24 ต.ค. 2020 เวลา 09:13 • ธุรกิจ
ผู้ประกอบการไทยเตรียมรับมือ China+1 โมเดลธุรกิจใหม่ของบริษัทต่างชาติในจีน
ทำความรู้โมเดลธุรกิจใหม่ของบริษัทต่างชาติในจีน "China+1" ที่เริ่มหันมาปรับแผนการลงทุนใหม่ในจีน ไม่ว่าจะเป็นการลดสัดส่วนการลงทุน ลดกำลังการผลิต และมองหาฐานการผลิตแห่งใหม่ หลังต้องเผชิญวิกฤติโควิด-19 และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
บทความโดย พิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา | คอลัมน์ รู้โลก รู้เรา
ผู้ประกอบการไทยเตรียมรับมือ China+1 โมเดลธุรกิจใหม่ของบริษัทต่างชาติในจีน
วิกฤติ COVID-19 ที่ปะทุขึ้นเมื่อปลายเดือนธันวาคม 2562 ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างรุนแรง รวมถึงก่อให้เกิดการเปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่ในหลายแวดวงธุรกิจ โดยหนึ่งในกระแสที่ถูกกล่าวถึงเป็นวงกว้าง คือ Global Supply Chain Disruption โดยเฉพาะหลังจากที่ COVID-19 ทำให้จีนซึ่งเป็นหนึ่งในศูนย์กลาง Supply Chain สำคัญของโลกต้องหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจอย่างกะทันหัน ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมทั่วโลก
(ข้อมูลจาก Chartered Institute of Procurement and Supply ระบุว่าบริษัทใหญ่ที่สุดของโลก 1,000 อันดับแรกพึ่งพา Supply Chain จากจีนเป็นหลัก) เมื่อผนวกกับวิกฤติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ และจีนที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่กลางปี 2561 ส่งผลให้ฐานการผลิตในจีนมีความน่าสนใจน้อยลงจากข้อจำกัดและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทำให้บริษัทต่างชาติในจีนเริ่มทบทวนและปรับแผนกลยุทธ์ธุรกิจในจีนครั้งใหญ่
หนึ่งในโมเดลธุรกิจใหม่ที่บริษัทต่างชาติในจีนหลายบริษัทเริ่มนำมาใช้ คือ China+1 ซึ่งหมายถึงการปรับแผนการลงทุนใหม่ในจีน ทั้งการลดสัดส่วนการลงทุนหรือลดกำลังการผลิตในจีนลง ควบคู่ไปกับการมองหาฐานการผลิตแห่งใหม่ที่มีศักยภาพในประเทศอื่นๆ เพื่อสร้างหรือเชื่อมโยง Supply Chain เส้นใหม่ให้แก่ธุรกิจของตน
2
ช่วยบรรเทาปัญหาการพึ่งพา Supply Chain ของจีนเป็นหลัก โดยเฉพาะด้านวัตถุดิบและระบบโลจิสติกส์ที่เกี่ยวเนื่อง ตลอดจนช่วยกระจายความเสี่ยงทางธุรกิจไปพร้อมๆ กับการลดต้นทุนการดำเนินธุรกิจทั้งด้านแรงงานและภาษี
ล่าสุดเริ่มเห็นสัญญาณการปรับนโยบายของหลายบริษัทที่มีฐานการผลิตในจีน เช่น บริษัท Apple มีแผนให้ Supplier ลดสัดส่วนการผลิตในจีนลงราว 15-30% ทำให้บริษัท Foxconn ซึ่งเป็น Supplier หลักของ Apple เตรียมย้ายฐานผลิตบางส่วนออกจากจีน ในเบื้องต้นคาดว่าจะย้ายไปลงทุนในอินเดียมูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกับบริษัท Pegatron อีกหนึ่ง Supplier ของ Apple ในจีนมีแผนขยายการลงทุนไปยังเวียดนาม
1
ขณะที่บริษัท LG Chemicals ของเกาหลีใต้ที่มีฐานการผลิตแบตเตอรี่หลักอยู่ในจีน มีแผนจะย้ายไปสร้างฐานการผลิตใหม่ในอินโดนีเซียด้วยเงินลงทุนราว 9.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงบริษัทในเครือ Mazda ของญี่ปุ่นได้ย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีนไปเม็กซิโกแล้ว
เมื่อหันกลับมามองประเทศไทย ปฏิเสธไม่ได้ว่าโมเดล China+1 ของบริษัทต่างชาติในจีนอาจส่งผลกระทบมาถึงไทย โดยเฉพาะในมิติของการส่งออก เนื่องจากจีนเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับต้นๆ ของไทยมาโดยตลอด ด้วยสัดส่วนการส่งออกราว 10-12% ของมูลค่าส่งออกรวมของไทย
โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาสินค้าส่งออกของไทยไปจีนที่มีมูลค่าสูงสุด 30 อันดับแรก (สัดส่วนรวมกันราว 80% ของมูลค่าส่งออกรวมของไทยไปจีน) พบว่าในจำนวนนี้เกือบ 70% เป็นกลุ่มวัตถุดิบและส่วนประกอบ โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และที่เกี่ยวเนื่อง (สัดส่วนราว 20%) และยานยนต์และชิ้นส่วน (ราว 15% รวมยางและผลิตภัณฑ์ยางที่เป็นวัตถุดิบผลิตยางล้อรถยนต์) ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่ไทยส่งออกเพื่อไปเชื่อมโยงกับ Supply Chain ทั้งบริษัทของจีนและบริษัทต่างชาติที่ตั้งฐานการผลิตในจีน
ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าบริษัทต่างชาติในจีนในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์เป็นกลุ่มที่เริ่มนำร่องดำเนินนโยบาย China+1 แล้ว ขณะที่บริษัทจีนหลายแห่งก็เริ่มย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีนเช่นเดียวกัน ทำให้ในระยะถัดไปอาจเริ่มเห็นผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในกลุ่มสินค้าเหล่านี้
โฆษณา