27 ต.ค. 2020 เวลา 22:00 • การศึกษา
พระโพธิสัตว์ ใช้ปัญญา ตัดสินคดีความอย่างไร ตอนเป็นพระราชาอายุ ๗ ขวบ ... ตอนที่ ๒.>>>>>.. ฝากกดติดตามด้วยครับ...>>>>>
จากตอนที่แล้ว นายคามณิจันท์ได้ตกเป็นจำเลย เนื่องจากถูกกล่าวหาว่าเป็นคนขโมยโค จึงต้องจำยอมไปกับเจ้าของโค เพื่อไปรับการพิจารณาตัดสินคดีความ และทั้งคู่จะต้องเดินทางเข้าไปในเมืองพาราณสี ซึ่งอยู่ห่างจากหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ประมาณ ๓ โยชน์ หรือราว ๔๘ กิโลเมตร
ในระหว่างทาง เขาได้แวะพักเหนื่อยที่บ้านของสหายเก่าคนหนึ่ง เพื่อขอข้าวกิน เพราะว่าเดินทางมาหลายชั่วโมงแล้วยังไม่ได้กินข้าวเลย ขณะนั้นที่บ้านของสหายไม่มีข้าวสุก ภรรยาของสหายจึงได้ไต่บันไดปีนขึ้นไปบนยุ้งฉาง เพื่อไปตักเอาข้าวมาหุงให้บริโภค
แต่เผอิญเธอพลาด พลัดตกลงมาจากยุ้งข้าว ทำให้ลูกในครรภ์ประมาณ ๗ เดือน ทะลักออกมา สามีของเธอจึงกล่าวโทษนายคามณิจันท์ว่า ไปตบตีภรรยาของตนจนแท้งลูก และกล่าวคำว่า "ขอราชทูตจงมีแก่ท่าน"
นายคามณิจันท์จึงต้องตกเป็นจำเลยของโจทก์รายที่สองทันที จากนั้นทั้งสามคน ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังเมืองพาราณสีต่อไป
ในระหว่างทางทั้งสามพบคนเลี้ยงม้า ซึ่งกำลังวิ่งไล่ม้าของตนอยู่ และม้าได้วิ่งผ่านมาทางคนทั้งสาม คนเลี้ยงม้าตะโกนให้นายคามณิจันท์ช่วยเอาอะไรปาม้าตัวนี้ เพื่อให้มันกลับมาเขารีบเอาก้อนหินปาใส่ม้า เผอิญไปถูกขาของม้าทำให้มันขาหัก คนเลี้ยงม้าก็เลยโทษเขาว่า เป็นคนทำร้ายม้าของตนจนขาหัก และกล่าวว่า "ขอราชทูตจงมีแก่ท่าน" นายคามณิจันท์จึงต้องตกเป็นจำเลยของโจทก์คนที่สามอีก
ครั้นเดินทางมาถึงเขาลูกหนึ่ง นายคามณิจันท์รู้สึกท้อใจ ลำบากใจ คิดว่าเราควรจะตายเสียดีกว่า จึงหาโอกาสที่จะกระโดดเขาตาย คิดดังนั้นแล้ว นายคามณิจันท์บอกกับโจทก์ผู้คุมทั้งสามคนว่า จะขอแวะไปถ่ายหนักที่พุ่มไม้ริมหน้าผา
จากนั้นได้แอบกระโดดลงมาจากหน้าผา หวังจะฆ่าตัวตาย แต่เผอิญยังมีบุญอยู่ ยังไม่ถึงฆาต เขาตกลงมาผ่านใบไม้กิ่งไม้และต้นไม้ แล้วร่วงลงมาทับคนที่อยู่ข้างล่าง ซึ่งเป็นช่างทำเสื่อลำแพน ผลปรากฏว่า ช่างทำเสื่อผู้เป็นบิดา โดนทับตาย แต่ตัวเขากลับไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่บอบช้ำเล็กน้อย
ลูกชายของช่างทำเสื่อจึงเอาเรื่องกับนายคามณิจันท์ กล่าวหาว่า นายคามณิจันท์มีเจตนาฆ่าบิดาของตน อีกทั้งกล่าวว่า "ขอราชทูตจงมีแก่ท่าน" นายคามณิจันท์จึงต้องตกเป็นจำเลยอีก รวมแล้วตอนนี้มีโจทก์ทั้งหมด ๔ คน
