22 ต.ค. 2020 เวลา 16:07 • ท่องเที่ยว
ยินดีต้อนรับผู้อ่านทุกท่านสู่ "โพสต์แรก" ของ Holy Birder คร้าบบบบ
เชื่อไหมครับว่า นกสีสันจี๊ดจ๊าดสวยงามเหล่านี้ สามารถเจอได้ในกรุงเทพฯ แม้กระทั่งใจกลางเมืองอย่างในจุฬา!
(นกในรูปคือ นกขมิ้นท้ายทอยดำ)
สมัยเด็กๆผมเคยคิดว่าในประเทศไทยมีแค่นกกระจอกกับนกพิราบ ส่วนนกสวยๆอย่างพวกนกแก้วก็มีแต่ในต่างประเทศเท่านั้นแหละ จนกระทั่งผมได้ไปดูนกเท่านั้นแหละครับ เปิดโลกสุดๆ นกในประเทศไทยมีประมาณ 1070 กว่าชนิด และนกสวยๆในกรุงเทพก็มีเพียบ
ผมเรียนอยู่สาธิตปทุมวันครับ เป็นโรงเรียนที่คับแคบสุดๆ นักเรียนแทบจะเดินเบียดกันเลยทีเดียว และด้วยความขัดสนในพื้นที่ โรงเรียนจึงปลูกต้นไม้น้อยจนแทบนับต้นได้ สนามหญ้ายังไม่มีของตัวเองเลยครับ ต้องไปใช้ของโรงเรียนเตรียมอุดมข้างๆ แต่ก็โชคดีที่มีต้นโพธิ์ปลูกอยู่หน้าสนามเข้าแถว ตอนเช้าๆมักมีนกเอี้ยงด่าง ตีทอง และขมิ้นท้ายทอยดำ(ตัวในรูปข้างบน)บินผ่าน ซึ่งก็ถือว่าเป็นบุญตาแล้วสำหรับผม
ํี่แม้ต้นไม้ในโรงเรียนจะน้อย นกก็ไม่ค่อยมี แต่การที่อยู่ติดกับจุฬาฯเป็นข้อดีอย่างมาก จุฬาเป็นเสมือนพื้นที่สีเขียวขนาดยักษ์ แหล่งพักพิงของนกอพยพทั้งหลาย และมักมีนักดูนกพบเจอนกหายากในจุฬาอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อมีคนเจอนกหายาก จะเกิดปรากฏการณ์หนึ่งขึ้น เรียกว่าการ "twitch" ซึ่งมันก็คือการที่นักดูนกจะมุ่งหน้าออกไปตามหานกตัวนึงโดยเฉพาะ การทวิชนี้ต้องกระทำอย่างเร่งด่วน เพราะนกอพยพบางตัวจะไม่อาศัยอยู่บริเวณเดิมนานๆ และก่อนที่นกเทพเหล่านั้นจะโบยบินบ๊ายบายจากไป ชาวส่องนกก็จะวางมือจากงานทุกอย่างที่ทำ โดดงานก็ไหว โดดเรียนก็ยอม เพื่อไปตามล่านกหายาก ขอเพียงแค่มีรายงานการพบเจอนกแรร์ก็เพียงพอ
ในวงการแห่งการดูนก โลกนั้นช่างโหดร้าย โชคชะตาเป็นสิ่งที่มีจริงร้อยเปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ใครอยากเริ่มดูนกแล้วรู้ตัวว่าบาปหนาแบบผม แนะนำว่าควรไปทำบุญด่วนนะครับ:)
โม้มานาน ตามที่เกริ่นไป ปีที่แล้ว 2019 หลังสอบปลายภาคเทอม1เสร็จ ผมก็รีบแจ้นไปจุฬา เผื่อจะเจอนกหายากกับเขาบ้าง และเมื่อถึง "ธรรมสถานจุฬา" ก็ได้เจอพี่นักดูนกที่รู้จัก พี่เค้าโชว์รูปนกแซวสวรรค์หัวดำให้ดู ผมได้แต่จ้องตาวาว เพราะผมไม่เคยเจอมาก่อนเลย จึงคิดจะไปเดินหานกใหม่ตัวนี้สักหน่อย แต่ผมก็ฝันหวานได้ไม่นาน เมื่อฝนเจ้ากรรมดันเทลงมาไม่ขาดสาย ตอนนี้ขอแค่กล้องไม่เปียกก็พอใจแล้ว เรื่องนกค่อยว่ากัน
