13 ต.ค. 2020 เวลา 12:19 • ท่องเที่ยว
นิราศปารีส
แหงนมองฟ้าก่อนตะวันจะพลันหาย
เก็บข้าวของเสร็จสรรพสนับกาย
ส่งเมสเสจ ลา สหายคล้ายห่วงใย
ลาสหายเก่าใหม่ด้วยใจรัก
ข้อความทักสลักจิตพิศสมัย
เก็บกระเป๋าเสื้อผ้าร่ำลาไกล
เลยปีหน้าฟ้าใหม่จะกลับมา
ลากกระเป๋าใบใหญ่ใส่ในรถ
โอ้ใจอด เศร้าสร้อยละห้อยหา
สายตาเอี้ยวเลี้ยวหลังหลั่งน้ำตา
ขอพี่ยาไปส่งอนงค์นาง
พระอาทิตย์อัศดงลับพงไม้
คิดถึงแม่จับฤทัยให้หมองหมาง
รถวิ่งจากมหาชัยไปตามทาง
สุดอ้างว้างห่างมารดาข้าอาวรณ์
แกงหน่อไม้ร่ำลือฝีมือแม่
เลิศรสแท้เด็ดถึงทรวงดวงสมร
เคยแนบพิงอิงแอบแนบยามนอน
บัดนี้ลูก จากจร ก่อนเอ่ยลา
ป่านนี้บ้านเราคงล้อมวงข้าว
เสียงเจี้ยวจ้าวสกุณีขี่พฤษา
ตามวิถีพันผูกลูกชาวนา
ฝากเชษฐาเทคแคร์ดูแลกัน
ถึงถิ่นท่าสนามบินดินแดนใหญ่
ศรีวิไลประหนึ่งในไอศวรรย์
สวรรณภูมิพูนสุขทุกคืนวัน
ผ่านร้อยพันหมื่นผู้จรลี
เวลานัดทุ่มหนึ่งซึ่งขาออก
ป้ายชี้บอกเรียงรายประพรายสี
บันทึกภาพเพื่อนรักวัชรี
อีกทั้งมีเพื่อนเก่ามาส่งเรา
เก็บไว้เป็นที่ระลึกยามนึกถึง
ประทับตรึงตราใจมิให้เหงา
แม้ตัวไกลใจห่วงนวลนงเยาว์
จะคอยเฝ้าส่งข่างคราวได้ดี
มองนัยตาพี่นั้นพลันกลั้นไห้
ด้วยแรมไกลจากบ้านป่าพนาศรี
จำนิราศจากจรอ่อนฤดี
ต่อแต่นี้คงอ้างว้างห่างกายา
ที่ประเทศเขตเคยได้เห็นพี่
ผ่านคืนนี้คงอยู่ไกลอาลัยหา
แสนสุดหวงห่วงรักหนักอุรา
กลั้นน้ำตาให้เหือดหายมลายพลัน
สิบเอ็ดนักเดินทางจำห่างบ้าน
อีกสองท่านอาจารย์สมานฉันท์
ไปส่งเข้าฝรั่งเศสถึงเขตครัน
ไม่หวาดหวั่นมีอาจารย์ร่วมทางไป
แล้วเช็คอินส่งกระเป๋าเข้าตัวเครื่อง
แลชำเลืองมองพี่ยาพาใจไหว
มิทันพรากจากลาก็อาลัย
จะร่ำไห้ อีกครา ระอาตัว
ครั้นเดินเข้าเกรตไปใจแสนห่วง
น้ำตาร่วงดวงตาพร่าพาสลัว
น้ำตาเอ่อล้นออกระรอกรัว
ดุจดังขั้วฤทัยใกล้ขาดรอน
ม่านปีกบิน
ล้อเครื่องบินเคลื่อนสู่ยังลู่วิ่ง
ข้านั่งนิ่งปะวิงหวาดดั่งฟาดศร
สองปีกบินสู่รางกลางอัมพร
ผ่านดงดอนไฟระยับประดับดิน
