรมัน และกองกำลังสเปน ในขณะที่เมืองถูกล้อมรอบด้วยข้าศึกนั่นเอง เป็นเหตุก่อให้เกิดเกมที่ถูกสืบทอดจนมาถึงทุกวันนี้ เมื่อชาวเมืองฟลอเรนซ์ได้นำเกมกัลโช่ สโตริโก้ มาแข่งขันกัน โดยเป้าประสงค์ของเกมครั้งนั้น ถูกจัดขึ้นเพื่อแสดงให้ข้าศึกที่ล้อมอยู่เห็นว่า พวกเขานั้นมีร่ายกายแข็งแกร่ง และยังมีแรกเหลือที่จะสู้ในศึกครั้งนั้น
แม้ว่าท้ายที่สุดเมืองฟลอเรนซ์ที่ถูกล้อมด้วยข้าศึกนานถึงสิบเดือน จะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ แต่เกมกัลโช่ สโตริโก้ ยังคงถูกจดจำด้วยความภาคภูมิใจของชาวเมืองฟลอเรนซ์เสมอมา
เกมกัลโช่ สโตริโก้ ถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสู้รุ่น จนเป็นประเพณีของเมืองฟลอเรนซ์จนถึงปัจจุบัน หากนับเวลาก็มีมาหลายร้อยปีมาแล้ว แต่ประเพณีนี้ยังคงอยู่คู่กับชาวเมืองฟลอเรนซ์เสมอ โดยที่เกมกัลโช่ สโตริโก้ จะถูกจัดขึ้นปีละครั้งในเดือนมิถุนายนของทุกปี ณ จตุรัสกลางเมืองฟลอเรนซ์
เกมนี้จะเล่นบนพื้นทรายที่มีความยาวของสนาม 80 เมตร กว้าง 40 เมตร ถอดแบบมาจากความกว้างยาวของโคลอสเซียมอิตาลีโบราณ กติกาของเกมมีอยู่ว่า ผู้เล่นจะแบ่งออกเป็นสองทีม ฝั่งละ 27 คน ทั้งสองทีมจะต้องนำลูกบอลไปทำประตูคู่แข่งให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
การนับคะแนนทีมที่นำลูกบอลไปทำประตูคู่แข่งได้ จะได้ 1 คะแนน แต่ถ้ายิงพลาดไม่เข้าประตู คู่แข่งจะได้ไปครึ่งคะแนนในทันที โดยเกมจะแข่งกันด้วยระยะเวลา 50 นาที ไม่มีพักครึ่ง ฝั่งไหนมีคะแนนมากกว่าเป็นฝ่ายชนะ
จากที่กล่าวมาก็ดูไม่ยากใช่ไหมละครับ แต่ด้วยกติกาที่มีก็เหมือนไม่มีนี่ละครับ ที่ทำให้เกมนี้ยาก และมันบ้ามากๆ เพราะกฏของกัลโช่ สโตริโก้ อนุญาตให้ผู้เล่นทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะ ต่อย เตะ ถีบ หรืออะไรก็ตามที่จะสามารถหยุดคู่ต่อสู้ พวกเขาสามารถทำได้ทั้งนั้น เรียกได้ว่าทุกศิลปะการต่อสู้ ถูกนำมาใช้ทั้งหมดในเกมนี้
มันเป็นมากกว่ากีฬาต่อสู้ทั่วไป เพราะผู้เล่นในกัลโช่ สโตริโก้ ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นนวม หรือเฮดการ์ด ของพวกนั้นไม่ถูกใช้ในศึกนี้ พวกเขามีเพียงมือเปล่า และสองเท้าเท่านั้นที่จะใช้สู้กัน โดยตลอดเกมทั้งสองทีมไม่สามารถเปลี่ยนผู้เล่นตัวสำรองได้ ผู้เล่นต้องสู้จนกว่าจะจบเกม หรือจนกว่าจะบาดเจ็บจนถูกหามส่งโรงพยาบาล
