24 ต.ค. 2020 เวลา 12:00 • นิยาย เรื่องสั้น
[ เรื่องเล่าชมรมศิลป์ SPECIAL ]
Ep.3 : House of Stairs Part II
– As above, So below
 
ความเดิมตอนที่แล้ว : ตั้งแต่ที่ผมกับซายน์ก้าวเท้าเข้ามาในสิ่งก่อสร้างแปลก ๆ แห่งนี้ ดูเหมือนเหตุการณ์เหนือจริงจะประเดประดังเข้ามาไม่หยุด โชคดีที่เราผ่านปริศนาแรกมาได้ แต่ทางที่ต้องไปต่อข้างหน้าก็ทำเอาผมหวั่นใจไม่น้อย ในความมืดนั้นจะมีอะไรซ่อนอยู่มั้ยนะ?
1
“Tis true without lying,
certain and most true.
That which is below
is like that which is above
and that which is above
is like that which is below
to do the miracle of one only thing...”
 
เสียงประสานนับร้อยที่ดังขึ้นแผ่ว ๆ รอบตัวในอุโมงค์มืด ชวนให้เลือดในกายรู้สึกเย็นเฉียบ หากมีสิ่งหนึ่งที่ผมได้เรียนรู้จากการเดินทางในโลกแปลก ๆ นี้คือ เลิกสงสัยกับความเป็นไปได้ แต่อย่าหยุดที่จะมองหาคำตอบ และคำตอบในตอนนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเสียงสะท้อนที่ชวนขนลุกนี้ก็เป็นได้
 
“เอ๊ะ จะว่าไปเสียงประสานพวกนี้เหมือนจะบอกอะไรบางอย่างนะ อาร์ตลองฟังดูสิ”
 
คำพูดของซายน์บ่งบอกว่าเธอคงคิดเช่นเดียวกับผม แต่แปลกนะ…ประโยคเหล่านี้ รู้สึกเหมือนเคยได้ยินมาก่อนจากที่ไหนสักที่…หรือว่าจะเป็นสิ่งนั้น
 
“As Above, So Below” ผมพึมพำกับตัวเอง “สิ่งที่อยู่เบื้องล่างย่อมเหมือนสิ่งที่อยู่เบื้องบน และสิ่งที่อยู่เบื้องบนย่อมเหมือนสิ่งที่อยู่เบื้องล่าง”
 
“หะ?”  
 
เสียงอุทานของซายน์ดังขึ้นและก้องไปทั่วในพื้นที่แคบ ๆ นี้  
 
แสงที่เหลือเพียงน้อยนิดจากด้านบนทำให้มองเห็นทางเดินขั้นบันไดหินเป็นเงาสลัว ๆ รอบตัวคือผนังก่ออิฐบล็อกที่ให้สัมผัสเย็นยะเยียบจับใจ
4
“ซายน์เชื่อเรื่องเวทมนตร์ไหม” 
 
ผมเอ่ยขึ้นเบา ๆ เพื่อเลี่ยงเสียงสะท้อนที่ชวนให้รู้สึกวังเวงยิ่งกว่าเดิม อย่างน้อยการพูดคุยกันในความมืดน่าจะช่วยบรรเทาความตึงเครียดไปได้บ้าง
แม้จะไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของเพื่อนร่วมทางแต่ก็พอจะเดาได้ว่าเธอกำลังกรอกตาอยู่ แน่ละ…ตั้งแต่เราเจอกับนกซีเมิร์ก หลุดเข้ามาในภาพ ตอบคำถามชายสองหัว สิ่งเหล่านี้คงเกินคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์ไปไกลโข
 
“ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อแล้วมั้ยอาร์ต เว้นแต่ว่าเรากำลังฝันอยู่”
ผมอมยิ้มในความมืด ก่อนจะชวนคุยต่อ
“เวทมนตร์มีจริงนะซายน์ ในโลกจริง ๆ ของเรานี่แหละ…หรืออย่างน้อยก็เป็นสิ่งที่คนยุคโบราณเชื่อกัน ตั้งแต่สมัยอียิปต์ ไปจนถึงกรีก โรมัน ส่งต่อมาจนถึงยุโรปยุคเรอเนสซองส์
จักรวาลคือหนึ่งเดียวและเชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกัน…สิ่งที่อยู่เบื้องบนคือพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว และแน่นอนว่าบรรดาเทพทั้งหลายที่เป็นตัวแทนของสรรพสิ่งในธรรมชาติและบันดาลให้สิ่งที่อยู่เบื้องล่างซึ่งก็คือโลก มนุษย์ และสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เป็นอยู่ เกิดขึ้น และหมุนเวียนไป
 
