21 ต.ค. 2020 เวลา 04:39 • ข่าว
[ UPDATE ] Moderna บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ คาดว่า จะได้รับการอนุมัติให้ใช้วัคซีนเป็นกรณีฉุกเฉิน ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ / จีนมีความสามารถในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 610 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้ / ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งขึ้นทะลุกว่า 41 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 1.12 ล้านราย
Illustration: Sarah Grillo/Axios
1. เมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) ดัชนี Dow Jones ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดที่ 28,308.79 จุด ปรับตัวบวกขึ้น 113.37 จุด หรือ +0.40% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดตลาดที่ 3,443.12 จุด ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.20 จุด หรือ +0.47% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,516.49 จุด เพิ่มขึ้น 37.61 จุด หรือ +0.33%
โดยตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้รับแรงหนุนจากความหวังที่พรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ รอบใหม่ เพื่อเยียวยาภาคธุรกิจและประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยทาง แนนซี เพโลซี ระบุว่า การที่จะให้สภาคองเกรสออกกฎหมายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ให้เสร็จทันก่อนเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย. สมาชิกสภาคองเกรสจะต้องบรรลุข้อตกลง และเขียนร่างกฎหมายภายในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่บริษัท Moderna เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐฯ อาจอนุญาตให้มีการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทเป็นกรณีฉุกเฉินในเดือน ธ.ค.นี้ หากผลการทดลองทางคลินิกเป็นที่น่าพอใจ ในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวได้ช่วยหนุนให้ราคาหุ้น Moderna ปิดตลาดบวกขึ้นกว่า 0.49%
ขณะเดียวกัน หุ้นสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มอุตสาหกรรมก็ดีดตัวขึ้นขานรับความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหุ้น Coca-Cola ปรับตัวพุ่งขึ้น 1.29% หุ้น Pepsi Co บวกขึ้นกว่า 0.21% ส่วนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมอย่างเช่น GE และ 3M ก็ปรับตัวขึ้นแรงเช่นกัน
ล่าสุด เมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้เปิดเผยรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลายตัว พบว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านในเดือนก.ย. ที่ผ่านมา ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9% สู่ระดับ 1.415 ล้านยูนิต แต่ต่ำกว่าตัวเลขที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.457 ล้านยูนิต แต่ก็เพิ่มขึ้นจากระดับ 1.388 ล้านยูนิต ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆ ที่จะมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED), ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน (Initial Jobless Claims) รายสัปดาห์, ยอดขายบ้านมือสองในเดือน ก.ย., ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.ย.จาก Conference Board, PMI ภาคการผลิตขั้นต้นเดือน ต.ค.จาก และดัชนี PMI ภาคบริการขั้นต้นเดือน ต.ค.
Source: investing.com
2. แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า พรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวใกล้จะบรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ก่อนที่ตนจะสนทนาทางโทรศัพท์กับ สตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐฯ ในวันนี้ แต่เธอไม่ได้ให้ความสำคัญต่อกำหนดเส้นตายที่มีการประกาศไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อให้มีการบรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ภายในวันนี้ โดยเพโลซีได้ส่งสัญญาณว่าจะดำเนินการเจรจาต่อไป และการที่จะให้ออกกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เสร็จทันก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดี วันที่ 3 พ.ย. นี้ สมาชิกสภาคองเกรสจะต้องบรรลุข้อตกลง และมีการเขียนร่างกฎหมายภายในสัปดาห์นี้
ก่อนหน้านี้ นางเพโลซีได้กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ใน 48 ชั่วโมง ซึ่งจะสิ้นสุดลงในวันนี้ เพื่อให้มีเวลาเตรียมการสำหรับการผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ซึ่งเหลือเวลาเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น
ล่าสุด ทางทำเนียบขาวได้เสนอเพิ่มวงเงินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ สู่ระดับ 1.9 ล้านล้านเหรียญฯ จากเดิมอยู่ที่ระดับ 1.8 ล้านล้านเหรียญฯ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ต่ำกว่าที่พรรคเดโมแครตเสนอไปที่ระดับ 2.2 ล้านล้านเหรียญฯ
3. กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศขึ้นบัญชีดำชายชาวจีน 2 คน และบริษัทจีน 6 แห่ง ที่ทำธุรกิจร่วมกับบริษัท Islamic Republic of Iran Shipping Lines (IRISL) บริษัทด้านดารขนส่งสินค้าของอิหร่าน โดยทางสหรัฐฯ อ้างว่า ชาวจีนและบริษัทจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำนี้มีส่วนในการช่วยบริษัท IRISL ละเมิดมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ
โดยรายชื่อบุคคลที่ถูกขึ้นบัญชีดำ คือ เอริก เฉิน หรือเฉินเกาผิง ประธานเจ้าหน้าที่บริษัท Reach Holding Group (Shanghai) Company และ แดเนียล วาย. เหอ หรือเหอ ยี่ ประธานบริษัท ส่วนบริษัทจีน 6 แห่ง ประกอบด้วย Reach Holding Group (Shanghai) Company, Reach Shipping Lines, Delight Shipping, Gracious Shipping, Noble Shipping และ Supreme Shipping โดยบริษัทเหล่านี้ได้จัดหาสินค้าหรือบริการที่เชื่อมโยงกับภาคการขนส่งของอิหร่าน และช่วยละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ อีกด้วย
ทั้งนี้ รายชื่อผู้ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ (Specially Designated Nationals) ของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ระบุว่า ทรัพย์สินของบริษัทและบุคคลที่อยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลสหรัฐฯ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ทำธุรกิจกับอิหร่าน ซึ่งการใช้มาตรการคว่ำบาตรล่าสุดนี้ เป็นผลจากการที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ตัดสินใจนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน ระหว่างอิหร่านกับ 6 ชาติมหาอำนาจ ในเดือน พ.ค. 2018 ที่ผ่านมา
4. เมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดบวกเพิ่มขึ้น 63 เซนต์ หรือ 1.5% ปิดที่ 41.46 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ปรับตัวเพิ่มขึ้น 54 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 43.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ จะปรับตัวลดลงติดต่อกัน 2 สัปดาห์ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) จะเปิดเผยรายงานสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ในวันนี้ ขณะที่ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า สต็อกน้ำมันดิบจะลดลง 1.9 ล้านบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันอย่างหนัก โดยทางด้านนายแพทย์สก็อตต์ ก็อตต์ลิเอ็บ อดีตประธานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เตือนว่า สหรัฐฯ จะเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างหนัก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลวันหยุด เนื่องจากผู้คนมารวมตัวกันและคนส่วนใหญ่มักจะขาดความระมัดระวังในการป้องกันการติดเชื้อ
5. เมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) ราคาทองคำตลาด COMEX ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.7 ดอลลาร์ หรือ 0.19% ปิดที่ 1,915.4 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนโลหะเงินปรับตัวเพิ่มขึ้น 28.2 เซนต์ หรือ 1.14% ปิดที่ 24.98 ดอลลาร์ต่อออนซ์
นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับปัจจัยบวกหลังจากที่ แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กล่าวว่า พรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่อีกด้วย
6. ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ ปิดตลาดปรับตัวลง เมื่อคืนนี้ (20 ต.ค.) โดยดัชนี Stoxx Europe 600 ปรับตัวลดลง 0.35% ปิดตลาดที่ 365.51 จุด ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 4,929.28 จุด ปรับตัวลดลง 13.34 จุด หรือ -0.27%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ปิดที่ 12,736.95 จุด ปรับตัวลดลง 117.71 จุด หรือ -0.92% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,889.22 จุด เพิ่มขึ้น 4.57 จุด หรือ +0.08% หลังนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างมาก
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังเผชิญอรงกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit โดยเฉพาะความกังวลเกี่ยวกับการที่อังกฤษจะออกจากสหภาพยุโรปแบบไร้ข้อตกลง (no-deal Brexit) เนื่องจากในตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่สามารถตกลงกันได้
Source: investing.com
7. เมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ ได้ยกเลิกแผนร่วมรณรงค์หาเสียงช่วยประธานาธิบดีทรัมป์ หลังจากมีอาการไอ จากที่ป่วยเป็นโรคโควิด-19 เมื่อช่วงต้นเดือนต.ค. ที่ผ่านมา ที่ยังไม่หายดี แต่อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ
