13 ต.ค. 2020 เวลา 12:55 • ข่าว
13 ตุลา
(เขียนไว้ตั้งแต่งานพระเมรุปี 60)
เด็กน้อยเอ๋ย
จงเงยหน้าสู่เขาสูงลิบลิ่วแลลับยอด
นั่นคือพระสุเมรุเสมอฟ้า
ส่ำสัตว์พากันปีนป่ายว่ายข้ามสัตตบริภัณฑ์
อีกมหานทีสีทันดรเจ็ดชั้น จึงดั้นด้นสู่เชิงชายเขา
ทะเลหนาวแดดผ่าวร้อน ก็ไม่อาจกีดทาง
.
ป่าหิมพานต์
ที่ “ภูมิพนัสพิสัยสูงเสมอเมฆ” นั้น
เธอจะเห็นมนุษย์แลเทวดามาชุมนุม
อัปสรจากฟ้า อินทราละวิมาน
ทัณฑิมา วิทยาธร กินนร ฟ้อนร่าย
ไกรสรราชสีห์ทะยานลงมาวันทา
เทวดาแลพราหมณ์สยายมุ่นมวยผม
เพื่อน้อมส่งราชาผู้ทรงคุณวิเศษ
เทพในร่างมนุษย์ นารายณ์ในรูปราชา
กลับคืนสู่พิมาน....
.
สระอโนดาต
“บ้างก็เรื่อเรืองบุษย์โมราจรัสจรูญร่วง...
บ้างก็เด่นแดงเป็นแสงดาษ ดุษดวงประพาสเพชรประภัสสร...”
ขจรกลิ่นฟุ้งจรุงกลิ่นขจายจากเขาคันธมาทน์
อโนดาตนั้นวิจิตร
แต่ในฤดูกำสรด ใครเลยรื่นรมย์?
.
ดอกไม้กลายเป็นควันสู่ชั้นฟ้า
นารายณ์คืนสู่ไวกูณฐ์
สำเนียงปี่สอดซอเสียงสะอื้น
คลื่นซัดอโนดาต คลื่นสาดฉัททันต์
ยุคนธรสะท้าน อิสินธรสะเทือน
หมู่สัตว์จะไม่สะทกอย่างไรไหว
.
เด็กน้อยเอ๋ย
ฝูงชนที่บากบั่นมาจนถึงแกนกลางจักรวาล
พวกเขาต่างอาศัยวิริยะเป็นที่ตั้ง
ดุจดังมหาชนกที่ว่ายฝ่ามหาสมุทร
เพียงด้วยเหตุผลเดียว
เพียงด้วยเหตุผลเดียว...
26 ตุลาคม 2560
โฆษณา