หลังจากเติมพลังงานด้วยอาหารเย็น ที่เจ้าของรีสอร์ทจัดเตรียมให้จนอิ่มหมีพีมันแล้ว
พวกเราจึงออกเดินสำรวจบ้านพักและบริเวณโดยรอบ… มันมีลักษณะเหมือน
บังกะโลชายหาดแบบโบราณทั่วไป คือยกพื้นสูงประมาณเมตรกว่าๆ ตัวเรือนทำด้วยไม้
มีหน้าต่างโดยรอบ ทำให้อากาศถ่ายเทได้เป็นอย่างดี ด้านหน้าเป็นท้องทะเลสีคราม
เข้ากับสีฟ้าอ่อนของตัวบ้าน ด้านหลังอิงแอบกับเนินเขาลูกเล็กๆ ที่มีบรรดาพืชพันธุ์ต่างๆ
ขึ้นเบียดเสียดกันอยู่มากมาย เสียงสรรพสัตว์ต่างๆ ร้องเบาๆ ดังออกมาจากป่าละเมาะนั้น
แต่เสียงหนึ่งที่ทำให้ผมขนลุกด้วยความกลัวปนขยะแขยงมากที่สุด
คือเสียงของตุ๊กแกที่ไต่ยั้วเยี้ยอยู่ตามผนังบ้าน
ระหว่างทาง พวกเราได้พบปะพูดคุยกับชาวบ้านที่มาทำงานที่รีสอร์ทแห่งนั้น ทุกคนต่างก็มี
อัธยาศัยอันดี ยกเว้นแต่พ่อแม่ลูกสามคนที่มองผมและซุบซิบกันด้วยท่าทีแปลกๆคืนนั้น… พวกเรานั่งเฮฮาตากลมริมชายหาด จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนเกือบเที่ยงคืน
จึงเดินกลับเข้าตัวบ้านเพื่อพักผ่อน ด้วยความที่สนิทกันมาก แต่ละคนจึงลากเอาที่นอน
หมอนมุ้งมานอนรวมกันที่ห้องใหญ่ห้องเดียว ต่างพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน…
สักพักใหญ่ๆ เสียงจ้อกแจ้กจึงค่อยๆลดระดับลงเป็นเสียงกระซิบ และเงียบไปในที่สุด
แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องเห็นเป็นเงาสลัวลาง เสียงเกลียวคลื่นกระทบฝั่งเบาๆ
ประกอบกับความเหนื่อยล้าจากการเดินทาง ทำให้ผมผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย