2 พ.ย. 2020 เวลา 09:00 • ความคิดเห็น
ว่าด้วยเรื่อง ช้อปดีมีคืนของรัฐบาล
ที่อยากจะกระตุ้นเศรษฐกิจภายในปีนี้
กรุงเทพธุรกิจ
ไม่น่าเชื่อว่านโยบายนี้ยังมีอีกหลายคนที่ยังไม่เข้าใจ หรือเข้าใจผิด คิดไปว่ารัฐบาลจะคืนภาษีให้ทุกคน ที่ซื้อของที่มี VAT ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว แต่ล่ะคนจะได้รับประโยชน์ไม่เท่ากัน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นบางคนอาจจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆเลยจากมาตราการนี้ก็ได้
ก่อนอืื่นเลยเรามาเริ่มจากคนที่ไม่มีสิทธิที่จะได้ใช้มาตราการนี้ก่อนเลย คือ
๑ ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (หรือบัตรคนจนที่พูดๆกันนั้นแหละ) อันนี้ไม่ได้รับสิทธินะ อาจจะเพราะถือว่าเป็นกลุ่มคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากรัฐมากอยู่แล้ว และอีกนัยหนึ่งคือเป็นกลุ่มคนที่ไม่ค่อยจะมีกำลังซื้อด้วยล่ะนะ
๒ ผู้ที่ใช้สิทธิตามมาตรการคนละครึ่งของรัฐ อันนี้ก็น่าจะชัดเจนว่าเป็นการแบ่งๆสิทธิกัน ให้ทุกคนได้รับความช่วยเหลือ
อีกเรื่องที่จำเป็นต้องเข้าใจเลยคือ สำหรับคนที่ไม่ได้เสียภาษีเงินได้บุคคลประจำปี (คือรายได้ไม่ถึง 150,000 บาทต่อปี) กลุ่มคนเหล่านี้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้อยู่แล้ว จึงไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ง่ายๆคือ ไม่ได้มีผลอะไรเลย
ถ้าเราเป็นคนกลุ่มนี้ เราควรจะไปใช้สิทธิคนล่ะครึ่งจะดีกว่า
ความจริงแล้วมาตราการช้อปดีมีคืนนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้นำเอาใบเสร็จที่ออกโดยร้านค้าที่มี VAT มาใช้หักเป็นค่าลดหย่อนเวลาเสียภาษีเงินได้ประจำปี
ดังนั้นหากมีคนบอกว่ามาตราการนี้มุ่งที่จะให้ความช่วยเหลือใคร ผมคิดว่ามองง่ายๆเลย คือ กลุ่มมนุษย์เงินเดือน กลุ่มคนกลุ่มค่อยข้างจะใหญ่ ที่ทำงานตัวเป็นเกลียว เหนื่อยกันแทบตาย สุดท้ายเงินที่ได้ไม่ค่อยจะพอใช้ (ไม่ใช่ว่าใช้เงินเปลื้องนะ แต่ผมคิดว่าเป็นเพราะโดนภาษีทุกอย่างเต็มๆ ตลอดและเป็นกลุ่มที่ภาครัฐให้ความช่วยเหลือน้อยมาโดยตลอด น่าจะเพราะดูเหมือนไม่ต้องการความช่วยเหลือ หรือน่าสงสารไม่พอก็ไม่รู้)
อีกกลุ่มที่ได้รับประโยชน์แน่ๆ คือกลุ่มค้าปลีกขนาดใหญ่ พวกนี้เขาเปิด VAT ได้แน่ๆ ถือว่าได้ประโยชน์สลับกันกับนโยบายคนล่ะครึ่งก็แล้วกัน ตรงนี้หยวนๆ คิดว่าพอรับได้แหละนะ
ภาพจาก กรุงเทพธุรกิจ
จากตารางด้านบนจะเห็นว่า คนรวย (คนที่มีเงินเดือนมาก) จะได้รับผลประโยชน์มากขึ้นตามไปด้วย
เช่นหากซื้อสินค้าและบริการเต็มเพดานที่ทำได้คือ 30,000 บาท
คนที่มีรายได้ปีล่ะ 300,000 บาท (เงินเดือน 25,000 บาท) จะได้รับประโยชน์ทางภาษีเป็นมูลค่า 1,500 บาท
ในขณะที่คนที่มีรายได้ปีล่ะ 1,000,000 บาท (เงินเดือน 83,333 บาท) จะได้รับผลประโยชน์ทางภาษีอยู่ที่ 6,000 บาท
และได้รับมากขึ้นไปตามลำดับรายได้ และภาษีที่ต้องจ่าย
หลายๆคนอาจจะมองว่าไม่ค่อยเป็นธรรม เพราะคนที่มีรายได้มากอยู่แล้ว ทำไมได้รับผลประโยชน์มากกว่าคนที่มีรายได้น้อย อันนี้ตัวผมเองก็มองว่าแปลกๆ แต่เข้าใจว่าด้วยวิธีการคำนวนโดยเอาฐานภาษีเป็นเกณฑ์ก็เลยทำให้เป็นแบบนี้
สุดท้ายนี้ อยากให้ทุกคนคิดให้ดีๆ ก่อนที่จะบุมบ่ามซื้อของให้ครบเต็มเพดานเพียงเพราะกลัวจะเสียเปรียบนะครับ คำนวนให้ดีเพราะหากซื้อของที่ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว มันก็เท่ากับเสียเงินไปเปล่าๆ เก็บไว้ใช้ยามจำเป็นอาจจะมีเหตุผลดีกว่าก็ได้นะครับ
#เงินๆทองๆ
โฆษณา