มันอาจจะดูโหด และป่าเถื่อนสำหรับการแข่งขันในเกมนี้ แต่ทว่าก็มีข้อห้ามสำคัญที่ทำให้กัลโช่ สโตริโก้ เป็นเกมการต่อสู้ของลูกผู้ชายอย่างแท้จริง โดยข้อห้ามประกอบไปด้วย 1.ห้ามไม่ให้โจมตีคู่ต่อสู้จากด้านหลัง 2.ห้ามไม่ให้โจมตีซ้ำคู่ต่อสู้ที่ล้มนอนอยู่บนพื้น 3.ห้ามรุมคู่ต่อสู้เมื่อเขามีคู่อยู่แล้ว (ยกเว้นคนที่มีบอล) แม้ว่าข้อห้ามที่กล่าวมาทั้งหมด จะไม่ได้ช่วยเรื่องความปลอดภัยของผู้เล่นสักเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยข้อห้ามทั้งสามข้อ ก็ทำให้เกมนี้เป็นการสู้กันอย่างแฟร์ๆ แบบลูกผู้ชายตัวจริง
ภาพรวมของเกมกัลโช่ สโตริโก้ ดูจะเป็นเกมที่เน้นไปที่การต่อสู้ของผู้เล่นเป็นหลัก แต่ด้วยเกมนี้เป็นกีฬาที่เล่นกันเป็นทีม จึงต้องมีแผนการเล่น และมีการวางตำแหน่งของผู้เล่น โดยเกมนี้จะมีผู้เล่น 4 คนในตำแหน่งผู้รักษาประตู ซึ่งเหตุผลที่ต้องมีถึงสี่คนก็เป็นเพราะว่า ความยาวของประตูในกัลโช่ สโตริโก้ นั้นมีความยาวเท่ากับความกว้างของสนาม ส่วนผู้เล่นส่วนที่เหลือจะถูกปรับเปลี่ยนตามแผนของแต่ละทีม โดยตำแหน่งที่เหลือจะแบ่งเป็นตัวรับ และตัวรุก
ผู้เล่นตัวรุกในเกมฟุตบอลอาจจะมีกองหน้าไว้ทำประตู แต่สำหรับกัลโช่ สโตริโก้ ผู้เล่นกองหน้านั้นเปรียบเสมือนแนวหน้าของกองทัพ ที่มีหน้าที่ปะทะกับคู่ต่อสู้โดยตรง เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เล่นตัวรุกที่มีความเร็วเข้าไปทำประตู โดยการสู้กันหากมีผู้เล่นคนใดล้มลง จะไม่สามารถลุกขึ้นมาเล่นต่อได้ จนกว่าจะมีการทำประตูเกิดขึ้น ทำให้ผู้เล่นทั้งฝ่ายต้องสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร เพราะหากฝ่ายใดล้มลงจะทำให้ทีมต้องเสียเปรียบ
สำหรับคุณสมบัติผู้เล่นที่จะสามารถลงแข่งในศึกกัลโช่ สโตริโก้ เดิมทีมีเงื่อนไขว่าผู้เล่นจะต้องเกิดที่เมืองฟลอเรนซ์เท่านั้น แต่ในปี 2014 เป็นต้นมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎอนุญาตให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในเมืองฟลอเรนซ์ มานานอย่างน้อยสิบปีสามารถเข้าแข่งขันเกมนี้ได้
