Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ลงทุนในบัญชีและภาษี
•
ติดตาม
8 พ.ย. 2020 เวลา 23:30 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สิ่งที่ต้องรู้ ก่อนเปิดพอร์ตหุ้น
เป็นที่รู้กันดีว่า การลงทุนในหุ้น เป็นการลงทุนที่ได้ผลกำไรค่อนข้างสูง แต่แน่นอนค่ะว่าไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ ผลตอบแทนสูง ความเสี่ยงสูงก็ย่อมตามมาเช่นกัน หรือ High Risk High Return นั่นเอง ฉะนั้นสำหรับนักลงทุนมือใหม่ สิ่งสำคัญมากที่จะต้องมีคือความรู้ในเรื่องหุ้นพอสมควร
1
การที่จะทำให้เงินที่มีอยู่งอกเงยขึ้นจากการเล่นหุ้นนั้น สำหรับนักลงทุนที่เป็นมือใหม่ อาจจะรู้สึกว่า ยาก ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง ต้องใช้เงินลงทุนเท่าไหร่ เดี๋ยวตามเรามาเรียนรู้กันเลยดีกว่าค่ะ
1
⛳ หุ้น คืออะไร
คือ การถือสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของกิจการ หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือหุ้นส่วนนั่นแหละค่ะ การที่เราไปซื้อหุ้นของกิจการหนึ่งนั้น ก็เท่ากับว่า เรามีส่วนความเป็นเจ้าของของกิจการนั้นด้วย โดยเราสามารถซื้อ-ขายหุ้นที่ต้องการผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ และเมื่อเราเป็นเจ้าของบริษัทนั้นแล้ว ผลประกอบการในแต่ละปีของบริษัทนั้น เขาก็จะแบ่งให้เราในฐานะที่เป็นหุ้นส่วน ซึ่งผลผลตอบแทนหลักๆ ก็คือ
📌 เงินปันผล (Divided) ซึ่งในแต่ละปีจะจ่ายหรือไม่จ่ายเงินปันผลก็ได้ ขึ้นอยู่กับผลประกอบการและนโยบายของบริษัท
📌 กำไรจากการขายหุ้น (Capital Gain) เป็นอีกทางหนึ่งของผลตอบแทนซึ่งไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย
1
⛳ ต้องมีเงินลงทุนเท่าไหร่
คำตอบก็คือ เท่าไหร่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับการจัดสรรเงินสำหรับลงทุนของเราไว้เท่าไหร่ ถ้ารับความเสี่ยงได้น้อย ก็ลงน้อย รับความเสี่ยงได้มาก ก็ลงมาก เพราะแค่ 500 บาทคุณก็ลงทุนในหุ้นได้แล้ว
แต่โดยปกติแล้วการซื้อขายหุ้นไทยจะกำหนดขั้นต่ำที่ 100 หุ้น แต่เราไม่จำเป็นต้องซื้อถึง 100 หุ้นก็ได้ค่ะ เพราะเราสามารถซื้อเศษหุ้น หรือที่เรียกว่า Odd Lot ได้ จะเป็นหุ้นหน่วยย่อยที่มีจำนวนตั้งแต่ 1 – 99 หุ้น การซื้อขายเศษหุ้นนี้จะต้องซื้อขายบนกระดานหน่วยย่อย (Odd-Lot Board) ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดไว้ให้ ซึ่งสามารถซื้อได้ในแอพ Streaming Pro ได้เลยค่ะ
⛳ ลงทุนหุ้นตัวไหนดี ?
สำหรับมือใหม่หัดเล่นหุ้น ต้องเกิดคำถามข้อนี้อย่างแน่นอน ดังนั้น เราจึงขอแนะนำให้ท่านสำรวจตัวเองเสียก่อน ดังนี้
📌 เป้าหมายในการลงทุน คือในการลงทุนครั้งนี้ของเรามีเป้าหมายจะลงแบบไหน เช่น ถือยาว 5-10 ปี หรือถือไว้ระยะกลาง 1-3 ปี หรือจะเป็นการซื้อมาขายไปได้เงินก้อน เพื่อจะเอาเงินไปลงทุนต่อยอดอย่างอื่น
📌 ต้องรู้ว่า ตัวเองสามารถรับความเสี่ยงได้แค่ไหน การรับความเสี่ยงเป็นปัจจัยในการจัดสรรเงินลงทุน ถ้าคุณเป็นคนรับความเสี่ยงได้น้อย เช่น ถ้าขาดทุนจากเงินที่ลงไปประมาณ 10-20% แล้วรู้สึกไม่โอเคแล้ว คุณก็อาจจะจัดเงินที่จะมาลงทุนในหุ้นให้น้อยหน่อย แต่ถ้าตัวเลขติดลบแค่นี้สามารถรับได้สบายๆ ก็สามารถลงได้ตามจำนวนเงินทุนที่คุณต้องการได้เช่นกัน
ขั้นตอนต่อไป คือควรเลือกหุ้นตัวไหนดี สำหรับมือใหม่ต้องใจเย็น ๆ ค่อยเป็นค่อยไปค่ะ ต้องพยายามศึกษาหาเกี่ยวกับหุ้นตัวที่เราชอบไปก่อน ลองค้นหาหุ้นในหลาย ๆ อุตสาหกรรม แล้วเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ผลประกอบการดี และการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ
1
