16 ต.ค. 2020 เวลา 12:16 • หุ้น & เศรษฐกิจ
อ่านงบเก่ง #ก็เจ๊งหุ้นได้! ถ้าไม่สนสิ่งนี้.. [ยู ศิระ]
1 ในข้อผิดพลาด ที่มือใหม่หัดหุ้นมักทำ ตอนเลือกหุ้นลงทุน คือ #เน้นวิเคราะห์งบการเงินอย่างเดียว
ตัวผมเอง ช่วงแรกๆ ก็เป็น..
คือ ถ้าอัตราส่วนทางการเงินทุกอย่างออกมาดี ตรงตามตำราเป๊ะๆ
ผมก็จะสรุปทันที ว่า “หุ้นตัวนี้ มีคุณภาพ”
ปัญหาคือ.. #งบการเงิน บอกได้แค่ “อดีต-ปัจจุบัน”
www.facebook.com/HappyWithYuSira
แต่มี #ปัจจัยด้านคุณภาพ หลายอย่าง ที่สำคัญกับอนาคต
ที่แค่ “ตัวเลข” จากงบการเงิน #ไม่สามารถบอกได้
และเราต้องวิเคราะห์มัน จาก #ลักษณะธุรกิจ
ที่ “ไม่ใช่ตัวเลข”
 
เช่น..
1) ความเสี่ยงที่ธุรกิจ จะถูกเทคโนโลยีทำลาย ในอนาคต
2) ความได้เปรียบในการแข่งขัน
3) แหล่งที่มาของรายได้
4) คุณภาพของกำไร
5) เทรนด์การเติบโตในอนาคต
1
1) ความเสี่ยงที่ธุรกิจ จะ #ถูกเทคโนโลยีทำลาย ในอนาคต :
เรื่องนี้ ผมโดนมาเองกับตัว
ช่วงแรกที่เพิ่งเริ่มเข้ามาลงทุนหุ้นเอง
ตอนนั้น ผมเน้นการวิเคราะห์คุณภาพหุ้น
จากการดูงบการเงินอย่างเดียว
 
ตัวอย่างเช่น หุ้น #MCOT หรือ #ช่อง9
ตอนนั้น ผมดูงบการเงินย้อนหลัง 5 ปี
ตัวเลขทุกอย่างออกมาดูดีหมด
ทั้ง การเติบโตสม่ำเสมอของกำไร, ความสามารถในการทำกำไร, เสถียรภาพของกำไร (กำไรแต่ละปี ไม่ขึ้นลงผันผวน ค่อยๆ โต), หนี้สินน้อย, เงินสดเยอะ ฯลฯ
 
พอผมเห็นตัวเลขที่ดีต่อเนื่อง 5 ปี
ก็เลยสรุปเอาเองว่า หุ้นนี้ “ปลอดภัย”
และในอนาคต ก็น่าจะทำกำไรแบบนี้ไปได้เรื่อยๆ
ซึ่งผมพลาด..
 
ผมมองข้าม เรื่องการเข้ามาของ #ทีวีดิจิตอล และ #สื่อออนไลน์ (อย่าง FB, Youtube, ฯลฯ) จะทำให้กำไรที่สม่ำเสมอในอดีต ของช่องทีวี หายไปในชั่วข้ามคืน !!!
 
จากเมื่อก่อน ที่มีแค่ ช่อง 3, 5, 7, 9, 11 แค่ไม่กี่ช่อง
ทำให้ธุรกิจที่ต้องการซื้อสื่อโฆษณาทาง TV มีตัวเลือกไม่มาก
เก็บค่าโฆษณาสูงๆ ก็ต้องยอม
 
แต่พอมี #ทีวีดิจิตอล เข้ามาเป็นร้อยช่อง
กลายเป็นว่า..
คนดู ก็กระจัดกระจายไปดูช่องต่างๆ
ฐานคนดูของช่องเก่าๆ ที่เคยผูกขาด ก็เลยน้อยลง
พอฐานคนดูน้อยลง แถมธุรกิจที่ต้องการซื้อสื่อโฆษณา มีตัวเลือกเพิ่มขึ้น
ทั้งจากทีวีดิจิตอล ช่องอื่นๆ และจากสื่อออนไลน์ อย่าง FB, Youtube ที่เริ่มได้รับความนิยมมากกว่า
เลยทำให้ MCOT ไม่สามารถกำหนด #ค่าโฆษณาสูงๆ ได้อีกต่อไป
 
จากที่เค้าต้องมาง้อ ขอโฆษณาด้วย
กลายเป็นตัวเอง ต้องเป็นฝ่ายง้อ ขอให้เค้ามาโฆษณา กับช่องตัวเอง..
 