ทีมเข้าแข่งขันในศึกนี้จะถูกแบ่งออกเป็นสี่ทีมตามเขตเมือง ด้วยเหตุผลนี้นั่นเท่ากับว่าผู้เล่นจะไม่สามารถย้ายทีมได้ โดยสี่ทีมจากสี่เขตเมืองถูกแบ่งออกเป็นสี่สีดังนี้ ทีม Azzurri จากเขต Santa Croce (สีน้ำเงิน) , ทีม Rossi จากเขต Santa Maria Novella (สีแดง) , ทีม The Bianchi จากเขต Santo Spirito (สีขาว) และทีม Verdi จากเขต San Giovanni (สีเขียว)
⚽️เงินไม่ต้อง แค่ใจก็พอ
กีฬาที่ต้องเอาชีวิตไปเสี่ยงเช่นนี้ผู้อ่านอาจจะคิดว่า ค่าตอบแทนจะต้องสูงแน่ๆ ถ้าค่าตอบแทนนั้นคิดเป็นเงินคำตอบคือมันเท่ากับศูนย์ ผู้เล่นเหล่านั้นไม่มีผู้ใดได้ค่าตอบแทนแม้แต่แดงเดียว แต่หากมองค่าตอบแทนคือพลังใจ พวกเขาได้มันอย่างมหาศาล แบบที่ประเมินค่าไม่ได้
เพราะการเกิดในเมืองฟลอเรนซ์ ย่อมเติบโตมาพร้อมกับการได้สัมผัสกับบรรยากาศของเกมนี้ เด็กผู้ชายในเมืองนี้ล้วนแต่ต้องเคยเชียร์ เหล่านักสู้ที่เปรียบเหมือนฮีโร่ของพวกเขาในวัยเด็ก แน่นอนว่าเมื่อเติบโตขึ้น การได้เข้าไปอยู่ในสังเวียนนั้น จึงเป็นหนึ่งในความฝันของเด็กผู้ชายเมืองฟลอเรนซ์แทบทุกคน
🗣“สำหรับเด็กผู้ชายตัวเล็ก ๆ ที่เกิดในละแวกนั้น ความฝันคือการได้สวมใส่ชุดนั้น แน่นอนว่าจากเด็กสิบคนจะมีเด็กหนุ่มเพียงสองคนเท่านั้น ที่สามารถทำสำเร็จ เพราะมันไม่ใช่เกมสำหรับทุกคน” คำกล่าวของหนึ่งในผู้เล่นที่มีต่อเกม กัลโช่ สโตริโก้
สิ่งเหล่านี้ถูกฝังรากลึกลงในตัวผู้เล่นกัลโช่ สโตริโก้ เสมอมา และมันตอบคำถามที่ว่า ‘จะเล่นให้เจ็บตัวไปทำไมค่าจ้างก็ไม่มี’ เพราะครั้งหนึ่งการได้เป็นดั่งฮีโร่ของชาวเมือง มันยิ่งใหญ่และไม่ได้มีโอกาสเกิดขึ้นบ่อยนัก สำหรับคนธรรมดาที่ไม่ได้มีชื่อเสียงอย่างพวกเขา ปีหนึ่งจะได้เป็นฮีโร่กับเขาสักวัน ค่าจ้างจึงเป็นเรื่องไม่จำเป็น
ในเมื่อไม่มีค่าจ้าง แต่การแข่งขันผู้ชนะก็ควรจะต้องได้รับรางวัล แน่นอนว่าในศึกกัลโช่ สโตริโก้ ก็มีรางวัลสำหรับผู้ชนะเช่นกัน ทว่ารางวัลที่พวกเขาจะได้รับเป็นค่าตอบแทนหยาดเลือดที่เสียไปคือ ‘วัว’ หนึ่งตัว ในปัจจุบันการได้รางวัลเป็นวันหนึ่งตัวอาจจะดูตลกอยู่ไม่น้อย สำหรับเกมการแข่งขันที่ดุเดือดของกัลโช่ สโตริโก้ แต่เมื่อในอดีตรางวัลเป็นวัวหนึ่งตัว มันยิ่งใหญ่ไม่น้อยสำหรับยุคที่ ไม่ได้หาอาหารได้ง่ายเหมือนอย่างในปัจจุบัน