ผมอยากเจอนกตัวนั้นมาก ถึงขนาดกางร่มแบกกล้องออกไปกลางสายฝน เดินกลับไปที่ธรรมสถาน ซึ่งครั้งล่าสุดผมมาที่นี่ เจอแต่นกกาเหว่า น่าเศร้าจริงๆ TT
(นกกาเหว่าตัวเมีย อยู่้ท่ามกลางต้นไทรสุก)
บางครั้งที่มาธรรมสถาน ผมก็เจอนกอพยพมากมาย แต่ครั้งนี้ มีทั้งฝนกระหน่ำลงมา ฟ้าก็มืดครึ้ม ถึงแม้จะมีนก แต่ผมก็คงมองไม่เห็น ความหวังเริ่มหดหายไปเรื่อยๆ พร้อมกับยามค่ำที่คืบคลานเข้ามา แต่ผมก็พยายามไม่คิดถึงคำว่า"แห้ว"
แต่ท่ามกลางฝนพรำนั้นเอง ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงนกร้องแหลมขึ้นมา มันโวยวายดังใช้ได้ จนผมต้องแหงนคอตั้งบ่าขึ้นไปมอง เอากล้องถ่ายมาได้สองสามแชะ แล้วดูรูป
"นกกระจิ๊ด" หนึ่งในกลุ่มของนกที่แยกชนิดยากที่สุด ผมได้แต่หวังว่ามันจะไม่ใช่นกที่เคยเจอ จะได้เป็นนกใหม่ แล้วเมื่อผมกลับบ้านและเอารูปไปถามผู้รู้ แต่มันก็เป็นเพียงกระจิ๊ดขั้วโลกเหนือ/คัมชัตกา(ต้องแยกด้วยเสียงร้อง)
วันต่อมา ผมไปดูนกที่ธรรมสถานอีก คราวนี้ฝนตกเหมือนเคย แต่ตกปรอยๆ ตกๆหยุดๆ ทำให้ได้ดูนกมากขึ้น มีนกกระจิ๊ดออกมาเพียบเลย ผมไล่ตามถ่ายนกจิ๋วๆเหล่านี้อย่างสนุกสนาน
แต่ก็มีแต่กระจิ๊ดธรรมดา ผมพยายามถ่ายกระจิ๊ดทุกตัวที่เห็น เรียกว่าถ่ายจนมึนหัวไปข้างนึงเลยก็ว่าได้ แต่ก็ยังเจอแต่ "กระ จิ๊ด ขั้ว โลก เหนือ" (หรือ คัมชัตกา นั่นแหละ)
กว่าจะได้รูปชัดๆสักรูป ยากกว่าที่คิดเยอะเลยนะครับ เพราะพวกมันไวมาก และการใช้กล้องและเลนส์ที่หนักเป็นเกือบสองกิโลฯมาถ่ายนกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย บางทีผมก็นึกถึงเพลงเพลงนึง
"ฉันมาทำอะไร... ที่นี่" (แหม่ โอเว่อร์เชียว)
ถ้าถ่ายช้า หรือปรับค่ากล้องไม่ดีิ ก็จะได้รูปแบบนี้ครับ งามมมไส้
(รูปติดวิญญาณของนกกระจิ๊ดตัวหนึ่ง)
รูปนี้เบลอทั้งนกทั้งกิ่งไม้ ปัดโถ่
แม้นกพวกนี้จะสีไม่สวย แต่มันมีญาติที่หน้าตาคล้ายๆกันเยอะมากๆ จนทำให้การพบเจอแต่ละครั้งนั้นน่าตื่นเต้น เพราะเราไม่รู้ว่านกกระติ๊ดตัวนี้ที่เราเจออยู่นี้ จะหายากรึเปล่า แต่ไม่ว่าจะหายากหรือหาง่าย ยังไงผมว่าพวกมันก็ดูมีชีวิตชีวาดีิ มีพฤติกรรมน่าสนใจมากมาย
พักสายตาจากกระจิ๊ดกันบ้าง
นกกระจอกบ้าน เป็นนกน่ารักๆที่ถ้าดูดีๆ หน้าตาก็ไม่บ้านๆเลย
วันนี้ผมเจอนกกระจิ๊ดหัวมงกุฎแล้วครับ เป็นนกใหม่ของผม เยสสส
ดูเหมือนว่าแถวนี้จะมีหลายตัว จุดแยกง่ายๆนอกจากหัวลายมงกุฎของตัวนี้ก็คือตูดของมันครับ ลองมองดูดีๆ