สุดท้าย ผมก็ตัดสินใจ #ขายขาดทุน กับหุ้นตัวนี้ เพื่อไปซื้อหุ้นตัวใหม่ ที่มีอนาคตกว่า
หุ้น MCOT คือ 1 บทเรียน ที่สอนให้ผมรู้
ว่าต้องมอง #ความเป็นจริง ด้วย ไม่ใช่มองแค่ #ตัวเลข อย่างเดียว
ยังมีธุรกิจอีกมากมาย นอกจากช่องทีวี
ที่ถูกเทคโนโลยีทำลายไปแล้ว หรือกำลังจะถูกทำลายในอนาคต
ไม่ว่าจะเป็น..
- ฟิล์มโกดัก (ไม่ใช้กันแล้ว)
- มือถือแบบมีปุ่มกด (โดน iPhone ฆ่า)
- ร้านหนังสือ (อ่านในมือถือก็ได้ หรือ หาซื้อออนไลน์ Shopee, Lazada เยอะแยะ)
- หนังสือพิมพ์ (เหลือแต่คนแก่อ่าน ถ้าคนแก่รุ่นนี้ตายไป ใครจะอ่าน?)
- นิตยสาร (เจ๊งเป็นแถบ)
- เทปเพลง (ดู Youtube ฟรีละกัน)
- ร้านเช่าวิดีโอ (Netflix มีหนังเยอะแยะ)
- สมุดหน้าเหลือง (คือไรอ่ะ?)
2) #ความได้เปรียบในการแข่งขัน :
บริษัท มีข้อได้เปรียบบางอย่าง ที่คู่แข่งในธุรกิจเดียวกัน ไม่สามารถทำได้รึเปล่า?
เช่น..
- ต้นทุนการผลิตต่ำกว่า
เช่น โค้ก จะ #ได้เปรียบต่อขนาด
และมีต้นทุนผลิตต่ำกว่า เครื่องดื่มยี่ห้ออื่น
- แบรนด์เป็นที่รู้จักมากกว่า
เช่น ถ้าคนอยากกิน ฮันนี่โทสต์, บิงซู
ก็จะนึกถึงร้าน After You
- ได้ประโยชน์ จากการมีเครือข่ายมากกว่า
เช่น คนเล่น Facebook กัน เพราะทุกคนเล่น..
แต่คนเลิกเล่น Hi5 เพราะทุกคนเลิกเล่น..
(ลองนึกภาพ ถ้าไม่มีใครเล่น FB แล้ว คุณจะยังเล่นมันอยู่มั้ย?)
- มีใบอนุญาตให้ทำธุรกิจ ที่คู่แข่งส่วนใหญ่ไม่มี
เช่น สารเคมีบางอย่าง ที่ต้องได้รับใบอนุญาต ถึงจะขายได้
3) #แหล่งที่มาของรายได้ :
- มาจากลูกค้ารายเดียว หรือแค่ไม่กี่รายรึเปล่า? :
แล้วถ้าลูกค้ารายนั้น เลิกซื้อขึ้นมาล่ะ?
- มาจากสัมปทาน ที่รอวันหมดอายุรึเปล่า? :
แล้วถ้าเค้าไม่ต่ออายุให้ จะเอารายได้จากไหนมาทดแทน?
4) #คุณภาพของกำไร :
- สินค้านั้น เป็น #สิ่งจำเป็น ที่ลูกค้าคนเดิม ต้อง #ซื้อซ้ำๆ รึเปล่า?
หรือซื้อแค่ครั้งเดียว แล้วจบ? จากนั้น ต้องหาลูกค้าใหม่ไปเรื่อยๆ
เช่น ทำอสังหาเพื่อขาย (ไม่ใช่เพื่อเช่า), จัดอีเว้นท์งานแต่ง (คนมักแต่งงานกันครั้งเดียว ไม่ใช่ทุกปี)
