17 ต.ค. 2020 เวลา 12:30 • การเมือง
(20+โปรดใช้วิจารณญาณ)1จิตวิทยา+1ปรากฎการณ์ ที่กำลังทำให้ ประ... จันทร์...ชา ได้สร้างขึ้นมาเพื่อโน้มน้าวประชาชน
1
https://board.postjung.com/1244317
"มนุษย์ทุกคนล้วนมีความปรารถนาในอำนาจเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการเสมอ" นี่เป็นสิ่งที่เราทุกคนรู้ แต่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมมันได้เสมอไป โดยเฉพาะ ตัวเราเอง
1
และเมื่อใดก็ตามที่มนุษย์เรามีอำนาจล้นมือมากเท่าไหร่ มนุษย์คนนั้นก็จะยิ่งควบคุมอำนาจของตนได้ยากเย็นขึ้นเท่านั้น จนสุดท้าย อำนาจจะกลายเป็นเจ้านายของคนๆนั้นในที่สุด หากมนุษย์ผู้นั้นไม่ยอมเป็นลูกน้องของมันเสียก่อน
แต่แล้ว ก็มีอยู่คนๆหนึ่งที่กำลังปล่อยให้อำนาจเป็นเจ้านายของตน คนๆนั้นไม่ใช่ใครที่เราไม่รู้จัก เขาคนนั้นก็คือ ประ... จันทร์...ชา นั่นเอง
เกิดอะไรขึ้นกับตัวเขาผู้นี้ Near us จะอธิบายให้ฟังครับ
ก่อนหน้านั้น Near us ได้เคยอธิบายถึงการชุมชุมของกลุ่มวันรุ่นเกี่ยวกับจิตวิทยาที่เหล่าผู้ชุมชุมอาจกำลังเป็นอันตรายจากการถูกชักจูงและชักใยจากผู้ที่อยู่เบื้องหลังบางกลุ่มจากนั้นในและนอกประเทศ มาวันนี้ Near us จะมาอธิบายถึงจิตวิทยาที่รัฐบาลกำลังสร้างหลุมพรางขึ้นมาและอาจเป็นภัยต่อตัวเองได้เมื่ออำนาจได้ทอดทิ้งพวกเขาและถูกตาม"เช็กบิล" ในที่สุด
มาวันนี้ Near us ก็มีจิตวิทยาดีๆมาจาก Rolf Dobelli เช่นเคยครับ โดยเขาได้เคยเป็น CEO ของบริษัทในเครือ สวิสแอร์ และเขียนหนังสือจิตวิทยาที่ติดอันดับขายดีในประเทศ เยอรมัน และทั่วประเทศในยุโรป ซึ่งเขาได้อธิบายถึงหลุมพรางของสมองมนุษย์ที่เรามักจะติดกับโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะ อคติในสมองของเราเอง
https://thestandard.co/dds-prove-no-io-twitter/
และสิ่งที่ ประ... จันทร์...ชา และพวกพ้องสร้างขึ้นมาเพื่อโน้มน้าวประชาชนมีอยู่ 2 อย่าง ได้แก่
การสร้างจิตวิทยา "อคติจากการเลือกรับข้อมูล"
https://board.postjung.com/1244317
Rolf Dobelli ได้เขียนเอาไว้ในหนังสือ 52 วิธีคิดให้ได้อย่างเฉียบคม เอาไว้ว่า "อคติจากการเลือกรับข้อมูลเป็นต้นกำเหนิดของความผิดพลาดทั้งปวง มันทำให้คนเรามีแนวโน้มที่จะตีความข้อมูลใหม่ๆ มุมมอง และความเชื่อของตัวเอง พูดง่ายๆก็คือเราจะกรองข้อมูลใหม่ๆที่ขัดแย้งกับเราทิ้งไป"
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2020 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ทำการแบนเว็บไซต์ Change.org แพลตฟอร์มสำหรับการริเริ่มแคมเปญรณรงค์ต่างๆ เพื่อการแก้ไขปัญหาและการสร้างความเปลี่ยนแปลงเชิงบวกของสังคม ได้ถูกปิดกั้นการเข้าถึงเนื้อหา ทำให้คนไทยไม่สามารถเข้าถึงการแสดงความคิดเห็นและสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก
ซึ่งรัฐมนตรีกระทรวงดิจิทัลฯ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตนได้ขอความร่วมมือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ช่วยกันเฝ้าระวัง และดำเนินการต่อข้อมูลและเว็บไซต์ไม่เหมาะสม รวมทั้งให้ความร่วมมือทำการลบ/ปิดกั้นข้อมูลและเนื้อหาบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต หรือสื่อสังคมออนไลน์ที่ผิดกฎหมาย ทั้งในส่วนของการละเมิด พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ และผิด พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ
คำถามที่น่าคิดก็คือ
1. หากเราต้องการๆเปลี่ยนแปลงที่พัฒนาและดียิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงนั้นควรเกิดมาจากความขัดแย้งเพื่อตกผลึกทางความคิดหรือการคิดแบบเดียวกันเท่านั้น?
