13 ต.ค. 2020 เวลา 22:26 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
งานเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในตระกูล iPhone 12 Series ที่ใครหลายคนต่างก็รอคอยที่จะเห็นเครื่องจริงกันทั้งนั้น ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็มีข่าวลือ ข่าวหลุดกันมาอย่างเนิ่นนานไม่ว่าจะเป็นสเปก, การดีไซน์ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง, สีของตัวเครื่องและราคาขาย รวมไปถึงวันที่วางขาย
iPhone 12 ขนาด 6.1 นิ้ว
เริ่มต้นกันที่ iPhone 12 ขนาด 6.1 นิ้วกันก่อนเลย ซึ่งก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ Ming-Chi Kuo ได้เผยว่าเป็นรุ่นที่ขายดีที่สุดในซีรี่ส์นี้เลย ที่มาพร้อมกับหน้าจอภาพแบบ OLED Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซลที่ 460 ppi กับคอนทราส 2,000,000:1
จอภาพ iPhone 12 มีมุมมนที่รับกับดีไซน์แบบโค้งอันงดงาม และมุมทั้งหมดนี้อยู่ในสี่เหลี่ยมมุมฉากมาตรฐาน และเมื่อวัดเป็นรูป สี่เหลี่ยมมุมฉากมาตรฐานแล้ว หน้าจอจะมีขนาด 153.97 มม. ในแนวทแยง (พื้นที่สำหรับการดูจริงมีขนาดน้อยกว่า) ถ้าหากเทียบกับ iPhone 11 ตัวนี้จะบางกว่า 11% เล็กกว่า 15% และ เบากว่า 16%
อีกทั้งยังใช้กกระจกหน้าจอแบบใหม่ Ceramic Shield ที่ให้ความแข็งแกร่งกว่าเดิม 4 เท่า และสามารถดาวน์โหลดได้สูงสุด 4GB/วินาที และอัปโหลดได้สูงสุด 200MB/วินาที และใช้ชิป A14 Bionic
กล้องหลัง 2 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 และเลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถถ่ายภาพได้กว้าง 120 องศา และมาพร้อมกับระบบกันสั่นแบบออปติคอล สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 2 เท่า และซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุด 5 เท่า
รวมถึงยังรองรับ Night mode และสามารถจัดแสงภาพบุคคลพร้อมเอฟเฟ็กต์ 6 แบบ ได้แก่ แสงไฟธรรมชาติ, แสงไฟสตูดิโอ, แสงไฟคอนทัวร์, แสงไฟเวที, แสงไฟเวทีขาวดำและแสงไฟขาวดำไฮคีย์
นอกจากนี้ ยังรองรับ 5G ได้ ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ Smart Data Mode ที่สามารถสลับการใช้งานอัตโนมัติระหว่าง 4G LTE กับ 5G เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และมากับระบบชาร์จแบบใหม่ที่มีชื่อว่า MagSafe คือ วงแหวนแม่เหล็ก เพื่อใช้กับอุปกรณ์แบบใหม่ ยึดติดแท่นชาร์จไร้สายให้ไม่เลื่อนหลุดและแม่นยำมากขึ้น รวมถึงใช้ร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ของ Apple สามารถใช้งาน MacSafe ผ่านเคสได้
มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีแดง, สีดำ, สีเขียว, สีน้ำเงินและสีขาว ส่วนราคาขายเริ่มต้นที่ 799 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 24,900 บาท สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 16 ตุลาคม 2020 และพร้อมขายจริงในวันที่ 23 ตุลาคม 2020 เป็นต้นไป
iPhone 12 mini ขนาด 5.4 นิ้ว
เป็นสมาร์ทโฟนรุ่นเล็กที่สุดในตระกูล iPhone 12 Series ที่มีสเปกเหมือนกับ iPhone 12 เลย แต่แตกต่างกันที่ขนาดของหน้าจอที่มาพร้อมกับหน้าจอ OLED Super Retina XDR  ขนาด 5.4 นิ้ว ความละเอียด 2340 x 1080 พิกเซลที่ 476 ppi และใช้ชิป A14 Bionic
รวมไปถึง ยังมีการลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีการปรับแพ็กเกจให้เล็กลง และไม่แถมอะแดปเตอร์ และหูฟังนั่นเอง ตามที่ข่าวลือได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ส่วนราคาขายเริ่มต้นที่ 699 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 21,900 บาท สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าได้ในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2020 และวางขายจริงในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2020
iPhone 12 Pro ขนาด 6.1 นิ้ว
มาพร้อมกับจอภาพ OLED Super Retina XDR ขนาด 6.1 นิ้ว ความละเอียด 2532 x 1170 พิกเซลที่ 460 ppi และใช้ชิปเซ็ต A14 Bionic
กล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้ 120 องศา + เลนส์ Telephoto ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.0 ที่สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 2 เท่าและซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุด 10 เท่า มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ LiDAR Scanner ตามข่าวลือที่เผยออกมาเป๊ะๆ
กล้องหน้า ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และรองรับโหมดถ่ายภาพบุคคลพร้อมโบเก้ที่สมจริงและมีการควบคุมระยะชัดลึก
ส่วนราคาขายเริ่มต้นที่ 999 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 31,300 บาท สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 16 ตุลาคม 2020 และพร้อมขายจริงในวันที่ 23 ตุลาคม 2020 เป็นต้นไป
iPhone 12 Pro Max ขนาด 6.7 นิ้ว
มาพร้อมกับจอภาพ OLED Super Retina XDR ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด 2778 x 1284 พิกเซลที่ 458 ppi, ใช้ชิปเช็ต A14 Bionic
กล้องหลัง 3 ตัว โดยกล้องหลัก ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/1.6 + เลนส์ Ultra-wide ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.4 สามารถถ่ายภาพมุมกว้างได้ 120 องศา + เลนส์ Telephoto ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 ที่สามารถซูมแบบออปติคอลได้ 5 เท่าและซูมแบบดิจิตอลได้สูงสุด 12 เท่า มาพร้อมกับเซ็นเซอร์ LiDAR Scanner ตามข่าวลือที่เผยออกมาเป๊ะๆ และยังมาพร้อมกับระบบกันสั่นคู่ทั้งเลนส์หลักและเลนส์ Telephoto
กล้องหน้า ให้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และรองรับโหมดถ่ายภาพบุคคลพร้อมโบเก้ที่สมจริงและมีการควบคุมระยะชัดลึก
ส่วนราคาขายเริ่มต้นที่ 1,099 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 34,400 บาท สามารถสั่งซื้อล่วงหน้าในวันที่ 6 พฤศจิกายน  2020 และขายจริงในวันที่ 16 พฤศจิกายน 2020 เป็นต้นไป
โฆษณา