จากนั้นทั้งสี่พากันคุมตัวนายคามณิจันท์ มุ่งหน้าเดินทางต่อไปยังเมืองพาราณสี
เมื่อมาถึงหมู่บ้านตำบลหนึ่ง ผู้ใหญ่บ้านในตำบลนั้น พอรู้ว่า นายคามณิจันท์จะเข้าไปยังเมืองพาราณสี และรู้ถึงกิตติศัพท์ความมีปัญญาเฉลียวฉลาดของพระราชาโพธิสัตว์ จึงได้ฝากคำถามเขา ให้ไปทูลถามพระราชาด้วยว่า เหตุไรหมู่นี้ตนจึงซูบผอม และเสื่อมจากลาภสักการะ ไม่พรั่งพร้อมบริบูรณ์เหมือนแต่ก่อน และถ้าพระราชาตรัสตอบอย่างไร ขอให้กลับมาบอกด้วย เขารับคำของผู้ใหญ่บ้าน แล้วออกเดินทางต่อไป
เมื่อมาถึงหมู่บ้านอีกแห่งหนึ่ง หญิงงามเมืองก็ได้ฝากนายคามณิจันทร์ให้ช่วยทูลถามพระราชาด้วยว่า ทำไมเดี๋ยวนี้จึงไม่มีผู้ไปมาหาสู่เหมือนแต่ก่อน ทั้งที่เมื่อก่อนเคยได้ค่าจ้างมากมาย
ครั้นมาถึงอีกหมู่บ้านหนึ่ง มีหญิงสาวคนหนึ่งขอให้ช่วยทูลถามพระราชาด้วยว่า เหตุไรเธอจึงไม่อาจอยู่ในเรือนของสามี และเรือนของมารดาบิดาของเธอได้ ถ้าพระราชาตรัสตอบอย่างไร ขอให้นำมาบอกด้วย เขารับคำของหญิงสาว และออกเดินทางต่อไป
เมื่อเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยจนถึงเนินแห่งหนึ่ง นายคามณิจันทร์และผู้คุมทั้งสี่คนพากันหาที่นั่งพัก ได้ไปนั่งใกล้ ๆ จอมปลวกแห่งหนึ่งซึ่งมีงูอาศัยอยู่ งูตัวนั้นเห็นเขาแล้วก็พูดจาด้วยภาษามนุษย์ว่า "ขอท่านจงช่วยทูลถามพระราชาด้วยว่า.. เหตุไรทุกครั้งที่ข้าพเจ้าจะออกจากรู ออกจากจอมปลวกนี้ จึงออกได้ยาก รู้สึกคับเนื้อคับตัวไปหมด แต่พอออกไปหาเหยื่อ ได้กินอาหารจนร่างกายอ้วนพีแล้ว ตอนกลับเข้ามาในปล่อง แทนที่จะเข้าไม่สะดวก กลับเข้าได้อย่างง่ายดาย ไม่ติดขัดอะไร เป็นเรื่องที่น่าแปลก
เพราะฉะนั้นขอท่านได้ ช่วยถามพระราชาด้วย เมื่อพระองค์ตรัสชี้แจงอย่างไร ขอให้ท่านจงนำมาแจ้งข้าพเจ้าด้วย" เขารับคำเหมือนครั้งก่อน ๆ ครั้นพักหายเหนื่อยแล้ว ต่างพากันออกเดินทางต่อไป
ในระหว่างทาง ได้พบเหตุการณ์อีกมากมาย และยังมีเรื่องราวที่จะโยงไปถึงพระราชาพระโพธิสัตว์อีกหลายเรื่อง วันนี้คงกล่าวได้ไม่หมด คงต้องทยอยมาเล่าให้ฟัง เราจะได้เห็นถึงพระปัญญาอันลึกซึ้งของพระโพธิสัตว์ ที่สามารถตอบปัญหาทุกข้อได้อย่างแจ่มแจ้งยิ่งกว่าลืมตาเห็น
และที่น่าทึ่งคือ ท่านยังทรงพระเยาว์อยู่ ขึ้นครองราชย์ตอนอายุเพียง ๗ ชันษาเท่านั้น และท่านจะต้องตอบคำถามเหล่านี้ ซึ่งต้องติดตามกันในตอนต่อไป
คัดบางส่วนมาจากหนังสือธรรมะเพื่อประชาชน ฉบับมงคลชีวิต ๒
หน้า๓๖๕ -๓๗๒
อ้างอิง.......พระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฏฯ (ภาษาไทย)
คามณิจันทชาดก เล่ม ๕๘ หน้า ๕๑
โฆษณา