อยู่กลางห้วงนภาพราวราวกลางทุ่ง
มองเห็นกรุงห่างไกลให้ถวิล
เห็นเมฆาลอยผ่านม่านปีกบิน
ราวองค์อินทร์ประทับร่างกลางเมฆา
หวนคิดถึงบทกลอนสุนทรภู่
นิราศสู่เมืองแกลงแสร้งกังขา
อ่านแล้วซึ้งทรวงสุด-อุดอุรา
ท่านสุนทรวอนพาข้าแต่งตาม
นิราศภูเขาทองท่องในจิต
อ่านแล้วคิดติดตรึงถึงสยาม
แรมนิราศสมัยก่อนนอนอาราม
ล่องเรือตามน้ำท่าตามสาชล
หากนิราศปารีสด้วยเรือจ้าง
คงอ้างว้างค้างแรมตามแห่งหน
กว่าจะถึงฝรั่งเศสสุดเขตชล
คงหมองหม่นดวงสมรไม่ผ่อนคลาย
เมื่อสมัยยุคใหม่ดั่งใจคิด
เนรมิตการเดินทางตามใจหมาย
เพียงชั่วคืนผ่านเขตฝันเป็นพันไมล์
ผ่านหลากหลายดินแดนแสนโพยม
แอร์โฮสเตสคนงามถามออร์เดอร์
รับเบอร์เกอ ข้าว ไวน์ พาย ผักโขม
อบด้วยชีส เมืองฝรั่งสั่งจากโรม
ข้าก็อยาก ขอเพิ่มโสม จากเมืองจีน
มอนิเตอร์บอกเพลาว่าใกล้ร่อน
ลงจอดก่อน เมืองอาบูฯ ผู้ถวิล
เป็นเวลา ลงลาน ทรานส์เครื่องบิน
ก่อนจะวิ่ง เหนื่อยระริน เข้าเกรตรอ
ไฟล์ทต่อเครื่องบินต่อไม่รอแน่
คงไม่แย่ ถึงปารีส ตามขีดขอ
ลงเวลา 7.25 ข้าเฝ้ารอ
สวมเสื้อหนาวปิดถึงคอพอหายใจ
แสงไฟส่อง ปารีสเมือง เรืองอร่าม
แสงไปงาม ส่องตาข้า พาไสว
หอไอเฟลเด่นตะหง่าน กลางดงไฟ
ประตูชัย ในรุ่งสาง สว่างตา
ใจอยากชม ชมเมือง ให้เนืองแน่น
แต่ต้องแล่น ออกจากเครื่อง เร็วสุดขา
เหงื่อไคลโชก ไหลบิดปิดหางตา
รีบออกมาเพื่อไปต่อ รอรถไฟ
ความหนาวเหน็บ เหน็บกาย ข้าหายห่วง
ไม่วัดดวง รอตอมอ พอสงสัย
สัมภาษณ์ข้า มาที่นี่ ด้วยเหตุใด
ข้าตอบไป มาเล่าเรียน ดีเนียนจน
ตอมอหนุ่ม มองหน้า เทียบพาสปอร์ต
หน้าข้าถอด ถอดสีหน้า พาสับสน
กลัวไล่กลับ ประเทศ เขตสายชล
พอก้าวพ้น ดั่งเปิดม่าน ผ่านตอมอ
เสียงอาจารย์ขานนำพร่ำเรียกชื่อ
ข้ารีบถือคว้ากระเป่า ดั่งเบาหนอ
วิ่งข้ามเขตหารถไฟไปเพื่อรอ
บินไปต่อ เมืองตูลูส สูตรตามแพลน
นิราศพบ ต่อเครื่อง เรื่องไม่จบ
ขอพักรบ เรื่องราว ก้าวสุขแสน
นิราศใหม่ จะมาเล่า เรื่องต่างแดน
ขอไปแล่น ตามเครื่องก่อน จบท่อนเอย
โฆษณา