2. การพยายามแบนสื่อหรือ Social Platform ในการแสดงความคิดเห็นในสิทธิเสรีภาพ จะนำมาซึ่งความเป็นเอกภาพและการเปลี่ยนแปลงที่ดีด้วยการมีความคิดเห็นแบบเดียวกันหรือไม่?
https://www.facebook.com/CSILA90210/photos/pcb.3393998600677841/3393998460677855
และการที่กระทรวงดิจิทัลฯกำลังพยายามปิดกั้น Social Platform ต่างๆที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของรัฐบาล นั่นก็แปลได้อย่างชัดเจนว่า รัฐบาลกำลังจะสร้าง"อคติจากการเลือกรับข้อมูล"เพื่อให้ Social Platform ที่เห็นด้วยกับรัฐบาลทำงานได้อย่างราบรื่นขึ้น ส่งผลให้ข้อมูลต่างๆล้วนสนับสนุนทุกๆการกระทำของรัฐบาล แม้ว่ามันจะเป็นการทุจริตคอรัปชั่นที่ไม่น่าให้อภัยได้ก็ตามที และสุดท้าย ประชาชนก็จะมองไม่เห็นความจริงในที่สุด
Rolf Dobelli ได้ยกตัวอย่างอย่างคำพูดของ วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังของโลกที่ได้พูดเกี่ยวกับความคิดของมนุษย์เอาไว้ว่า "สิ่งที่มนุษย์เราทำได้ดีที่สุดก็คือ การตีความข้อมูลใหม่ๆในแบบที่ข้อสรุปทั้งหลายในหัวเรายังคงเป็นจริงต่อไป"
การสร้างปรากฎการณ์ "พลังจูงใจที่หลับไหล"
https://thestandard.co/dds-prove-no-io-twitter/
Rolf Dobelli ได้อธิบายในหนังสือ 52 วิธีตัดสินใจไม่ให้พลาด เอาไว้ว่า "ปรากฎการณ์นี้คือคนเราจะลืมเลือนแหล่งที่มาของข้อมูลเร็วกว่าตัวเนื้อหา พูดง่ายๆว่าคนเราจะลืมไปอย่างรวดเร็วว่าข้อมูลนั้นมาจากไหน แต่จะจดจำเนื่อหาได้ยาวนานกว่า ด้วยเหตุนี้ ยิ่งนานวันข้อมูลที่เราได้รับมาจะยิ่งดูน่าเชื่อถือมากขึ้นเรื่อยๆแม้ว่าแหล่งที่มาจะไม่น่าเชื่อถือก็ตาม"
โดยส่วนใหญ่แล้วนั้น การที่จะสร้างปรากฎการณ์นี้ขึ้นมาได้มักจะอยู่ในรูปแบบของโฆษณาชวนเชื่อไม่ว่าจะเป็น ภาพยนต์และสื่อ Social ต่างๆเพื่อใช้ในการหาแนวร่วมให้ทุกคนมีความเชื่อเดียวกัน หรือที่เรียกว่า ปฏิบัติการ IO นั่นเอง
และหน่วยงานที่ได้ขึ้นชื่อว่าใช้ปฏิบัติการ IO จนตกเป็นข่าวฉาวมากที่สุดก็คือ กองทัพบกนั่นเอง....
และนี่ก็คือเหตุการณ์และหลักฐานที่กองทัพบกใช้ในการทำ IO ครับ
1. เมื่อ 11 ก.ย. 2563 พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เสนอความคิดยกระดับ ศูนย์ไซเบอร์กองทัพบก ขึ้นเป็น "เหล่าไซเบอร์" ให้กรมกำลังพล ทบ.ไปขอรายชื่อ โดยเฉพาะนักเรียนที่เป็นเยาวชนถ้าใครอยากรับราชการทหาร ต้องบรรจุ และต้องรับเขาเข้ารับราชการมาเป็นนักรบไซเบอร์ของกองทัพบก
2.ฝ่ายความปลอดภัยของทวิตเตอร์หรือ @TwitterSafety ตรวจสอบพบว่าบัญชีผู้ใช้งาน 926 บัญชี ที่เชื่อว่าเป็นเครือข่ายปฏิบัติการ "ไอโอ" ของ ทบ.