สิ่งที่อยู่เบื้องล่างและเบื้องบนต่างก็เป็นเงาสะท้อนของกันและกัน ดังนั้นนอกจากดาราศาสตร์จึงมีโหราศาสตร์ด้วยยังไงล่ะซายน์ เพราะมนุษย์มีความเชื่อมาตั้งแต่สมัยโบราณว่าดวงดาวบนท้องฟ้าสามารถบอกอะไรบางอย่างบนโลกได้
1
As above, So below
As within, So without
As the universe, So the soul
ซายน์ เคยได้ยินไหม”
ขณะที่เล่าไปผมก็ก้าวเท้ารุดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มือที่จับกันไว้กับซายน์นอกจากจะช่วยให้ผมอุ่นใจแล้ว ยังมั่นใจได้ว่าเธอเดินตามมาด้วยความเร็วเดียวกัน
 
“ยังไหวนะซายน์… เราต้องรีบเดินเพราะไม่รู้ว่าทางออกจะอยู่อีกไกลแค่ไหน”
 
แสงในทางเดินที่พอเหลืออยู่ตอนนี้มาจากประกายระยิบระยับของพื้นบันไดหินแม้จะเล็กน้อยจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น แต่ก็ยังดีกว่าอยู่ในความมืดมิดที่ปราศจากแสงอาทิตย์อย่างแน่นอน
“ว่าแต่ยังไงต่อนะอาร์ต เรื่องเวทมนตร์เมื่อกี้ เหมือนยังเล่าไม่จบเลย”
 
ก่อนที่จะตอบคำถามของซายน์ ความเคลื่อนไหวบางอย่างทำให้ผมชะงัก
 
“อะไรเหรออาร์ต” มือของผมคงกระตุกขึ้นมาจนเธอรู้สึกได้
 
“ไม่รู้นะซายน์ แต่อาร์ตรู้สึกเหมือนมีการเคลื่อนไหวตรงกำแพง รอบ ๆ ตัวเรา ความจริงรู้สึกมาสักพักแล้วนะ ซายน์ไม่ได้ยินเสียงเบา ๆ นั้นเหรอ”
 
เสียงครืดคราดเสียดสีกันของผิววัตถุ ทำให้ผมเอื้อมมือไปแตะผนังด้านข้าง สัมผัสที่รู้สึกนั้นมาพร้อมแรงสั่นสะเทือนเบา ๆ แต่ที่สำคัญแรงนั้นมีทิศทางบางอย่างที่ตอบรับสิ่งที่ผมกำลังคิดอยู่
 
“แล้วอาร์ตคิดว่ามันคืออะไร จะมีตัวอะไรโผล่มาหรือเปล่า” 
 
เสียงแผ่ว ๆ ของคนด้านข้าง ทำให้ผมกระชับมือเธอเบา ๆ เป็นสัญญาณให้มั่นใจ
 
“ไม่น่านะ อาร์ตคอยระวังตลอด เสียงสั่นไหวแว่วออกมาจากอิฐบล็อคพวกนั้น แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ซายน์ก็ระวังตัวไว้ด้วยนะ”
1
จากนั้นผมก็ชวนเธอคุยสัพเพเหระให้บรรยากาศผ่อนคลาย ระหว่างนั้นก็ใช้มือขวาสำรวจแรงสั่นสะเทือนของผนังไปตลอดทางเพื่อให้แน่ใจ เราเดินกันต่อไปราว ๆ 5 นาที จนผมเริ่มสังเกตว่าความมืดรอบตัวเราเริ่มลดลงทีละนิด และถ้ามองไม่ผิด…ข้างหน้านั้นมีแสงสว่างรำไรสาดส่องลงมา
 
“ซายน์ อาร์ตว่าเราน่าจะใกล้ถึงทางออกแล้วนะ”
 
“ซายน์เห็นอาร์ตพูดอย่างนี้มาสักพักแล้วนะ เดินเท่าไหร่ก็ไม่เห็นใกล้แสงนั่นสักที”
 
เสียงบ่นกระปอดกระแปดของเธอผ่านหูไปอย่างรวดเร็ว ในสมองของผมตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นถึงสิ่งที่คิดเอาไว้ข้างหน้า จนเผลอเร่งฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว
ในที่สุดเมื่อพ้นโค้งสุดท้าย ก็พบกับประตูโค้งที่ถูกเปิดแง้มไว้เล็กน้อย แสงสว่างนั้นเล็ดลอดมาจากตรงนี้นี่เอง ผมไม่รอช้าใช้มือข้างที่ว่างอยู่ผลักประตูนั้นแล้วพุ่งตัวออกมาพร้อมกับซายน์
 
แสงสว่างจากภายนอกทำเอาตาของเราที่อยู่ในความมืดมานานพร่าไปชั่วขณะ ทันทีที่เริ่มปรับสายตาได้ ผมก็พบว่าวิวที่อยู่เบื้องหน้าคือทิวทัศน์ของเมืองในระดับความสูงราว ๆ สามชั้นจากพื้นดิน และเรากำลังยืนอยู่บนระเบียงที่มีชายผู้หนึ่งกำลังจ้องมองมาด้วยท่าทีที่บอกไม่ถูกว่าเป็นมิตรหรือศัตรู
1
“นี่มัน?”
 