แม้กาลเวลาจะผันเปลี่ยนยุคสมัยไป แต่รางวัลของกัลโช่ สโตริโก้ ยังคงเป็นวัวเช่นเดิม เพราะรางวัลไม่ใช่แก่นสำคัญของเกมนี้ ประเพณีที่สืบทอดกันมาต่างหากที่สำคัญ อีกทั้งในปัจจุบันวัวที่ผู้ชนะได้ไป ก็ไม่ได้ถูกนำไปฆ่าเพื่อทำเป็นอาหารแต่อย่างใด มันถูกนำกลับไปเลี้ยงไว้เช่นเดิม วัวจึงเป็นเพียงรางวัลเชิงสัญลักษณ์ของประเพณีก็เท่านั้น
⚽️เกมนองเลือด
เกมที่แข่งเพียงปีละครั้ง และผู้เล่นไม่ได้เงินค่าจ้าง แต่เกมนี้ก็มีชายหนุ่มมากมายที่ยอมสละเวลาฝึกซ้อม เพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมในศึกกัลโช่ สโตริโก้ พวกเขาจะต้องซ้อมทีมอยู่ราวสามเดือนก่อนเกมการแข่งขันจะมาถึง ทั้งนี้ยังไม่รวมการซ้อมเดี่ยวของผู้เล่นแต่ละคน ที่จะต้องรักษาสภาพร่างกายให้พร้อมสู้ศึกนี้อยู่เสมอ
แม้ผู้เล่นที่สามารถลงสนามได้ในแต่ละเกมจะจำกัดที่ 27 คน อีกทั้งยังเปลี่ยนตัวสำรองไม่ได้ แต่ด้วยการแข่งขันของเกมกัลโช่ สโตริโก้ มีระยเวลาของเกมรอบรอง และรอบชิงห่างกันเพียง 9 วันเท่านั้น แต่ละทีมจึงจำเป็นจะต้องมีผู้เล่นในทีมมากถึง 60 หรือ 70 คนในบัญชีรายชื่อของทีม เพราะผู้เล่นในเกมรอบรอง ส่วนใหญ่มักจะเจ็บจนไม่สามารถฟิตลงเล่นในเกมนัดชิงได้
ชายหนุ่มจำนวน 200 กว่าคน ในเมืองหนึ่ง ยอมสละเวลาส่วนตัว ที่จะใช้อยู่กับครอบครัวหรืออะไรก็ตามแต่ เพื่อมาฝึกซ้อมสำหรับเกมที่อาจจะต้องจบลงด้วยการเข้าโรงพยาบาล มันแสดงให้เห็นว่ากัลโช่ สโตริโก้ มันสำคัญกับพวกเขาเพียงใด
🗣“คุณกำลังฝึกหกถึงเจ็ดเดือน และคิดถึงแต่เรื่องที่เกี่ยวกับมันตลอดทั้งปี ดังนั้นแน่นอนว่าคุณต้องการนำชัยชนะกลับบ้าน และรู้สึกเหมือนเป็นราชาแห่งเมืองฟลอเรนซ์” เฟอร์ราโร หนึ่งในผู้เล่น เล่าความรู้สึกของเขา
เราต่างเคยเห็นภาพบรรยากาศในเกมนัดชิงชนะเลิศ ไม่ว่าจะในกีฬาใดก็ตาม ว่ามันยิ่งใหญ่สักแค่ไหน ในศึกกัลโช่ สโตริโก้ ก็ไม่ต่างกัน สำหรับชาวเมืองฟลอเรนซ์เกมนัดชิง กัลโช่ สโตริโก้ อาจจะยิ่งใหญ่กว่าเกมกีฬาอื่นเสียด้วยซ้ำไป เมื่อมันเป็นวันที่พวกเขาตั้งตารอคอยมาตลอดทั้งปี
ในเกมนัดชิงผู้เล่นของทั้งสองทีมจะเดินไปสู่สนาม พร้อมกับขบวนพาเหรดของชาวเมือง ระหว่างทางเดินพวกเขาจะถูกรายล้อมไปด้วยชาวเมือง ที่ตะโกนเชียร์พวกเขาราวกับว่าได้แชมป์ฟุตบอลโลก หรือได้เหรียญโอลิมปิกคำกล่าวนี้ไม่ได้ดูเวอร์เกินจริงแต่อย่างใด เพราะสำหรับชาวเมืองฟลอเรนซ์แล้ว พวกเขารู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