อ๊ะๆ ไม่ได้ทะลึ่งนะครับ ตูดมันจะเหลืองนิดๆ แต่ยังไงถ้าให้แยกเอง ผมก็ไม่กล้าฟันธง ต้องถามผู้รู้ครับเรื่องกระจิ๊ดพวกนี้
วันนี้ไม่ได้นกใหม่ แต่ก็สนุกดีครับ นกกระจิ๊ดออกมาหลายตัว ครึกครึ้นพอใช้ได้
(นกกระจิ๊ดขั้วโลกเหนือ/คัมชัตกา)
วันหลังคงต้องอัดเสียงร้องมันไว้ เผื่อเอามาแยกได้สักที เดาได้เลยว่า ถึงตอนนั้นมันจะเล่นตัว และไม่ร้อง
จับแมลงสีน้ำตาล ภายใต้ร่มโพธิ์ต้นใหญ่
ยังไม่ทันไร จุฬายังมีเรื่องมาเซอร์ไพรส์ผมอีก ไม่กี่วันถัดมา ก็มีรายงานของจับแมลงอกสีฟ้ามาที่ธรรมสถานอีก ผมไม่รอช้า ตามไปหานกใหม่ตัวนี้ในวันรุ่งขึ้น พกความหวังไปเต็มเปี่ยม
เมื่อไปถึง ผมก็ใช้เวลาเดินหานกอยู่นาน คราวนี้เดินหารอบๆเรือนจุฬานฤมิต ยังไม่ทันไรผมก็เห็นจับแมลงตัวนึงบินพั่บๆมาเกาะกิ่งโพธิ์เตี้ยๆตรงหน้า ผมยกกล้องขึ้นรัวชัตเตอร์ดัง "ถัดๆๆ" ทำไมภารกิจเสร็จเร็วดีจัง มาถึงปุ๊บก็เจอปั๊บเลยหรอเนี่ย
หลายคนอาจจะงง เอ๊ะ นี่มันจับแมลงอกสีฟ้าหรอ ทำไมอกไม่ฟ้า
นั่นสิครับ ตอนที่ผมกดถ่ายอยู่ มองผ่านช่องมองภาพผมก็เอะใจเหมือนกัน เอ๊ ทำไมมันปากแปลกๆคุ้นๆ ตัวเล็กๆ ยังไงพิกล อ้อ ผิดตัวแล้วจ้าา ตัวนี้คือจับแมลงสีน้ำตาลเจ้าเก่านั่นเอง
ไม่รู้ตอนแรกผมมองผิดไปได้ยังไง สงสัยมันจะมืดๆ ประกอบกับความอยากเจอนก ซัดไปซะหมดแม็กเลยเรา
จับแมลงสีน้ำตาลตัวนี้ยังวนเวียนอยู่ที่เดิมอีกนาน แก้เบื่อไปได้พลางๆ ฉากหลังสีแดงในภาพคือหลังคาเรือนที่เป็นกระเบื้องสีแดง
แต่ผมก็ไม่ต้องรอนาน เมื่ออยู่ดีๆก็มีนกตัวดำๆบินมาเกาะแหมะ! อยู่บนกิ่งไม้ตรงหน้า คราวนี้ผมมั่นใจว่าไม่ได้มองผิดอย่างแน่นอน
ในที่สุดก็ได้เจอแล้วววว จับแมลงอกสีฟ้าาาา!!! ผมอยากจะร้องออกมาดังๆ มองผ่านช่องมองภาพในกล้อง มือกดชัคเตอร์กล้องรัวๆ นกก็นิ่งยังกะรูปปั้น ไม่ยักขยับไปไหน
นกจับแมลงสีฟ้าเกาะจุ้มปุ๊กอยู่เงียบๆ แต่มันดันไปเลือกเกาะในที่มืดในร่มไม้ มองด้วยตาเปล่าเห็นแค่รูปทรง พอถ่ายออกมาตัวดำปี๋ จริงๆตัวมันมีสีฟ้า, ขาว แล้วก็มีแต้มส้มเล็กๆที่อกที่มีสีฟ้าด้วย
แต่ด้วยสภาพแสงที่สุดแสนจะมืด และการผมไม่ได้คาดคิด จึงไม่ได้ปรับค่ากล้องรอไว้ ภาพที่ออกมาจึงเป็นแบบนี้
นี่ขนาดปรับแต่งแสงในรูปแล้วนะะะ
พอผมรู้ตัวว่าถ่ายมืดไป ก็พยายามแก้ตัว แต่เหมือนนกมันรู้ทัน รีบบินไปหลบในพุ่มไม้สูง มันเหมือนจะเลือกเกาะแต่ในที่มืด
มันบินเร็วมากจนผมมองไม่ทันว่ามันไปเกาะที่ไหน อยู่ดีๆก็เปรียวขึ้นมาซะอย่างนั้น ผมเลยต้องตั้งต้นมองหาใหม่
นั่นไง มันเกาะอยู่ตรงนั้นนน!!!