เสียงอุทานของซายน์เรียกสติของผมให้กลับคืนมา แน่นอนว่าเรายังคงอยู่ในภาพของเอชเชอร์ แต่ดูเหมือนจะมีความลับซ่อนอยู่อีกมากที่มองไม่เห็นจากอีกด้านหนึ่งของภาพ…ด้านที่ปรากฎในโลกปกติของเรา
“หึหึ สมแล้วที่เป็น Ascending and Descending ของเอชเชอร์ จะขึ้นหรือลงก็เป็นเช่นเดียวกันไม่รู้จบ นั่นสินะ”
 
“อาร์ต ซายน์งงไปหมดแล้วนะ” เสียงท้วงที่ดังขึ้นมาข้าง ๆ จากหญิงสาวที่มีสีหน้ายุ่งเหยิง ทำให้ผมนึกสนุกจนอมยิ้มออกมาไม่ได้
 
“โลกนี้เต็มไปด้วยภาพลวงตาเนอะซายน์ เหมือนที่นกซีเมิร์กเตือนไง เพราะงั้นต่อไปนี้ต้องระวังให้มาก อย่าเชื่อสิ่งที่ตาเห็นง่ายๆ เข้าใจมั้ย”
 
“ซายน์รู้น่า ซายน์ไม่ใช่เด็กแล้วนะ” ประโยคตัดบทกับสีหน้าของเธอที่ดูยังไงก็เหมือนเด็กกำลังงอน ทำให้ผมต้องเบือนหน้าหนีเพื่อกลั้นหัวเราะ
 
แต่แล้วสายตาของผมก็สบเข้ากับดวงตาของชายลึกลับที่ยืนมองพวกเราอยู่เงียบ ๆ จากอีกด้านหนึ่งของระเบียง บนศีรษะของชายผู้นั้นมีผ้าคลุมดูคล้ายกับนักบวชสมัยโบราณ เครื่องแต่งกายของเขาดูเผิน ๆ คล้ายคลึงกับชายสองหัวที่เจอก่อนหน้านี้ แต่ครั้งนี้ผมสังเกตเห็นสัญลักษณ์บางอย่างที่รอบเอวของเขา
“ยินดีต้อนรับ ท่านผู้มาเยือน”
 
เสียงเนิบช้าไม่แสดงอารมณ์แต่ชวนให้ขนลุกเช่นเคยดังขึ้นมาจากชายแปลกหน้า ทันทีที่พูดจบ พื้นด้านหน้าของเขาก็สั่นสะเทือนและยกตัวสูงขึ้นมาจนกลายเป็นแท่น ชั่ววินาทีที่เขาโบกมือเหนือแท่นหินนั้น วัตถุสี่ชิ้นก็ปรากฎ ดูเหมือนจะเป็นจอกน้ำ เหรียญ ดาบ และคทา
 
ซายน์กระโดดไปหลบหลังผมตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ดูเหมือนว่าเราจะเจอกับด่านใหม่ที่จะต้องฝ่าไปให้ได้อีกแล้วสิ
ผมหายใจเข้าปอดลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติ ก่อนจะเปล่งเสียงออกไป
 
“จากสิ่งของเหล่านี้…ท่านคือผู้ใช้เวทย์ใช่หรือไม่ โปรดช่วยชี้ทางให้พวกเราทีว่าจะออกจากที่แห่งนี้ได้อย่างไร” 
 
[ To be continued ]
1
สวัสดีครับทุกคน 💙
 
นี่ก็มาถึงตอนที่ 3.2 ของซีรีส์ชมรมศิลป์นอกเวลา ตอนพิเศษ ที่เขียนร่วมกับชมรมวิทย์นอกเวลากันแล้วนะครับ ต่อไปนี้หนทางยังอีกยาวไกล ฝากติดตามเอาใจช่วยอาร์ตกับซายน์กันต่อไปด้วยนะครับ
 
ขอเชิญอ่านเรื่องราวในอีกมุมมองหนึ่งของ ‘ซายน์’ ได้ที่เพจ EveryGreen หรือคลิกที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ 👇
1
Photo :
Wikimedia Commons
DaviantArt
โฆษณา