ด้วยบรรยากาศเช่นนี้ จึงไม่ต้องไปหาเหตุผลให้เสียเวลาเลยว่าผู้เล่นกัลโช่ สโตริโก้ ไปเอาความกล้า ความบ้า มาจากไหน เหตุใดพวกเขาจึงไม่กลัว เมื่อรู้อยู่แล้วว่าการเดินลงไปในสังเวียนนั้น พวกเขาจะต้องแรกด้วยเลือด บรรยากาศในวันนั้นทำให้พวกเขาลืมความกลัวที่เคยมีหมดสิ้น และมันปลุกเล้าให้พวกเขาพร้อมจะออกไปสู้ เพื่อมอบชัยชนะให้แก่ชาวเมืองในเขตของตน
🗣“ไม่มีเหตุผลจริงๆ ว่าทำไมทุกคนถึงทำเช่นนี้ เหตุผลเดียวก็เพราะว่ามันเป็นโอกาสเดียว ที่คุณจะได้เป็นเหมือนดารา ที่เดินในขบวนพาเหรด และมีคนโห่ร้องให้คุณ และผู้หญิงต่างเอื้อมมือไปแตะตัวคุณขณะที่คุณเดินไป มันเป็นโอกาสที่คุณจะได้เป็นคนสำคัญ” หนึ่งในผู้เล่นเล่าถึงความรู้สึกของเขา
เกมการแข่งขันเริ่มต้นพร้อมกับความดุเดือด ผู้เล่นทุ่มพลังทั้งหมดที่มีลงไปในเกมอย่างไม่คิดชีวิต เกมที่ไร้ราคาในสายตาคนนอก แต่สำหรับชาวฟลอเรนซ์เกมนี้คือเกมแห่งเกียรติยศ เกมที่สู้เพื่อศักดิ์ศรี ด้วยความรักในเขตเมือง ในสีของตน เวลานั้นพวกเขาเป็นดั่งนักรบ ที่แลกเลือดเพื่อเมืองของตัวเอง โดยไม่สนว่าสุดท้ายมันจะจบอย่างไร
จะเป็นชัยขนะเมื่อสิ้นสุดเสียงนกหวีดหมดเวลา จะเป็นความพ่ายแพ้ที่มาพร้อมน้ำตาแห่งความเจ็บปวด หรือว่าพวกเขาไปรู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล สิ่งนั้นไม่มีใครรู้ได้แม้แต่ตัวพวกเขาเอง พวกเขารู้เพียงว่าเมื่อก้าวลงไปในสนาม ชัยชนะและสู้จนถึงที่สุดเท่านั้นคือสิ่งที่พวกเขาต้องการ
🗣"เวลาจะช้าลง คุณจะไม่รู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป เพราะอะดรีนาลีนไม่ยอมให้คุณรู้สึก และหลังจากนั้นเมื่อมันจบลงด้วยดี คุณจะรู้สึกภูมิใจ และมีเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น ผมไม่ใช่คนที่กล้าหาญ ดังนั้นผมจึงค้นหาความรู้สึกนั้นใน กัลโช่ สโตริโก้” นิโคลา หนึ่งในผู้เล่นเล่าถึงความรู้สึกของเขา ที่เกมกัลโช่ สโตริโก้ ช่วยปลุกความกล้าในตัวเขา
กัลโช่ สโตริโก้ คือเกมที่บังคับให้ผู้เล่นต้องดึงความกล้าหาญ ที่มีในตัวออกมาใช้ให้หมด ไม่ว่าในชีวิตจริงหลายคนอาจจะไม่ได้กล้าหาญอย่างนั้น มีหลายเรื่องที่คนเรากลัว หลายเรื่องที่คนเราอ่อนแอ แต่พอถึงจุดหนึ่งเราจะกล้าพอ เพื่อเอาตัวรอด และเพื่อเป็นผู้ชนะ อย่างในเกม กัลโช่ สโตริโก้
✍️บทความโดย ฐกฤต กล่ำพันธ์ดี
โฆษณา