โดยได้ระบุในรายงานวันที่ 8 ต.ค. 2563 ว่า "การสอบสวนของเราพบเครือข่ายบัญชีผู้ใช้งานที่มีส่วนร่วมในปฏิบัติการด้านข่าวสารซึ่งเรามีข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่แสดงให้เห็นว่าปฏิบัติการนี้เชื่อมโยงกับกองทัพบกไทย" โดย Twitter ยังบอกอีกว่า "บัญชีผู้ใช้งานเหล่านี้เผยแพร่เนื้อหาที่มีลักษณะสนับสนุนกองทัพบกและรัฐบาลไทย และยังมีพฤติกรรมโจมตีนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่น"
3. วันที่ 9 ตุลาคม 2563 พล.ท. สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการทหารบก ในฐานะโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า "เราใช้เพื่อการประชาสัมพันธ์งานของกองทัพบก โดยเฉพาะงานที่สำคัญที่สุดก็คือการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่างๆ เราจะเห็นได้ว่าประเทศไทยตามภูมิภาคต่างๆ มีสถานการณ์ที่วิกฤต เช่น ภัยพิบัติ โดยกองทัพบกจะใช้สื่อโซเชียลมีเดียติดตามสถานการณ์และสั่งการหน่วยต่างๆ ให้ลงพื้นที่เร็วที่สุด"
https://www.facebook.com/CSILA90210/photos/pcb.3393998600677841/3393998500677851
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ก็มีหลักฐานยืนยันว่า กองทัพบกได้ทำ IO จริงๆ....
หลักฐานที่ 1
รูปภาพที่ 1 หน่วยงานที่ถูก IO
Tweet มากที่สุด 4 อันดับต้น คือ
@army หรือ กองทัพบกและ วาสนา นาน่วม
@WassanaNanuam ซึ่งมีจำนวนรวมกัน
มากกว่า1,500 ครั้ง
https://www.youtube.com/watch?v=c8DiSDPtkCM
รูปภาพที่ 2 ID ที่ถูกบัญชี IO พาดพิงถึงอันดับต้น
ก็ยังไปกองทัพบก สังเกตุได้ว่า
มีการพาดพิง พรรคอนา...ใหม่ คุณธนา...และคุณช..
https://www.youtube.com/watch?v=c8DiSDPtkCM
รูปภาพที่ 3 คือข้อความที่ถูกTweet มากที่สุด ซึ่งส่วนมากจะอวยกองทัพเป็นส่วนใหญ่
อยู่ใน Reference ที่ 8
รูปภาพที่ 4 บัญชีส่วนใหญ่ถูกสร้างมาช่วงธันวาคมและมกราคม 2019 ก่อนที่จะนำมา IO ในช่วง ต.ค. 2020 และโดน Twitter จับได้
https://www.facebook.com/CSILA90210/photos/pcb.3393998600677841/3393998490677852
หลักฐานที่ 2
รูปภาพที่ 1 Twitter ได้แสดงรหัส ID Account(ซ้ายสุด) โดยไม่แสดงชื่อออกมา ซึ่งพบได้ว่า ทุกๆ ID ล้วนมียอด Follow และยอด Follower ที่เท่ากันเป๊ะๆ(บริเวณพื้นที่สีเทา)
https://www.youtube.com/watch?v=c8DiSDPtkCM
รูปภาพที่ 2 Twitter ได้แสดงถึง ID Account วัน/เวลา/ปี2019 ที่สมัครในเวลาเดียวกัน
อยู่ใน Reference ที่ 8
หลักฐานที่ 3
มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้วิเคราะห์ข้อมูลบัญชีผู้ใช้งานและเนื้อหาที่ทวิตเตอร์ที่ระบุว่ามีความเชื่อมโยงกับปฏิบัติการด้านข่าวสารของ ทบ. แล้วพบข้อมูลที่น่าสนใจ เช่น
รูปภาพที่ 1 บัญชีผู้ใช้งานที่อยู่ในเครือข่ายปฏิบัติการไอโอที่พบครั้งนี้มีทั้งหมด 926 บัญชี ซึ่งใช้เผยแพร่เนื้อหาในเชิงโปรโมทรัฐบาลและกองทัพบกเอง
อยู่ใน Reference ที่ 8
รูปภาพที่ 2 เมื่อมีการอวยและชื่นชมกองทัพบกแล้วก็ยังมีควบคู่ไปกับการโจมตีพรรคการเมืองฝ่ายค้านด้วย โดยเฉพาะพรรคอนาคตใหม่ (ซึ่งถูกยุบไปแล้ว) และพรรคก้าวไกล
อยู่ใน Reference ที่ 8
Rolf Dobelli ยังได้เขียนทิ้งท้ายเอาไว้อีกว่า "พยายามจดจำแหล่งที่มาของข้อมูลทุกอย่างที่คุณพบเจอ เช่น ใครเป็นคนพูด และทำไมเขาถึงพูดเช่นนั้น จงทำตัวให้เหมือนกับพนักงานสอบสวน โดยตั้งคำถามว่าใครคือผู้ได้ประโยชน์ของสิ่งนั้น แม้การทำเช่นนี้จะต้องอาศัยความพยายามอย่างมากและทำใหคุณตัดสินใจได้ช้าลง แต่มันจะช่วยให้คุณคิดได้อย่างกระจ่างมากขึ้น"
โฆษณา