คราวนี้มันเกาะตรงช่องที่แสงส่องลอดมาพอดี ทำให้พอเห็นรายละเอียดได้บ้าง หลังจากนั้นมันก็จากไป
ผมเดินดูนกแถวนั้นต่อ รู้สึกดีใจจนอยากจะเต้นไปรอบๆ กำลังเดินถ่ายเจ้าจับแมลงสีน้ำตาลอยู่ดีๆ...
... ก็สะดุดตากับสีเหลืองแปร๊ดของอะไรบางอย่าง
ผมหันขวับไปมอง แล้วก็พบเห็นนกขมิ้นท้ายทอยดำสองตัวเกาะกิ่งต้นดอกลีลาวดีอยู่ มันร้องเสียงแหบๆ แต่สีกับเสียงร้องช่างต่างกันมากเสียจริง
นกขมิ้นท้ายทอยดำเป็นนกที่ผมประทับใจมากที่สุดชนิดหนึ่ง ตอนเริ่มดูนกใหม่ๆ ผมปั่นจักรยานอยู่ในหมู่บ้านที่ระยอง หาจุดดูนกใหม่ๆในหมู่บ้าน แล้วก็มองออกไปเห็นขมิ้นท้ายทอยดำเกาะเหลืองเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดไผ่ สวยสุดๆ สีทองอร่ามเลย ผมเที่ยวตามหานกตัวนี้ในหมู่บ้านอีกหลายครั้ง จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เจอที่ไรก็ต้องหันไปมอง รู้สึกเหมือนเจอเพื่อนเก่า แม้ว่าจะไม่ใช่นกหายากอะไรก็ตาม
กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน
นกขมิ้นท้ายทอยดำมันเห็นผมเดินแบกกล้องอันบักเอ้ก เดินโท่งๆเข้ามา มันเลยพากันบินไปหลบหลังต้นไม้ ห่างออกไปเรื่อยๆ ส่วนผมก็พยายามเดินหลบหลังต้นไม้ ใช้ต้นไม้กำบังตัวเพื่อเข้าประชิดโดยไม่ให้มันเห็น
(จากรูปข้างบนนี้ เห็นได้ชัดเลยว่าท้ายทอยมันดำสมชื่อ)
"เคียงคู่"
มาถึงรูปที่เป็นไฮไลต์ของวันนี้ ผมเดินตามไปทันจังหวะเด็ดพอดี ตัวผู้วัยรุ่นทางซ้าย กำลังจีบตัวเมียเต็มวัยทางขวา มีผมแอบถ้ำมองอยู่หลังเสา
(ประโยคสุดท้ายนี่ฟังดูแปลกๆแฮะ)
ผมต้องกล่าวลานกทั้งสอง ปล่อยให้พวกมันสวีทหวานแหววกันต่อไปตามลำพัง เพราะพ่อขับรถมารอแล้ว ผมรีบวิ่งไปหาพ่อเพื่อแจ้งข่าวดีหลายเรื่องของวันนี้(หน้าบานอย่างเห็นได้ชัด)
ขอให้ผู้อ่านทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้ สมหวังในความรักเหมือนนกขมิ้นท้ายทอยดำทั้งสองตัวตะกี้นะครับ (จริงๆก็ไม่รู้ว่ามันจะสมหวังมั้ย มันบินไล่กันซะมันส์เลย ร้องเสียงดังอีกต่างหาก ร้องดัง แกร่กกกกกๆ)
เห็นอย่างนี้เเล้ว สำหรับใครที่ไม่เคยดูนก หากได้ไปสวนสาธารณะ, มหา'ลัย, สวนหลังบ้าน หรือแม้กระทั่ง มองออกไปนอกหน้าต่าง ลองมองดูอย่างตั้งใจ อาจจะเห็นนกนานาชนิด แม้นกกระจอกบ้าน หรือนกพิราบ ก็ล้วนมีความสวยงามเล็กๆน้อยๆครับ
ขอลาไปด้วยภาพนกขมิ้นโบกมือ ถ้าชอบฝากกดแชร์โพสต์นี้ และกดติดตามด้วยนะครับ ไว้เจอกันในโพสต์หน้าครับ^_^
โฆษณา