- สินค้านั้นเป็น #แฟชั่น ที่มีความนิยมเป็นช่วงๆ จากนั้นก็ซารึเปล่า?
(เช่น โรตีบอย, เสื้อผ้าแฟชั่น)
- สินค้านั้น เป็น #โภคภัณฑ์ ที่บริษัทไม่สามารถกำหนดราคาได้เอง และต้องปล่อยให้ตลาดเป็นคนกำหนดรึเปล่า?
(เช่น น้ำมัน, ปิโตรเคมี, เนื้อสัตว์, เหล็ก, ถั่วเหลือง, น้ำตาล ฯลฯ)
- สินค้านั้น มีต้นทุน ที่ค่อนข้างเสถียร หรือผันผวน
เช่น ธุรกิจซื้อมาขายไป จะคุมต้นทุนง่าย เพราะรับมาเท่าไหร่ ก็ใช้บวก% เอา
แต่ธุรกิจสายการบิน จะมีต้นทุนหลักคือ “น้ำมัน” ซึ่งราคาผันผวนมาก เลยทำให้กำไรแต่ละปี #ผันผวนมาก
หากกำไรของธุรกิจ #ไม่มีคุณภาพ ในแต่ละปี ผลกำไร #ผันผวนมาก
คุณก็จะ “ประเมินมูลค่าหุ้นลำบาก”
1
แต่ถ้ากำไรของธุรกิจ #มีคุณภาพ
ผลกำไร #สม่ำเสมอทุกปี
คุณก็จะ “ประเมินมูลค่าหุ้นได้ง่ายๆ”
5) #เทรนด์การเติบโตในอนาคต :
- เมืองไทย กำลังจะเป็น #สังคมคนแก่ :
หุ้นที่ได้ประโยชน์ = หุ้นที่ลูกค้าเป็นคนแก่
เช่น โรงพยาบาล, ยา, ประกัน ฯลฯ
- การขยายตัวของ #สังคมเมือง :
คนสมัยนี้ มีลูกกันน้อยลง และอยู่ด้วยกันไม่กี่คน
ไม่ได้เป็นครอบครัวใหญ่แบบเมื่อก่อน
เพราะงั้น ร้านสะดวกซื้อแถวบ้าน ก็จะได้ประโยชน์
จากการที่คนซื้อของทีละชิ้น 2 ชิ้น
ไม่ได้ซื้อทีเดียวเยอะๆ แบบเมื่อก่อน
- การเติบโตของ #E-Commerce :
เดี๋ยวนี้ อะไรๆ ก็ซื้อขายออนไลน์ แม้แต่สั่งข้าว
ดังนั้น ธุรกิจที่ได้ประโยชน์ ก็เช่น..
ธุรกิจที่ทำพวก #บริการจัดส่ง
และ ผู้ผลิต #กล่องพัสดุ #กล่องข้าว ฯลฯ
การวิเคราะห์ #ลักษณะธุรกิจ ทั้ง 5 ข้อข้างบน ส่งผลถึง #กำไร ที่บริษัทจะทำได้ในอนาคต
ซึ่งตัวเลขจาก #งบการเงิน ไม่สามารถบอกได้
ดังนั้น ตอนคุณเลือกหุ้น..
อย่าลืมให้ความสำคัญกับ #ลักษณะธุรกิจ
ก่อนดู #งบการเงิน นะครับ
(ส่วนตัว ผมมองว่า #ลักษณะธุรกิจ สำคัญกว่า #งบการเงิน ด้วยซ้ำ)
ส่งท้ายด้วยคำคมเก๋ๆ จากปู่บัฟเฟตต์
เซียนหุ้นมือ 1 ของโลก..
“ในโลกธุรกิจ กระจกหลังรถ มองชัดกว่ากระจกหน้าเสมอ”
ติดตามเพจ:
โฆษณา