8. Moderna บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ คาดการณ์ว่า สหรัฐฯ จะอนุมัติให้มีการใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ของเป็นกรณีฉุกเฉิน ในช่วงเดือน ธ.ค.นี้ หากมีผลการทดลองทางคลินิกของวัคซีนดังกล่าวเป็นที่น่าพอใจในเดือน พ.ย.นี้ แต่อาจจะต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะฉะนั้นการที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะอนุญาตให้ใช้วัคซีนต้านโควิด-19 โดยทั่วไปอย่างเป็นทางการอาจจะต้องรอไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า
ก่อนหน้านี้ Moderna เผยว่าจะทราบผลการทดลองทางคลินิกด้านความปลอดภัยที่เพียงพอของวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทได้อย่างเร็วที่สุด ในวันที่ 25 พ.ย.นี้ และจะไม่มีการจัดจำหน่ายวัคซีนดังกล่าวก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย. เพื่อที่จะสามารถยื่นขออนุมัติใช้วัคซีนต้านโควิด-19 กรณีฉุกเฉินจากทางสำนักงานงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ
ทั้งนี้ Moderna กำลังอยู่ในระหว่างการทดลองทางคลินิกในเฟสที่ 3 ในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นระยะที่วัคซีนทดลองหรือยาหลอกถูกสุ่มฉีดให้กับอาสาสมัครจำนวนหลายหมื่นคน เพื่อตรวจสอบถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน
9. เจ้าหน้าที่จากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) เผยว่า จีนมีความสามารถในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 จำนวน 610 ล้านโดส ภายในสิ้นปีนี้ พร้อมทั้งเตรียมขยายกำลังการผลิตวัคซีนในปีหน้า เพื่อรองรับความต้องการทั้งภายในและภายนอกประเทศ
ทั้งนี้ จีนระบุว่า วัคซีนต้านโควิด-19 นั้นเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับสาธารณะ จึงมีการกำหนดราคาตามต้นทุน มากกว่าตามปัจจัยด้านอุปสงค์-อุปทาน ซึ่งเป็นที่ยอมรับได้ของสาธารณชน และคนที่อยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงจะได้รับวัคซีนดังกล่าวเป็นกลุ่มแรกๆ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีน เผยว่า อาสาสมัครทดลองวัคซีนจำนวนกว่า 6 หมื่นรายในประเทศต่างๆ ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 ของจีน จำนวน 4 ตัว ในการทดลองทางคลินิคเฟสที่ 3 ซึ่งผลการทดลองเป็นไปด้วยดี ไม่มีผลข้างเคียง และมีความปลอดภัย แม้อาสาสมัครบางรายจะมีอาการเจ็บและบวมในบริเวณที่ฉีดวัคซีน และมีอาการเป็นไข้ แต่ก็ไม่รุนแรงมากนัก
10. บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เผยว่า อังกฤษจะไม่มีการเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) อีกต่อไป หาก EU ไม่ยอมเปลี่ยนท่าทีในการเจรจา และยังกล่าวว่า EU เป็นฝ่ายยุติการเจรจา โดยเขาจะปล่อยให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit)แบบออสเตรเลีย
ทั้งนี้ ตัวแทนการเจรจาฝ่าย EU เผยว่า EU ต้องการพักการเจรจาในขณะนี้ และจะมีการเจรจาขึ้นอีกในช่วงหลายสัปดาห์ข้างหน้า และเชื่อว่าจะยังมีเวลาพอที่จะแก้ไขความขัดแย้งเกี่ยวกับข้อตกลงระหว่างทั้งสองฝ่าย โดยทางด้านตัวแทนการเจรจาฝ่ายอังกฤษ เผยว่า เขารู้สึกประหลาดใจที่ EU มองว่าการที่จะบรรลุข้อตกลงนั้นจะขึ้นอยู่กับการดำเนินการของทางอังกฤษ
11. เมื่อวันอังคาร (20 ต.ค.) กระทรวงสาธารณสุขอิหร่าน เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 5,000 ราย ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในประเทศ ส่งผลให้อิหร่านมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่กว่า 5.39 แสนราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 322 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตรวมทั้งหมดอยู่ที่กว่า 3.1 หมื่นราย แต่มีการคาดการณ์ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตในอิหร่านที่แท้จริงอาจมีจำนวนสูงกว่ายอดที่รายงานเกือบ 3 เท่า ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อรวมที่แท้จริงอาจมีจำนวนสูงกว่าตัวเลขที่รายงานอย่างเป็นทางการเกือบ 2 เท่า
12. สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ล่าสุด (21 ต.ค.) ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกพุ่งขึ้นทะลุกว่า 41 ล้านราย และมียอดผู้เสียชีวิตกว่า 1.12 ล้านราย โดยตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน ยังคงมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเกือบ 4 แสนรายต่อวัน โดยสหรัฐฯ มียอดผู้ป่วยและยอดผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุกว่า 8.52 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตกว่า 2.26 แสนราย ตามมาด้วยอินเดียที่มียอดผู้ติดเชื้อสะสมมากเป็นอันดับ 2 ของโลกกว่า 7.65 ล้านราย และเสียชีวิตกว่า 1.15 แสนราย ขณะที่ ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทยอยู่ 3,709ราย และมียอดผู้เสียชีวิตรวม 59 ราย โดยเมื่อวานนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 9 ราย
Source: https://www.worldometers.info/coronavirus/
📲 เปิดพอร์ตหุ้นไทย/ต่างประเทศ, ออมหุ้น (DCA), กองทุน หรือ TFEX คลิกที่ "Contact Us" ด้านล่างนี้ครับ 👇👇👇
#คลินิกการลงทุน
โฆษณา