แนะนำลองดูหุ้นในกลุ่ม SET50 เพราะหุ้นกลุ่มนี้เป็นหุ้นจาก 50 บริษัท เป็นกลุ่มที่ถูกคัดเลือกด้วยเงื่อนไขที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดขึ้นมา มีการคัดกรองมาแล้วระดับหนึ่งว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดี จึงเหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ค่ะ
3
ข้อมูลของหุ้นสามารถหาได้จากใน
www.set.or.th
ได้เลยค่ะ ในช่วงเริ่มต้นแนะนำเป็นการถือหุ้นแบบระยะยาวไปก่อนนะคะ แล้วค่อย ๆ ใช้เวลาศึกษาเทคนิคต่างๆ เมื่อมั่นใจว่าเราเข้าใจหุ้นดีแล้ว จึงค่อยขยับมาลงทุนหุ้นแบบเก็งกำไรระยะสั้นบ้าง ก็ว่ากันไป ตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้นั่นละค่ะ
1
⛳ ประเภทของบัญชีหุ้น
การเปิดบัญชีหุ้นมีทั้งหมด 3 ประเภท แต่ในที่นี้จะขอกล่าวถึงการเปิดบัญชีที่นิยมกันสำหรับมือใหม่ก่อน ก็คือ บัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance) ซึ่งมีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อเท่านั้น โดยโบรกเกอร์จะหักเงินจากบัญชีเราทันที และ เพื่อความสะดวกแนะนำให้ทำระบบ ATS (Automatic Transfer System) ไปเลยค่ะ ATS ก็คือระบบที่เราสามารถโอนเงินจากบัญชีที่เราผูกไว้กับพอร์ตหุ้นได้อัตโนมัติ โดยไม่เสียค่าธรรมเนียม แถมง่ายและสะดวกด้วยค่ะ
1
⛳ จะเริ่มต้นเปิดพอร์ตยังไง ?
เมื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับหุ้น กันไปแล้ว เรามาเริ่มเปิดพอร์ตหุ้นกันได้เลยค่ะ
ในการเปิดพอร์ตหุ้น สามารถทำออนไลน์ได้ แต่เพื่อความมั่นใจ จะไปที่โบรกเกอร์ หรือธนาคารนั้นไปเลยก็ได้ค่ะ เพื่อความง่ายขึ้นในการกรอกเอกสาร ซึ่งเอกสารที่ต้องเตรียมไปด้วย ได้แก่
1
📌 สำเนาบัตรประชาชน
📌 สำเนาทะเบียนบ้าน
📌 สำเนาหน้าสมุดบัญชีที่จะใช้ผูกกับพอร์ตเพื่อเติมเงิน หรือเพื่อรับเงินปันผล หรือกำไรจากการเทรดหุ้น ก็จะเข้าบัญชีนี้เลย (อาจจะเปิดเป็นบัญชีที่ใช้เพื่อการซื้อขายหุ้นโดยเฉพาะ เพื่อการจัดสรรเงินที่ดีค่ะ)
📌 หลักฐานการเงินย้อนหลัง 3 เดือน
หลังจากยื่นเอกสารทั้งหมดแล้วโบรกเกอร์จะส่ง Username และ Password มาให้เราหลังจากนั้นประมาณ 1 สัปดาห์ค่ะ
1
บางท่านอาจจะเกิดคำถามว่า ควรเลือกโบรกเกอร์ที่ไหนดี? การเลือกโบรกเกอร์ขึ้นอยู่กับความชอบของเรา หรือเอาที่เราสะดวกที่จะเข้าไปหาได้ง่ายๆ คุยแล้วเข้าใจกันง่าย ที่สำคัญคือศึกษาข้อตกลงให้ดี ดูก่อนว่ามีขั้นต่ำในการซื้อ-ขายอย่างไร มีค่าธรรมเนียมเท่าไหร่ หรือท่านสามารถเข้าไปดูลิสต์รายชื่อของโบรกเกอร์ที่
set.or.th
ได้ และสามารถโทรไปสอบถามแต่ละที่ดูว่าเราโอเคกับที่ไหนที่สุดค่ะ
💦.....เป็นอย่างไรบ้างคะ ไม่ยากเลยใช่ไหมคะกับการเริ่มต้นลงทุนในหุ้น อย่างไรก็ตามโอกาสที่คุณจะได้กำไรจากการลงทุนในหุ้นนั้นมีอยู่มาก แต่ก็อย่าลืมว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาให้ดีก่อนการลงทุนเสมอ สิ่งที่จะช่วยเราได้ก็คือการศึกษาข้อมูลของสิ่งที่เรากำลังลงทุน และอย่าลืมศึกษาเทคนิคต่างๆ แล้วเอามาปรับใช้ในแบบของตัวเราเองด้วยนะคะ แค่นี้เราก็มีโอกาสเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนในหุ้นได้เหมือนกันค่ะ
1
โชคดีในการลงทุนทุกท่านค่ะ 😊😊
Cr.
Krungsri.com
เรียบเรียงโดย : ลงทุนในบัญชีและภาษี
ช่องทางอื่นในการติดตาม เพจลงทุนในบัญชีและภาษี
FB :
https://www.facebook.com/BSV.BSerp.BusinessValue
Website :
https://accounting.bsv-th.com/
ขอบคุณทุกกำลังใจและการติดตามนะคะ 🙏🙏😘😘
74 บันทึก
80
68
52
ดูเพิ่มเติมในซีรีส์
ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์
74
80
68
52
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย