12 ต.ค. 2020 เวลา 05:09
เรากำลังหาทางกลับบ้าน
มนุษย์โลก ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อไหร่นั้น ไม่มีใครสามารถหาคำตอบได้อย่างแท้จริง
มีเพียงการคาดเดา หรือที่เรียกกันว่าทฤษฎีเท่านั้นเอง เมื่อหลายล้านปีก่อน สัตว์ขนาดใหญ่ ที่มนุษย์ใช้เรียกพวกมันว่าไดโนเสาว์ได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้มาอย่างช้านาน
และแล้ววันหนึ่ง พวกมันก็สูญสิ้นไป เข้ามาแทนที่โดย มนุษย์ที่เรียกตัวเองว่าโฮโม เซเปียนส์ (Homo sapiens ) ผู้เรืองปัญญาสุดในเวลานนั้น
มนุษย์ได้นำทรัพยากรธรรมชาติต่างๆที่หาได้ในโลกใบนี้ มาทำเครื่องนุ่งห่ม ที่พักอาศัย และ สิ่งอำนวยความสะดวก ต่างๆเช่นไฟฟ้า รถยนต์ เครื่องบิน แม้แต่ยานอวกาศที่เดินทางไปยังดวงดาวต่างๆ
เทคโนโลยีเหล่านี้ ล้วนเกิดมาจากความเรืองปัญญาของมนุษย์ และมันจะไม่หยุดนิ่งเพียงเท่านี้ มนุษย์เริ่มสำรวจหาดาวดวงอื่นเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิต เพื่อมนุษย์เองจะสามารถใช้อยู่อาศัยได้ แต่ขณะ เดียวกันในโลกเอง ก็ยังมีผู้คนจากหลายที่ของโลกพบเห็นวัตถุลึกลับบินได้ ซึ่งยังไม่รู้ที่มา ที่พวกเราเรียกมันว่า UFO
มันคืออะไร มันมาจากไหน หรือพวกมันคือมนุษย์ต่างดาว? นั่นคือสิ่งที่เรากำลังหาคำตอบ แต่ถ้ากำลังจะบอกว่า เป็นไปได้ไหมว่ามนุษย์ต่างดาวที่เรากำลังค้นหาอยู่นั่นมันคือบรรพบุรุษของ โฮโม เซเปียนส์ (Homo sapiens )หรือ มนุษย์ในโลกใบนี้
ใช่แล้ว พวกคุณคือลูกหลานผู้มาจากดาวดวงใดดวงหนึ่ง ในห้วงอนันตจักรวาลเหล่านั้น มนุษย์เริ่มถือกำเนิดขึ้นเมื่อราว 300,000ปี มานี้เองซึ่งมันเร็วไปไหม หากเมื่อเปรียบเทียบกับไดโดเสาว์ในยุคหลายล้านปีมาแล้ว
โลก ได้ก่อเกิดธรรมชาติให้ทุกสิ่งมีความสมดุล เกื้อหนุนซึ่งกัน และ กัน พืชซึ่งเกิดจากดิน และ มีสัตว์มากินพืชเพื่อควบคุมไม่ให้พืชเหล่านั้นมีมากจนเกินไป มีสัตว์กินเนื้อเพื่อควบคุมไม่ให้สัตว์กินพืชมีเยอะเกินไป สิ่งเหล่านี้มันคือวงจรของโลก
แต่ขณะเดียวกัน มนุษย์กลับเป็นผู้ทำลายและเปลี่ยนแปลงความสมดุลทุกอย่างของโลกใบนี้ จนในที่สุดมนุษย์เริ่มตระหนักดีแล้วว่า โลกใบนี้กำลังจะตายในอีกไม่นาน
และ เมื่อเวลานั้นมาถึงเผ่าพันธ์มนุษย์ก็จะสิ้นสุดลง ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะยอมหยุดนิ่งยอมรับมัน โดยที่ไม่ทำอะไร โครงการค้นหาดาวดวงใหม่จึงเริ่มขึ้น
มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกหรอกเพราะมนุษย์เคยทำแบบนี้มาแล้ว เมื่อดาวดวงก่อนหมดสิ้นทรัพยากร พวกเขาได้นำมนุษย์บางส่วนมาอาศัยยังโลก และ อีกหลายๆกลุ่ม ไปอาศัยยังดวงดาวอื่นๆอีก และ แท้จริงแล้ว อุกาบาตขนาดใหญ่ไม่เคยตกลงบนโลกเลย แต่มันคืออาวุธร้ายแรง ที่กวาดล้างสัตว์ขนาดใหญ่และดุร้าย อย่างพวกไดโนเสาว์ให้หมดสิ้นไปต่างหาก เพราะไม่เช่นนั้นแล้วการนำมนุษย์มาอาศัยที่นี่ก็ไม่ต่างจากมาให้อาหารสัตว์
มนุษย์ยุคแรกต้องอยู่อย่างลำบาก เพราะจะต้องปรับตัวให้เข้ากับบรรยากาศภายในของโลก ซึ่งมีทั้ง ร้อน หนาว พายุ และ ห่าฝน พวกเขาแตกต่างจากสัตว์ทุกชนิดบนโลก อย่างสิ้นเชิง เพราะธรรมชาติที่นี่ ไม่ได้รองรับการดำรงชีพของพวกเขา หากพวกเขาต้องการจะมีชีวิตอยู่ได้ จะต้องปรับตัว และเปลี่ยนแปลงธรรมชาติเหล่านี้ซะ
พวกเขาต้องอยู่ด้วยความหวัง ผู้ที่ท้อแท้ก็ได้แต่แหงนมองฟ้า ว่าหวังว่ายานลำเลียงจะผ่านมาหาพวกเขา ปากก็ตะโกนร้อง เผื่อผู้นำยานที่พาเขามาจะได้ยิน และมารับเขา
มนุษย์กลัวความมืดก็สร้างแสงสว่าง กลัวหนาวก็ทำเครื่องนุ่งห่ม กลัวร้อนก็ทำเครื่องทำความเย็น สร้างสิ่งต่างได้ ในระยะเวลาไม่กี่พันปี จนถึงปัจจุบัน คิดว่ามันเป็นความบังเอิญอย่างนั้นหรือ สิ่งเหล่านี้มันเป็นการถ่ายทอดปัญญาทางพันธุกรรมอย่างเห็นได้ชัด มันเป็นความรู้ความสามารถในสายเลือด อย่างเช่นถ้าพ่อแม่เป็นนักร้อง ลูกที่เกิดออกมาหนึ่งในนั้นจะมีพรสวรรค์ในการร้องเพลงเหมือนผู้ให้กำเนิด พ่อแม่เป็นนักวาดภาพ ลูกเกิดมาก็จะมีทักษะเช่นเดียวกับพ่อแม่
นี่ก็เช่นเดียวกัน สิ่งต่างๆ ไฟฟ้า ยานยนต์ ทีวี ตู้เย็น สิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้
มนุษย์ขุดขึ้นมาจากดินในโลกนี้นั่นเอง มีเพียงภูมิปัญญาเท่านั้นที่ติดตัวจากชาติกำเนิดของบรรพบุรุษ พวกเขารู้เรื่องดวงดาวได้อย่างไร รู้ได้เช่นไรว่ายังมีจักรวาลอื่น
และทำไมพวกเขาถึงมีความพยายามที่จะค้นหาดาวดวงอื่น และทำไมพวกเขาให้ความสนใจดาวอังคารเป็นพิเศษ หรือว่าในส่วนลึกๆแล้ว มนุษย์มีความผูกพันธ์กับดาวอังคารอย่างสุดซึ้ง เฉกเช่นเด็กคนหนึ่งได้จากบ้านมานานแสนนาน จนอายุมากแล้วก็ยังคิดหวังว่าสักวันจะกลับไปเยี่ยมเยือนบ้านเกิดสักครั้ง
หากเช่นนั้นแล้วเป็นไปได้ไหมว่ามนุษย์กำลังคิดถึงดาวเกิดของตน ดวงดาวที่เคยจากมานานแสนนาน และ กำลังหาวิธีจะกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดสักครั้ง
โฆษณา