"เคแบงก์”มีลูกค้า 16.6 ล้านคน มีโมบายแบงก์กิ้งเข้าถึง 13.5 ล้านคน มีธุรกรรมการเงินกว่า 1.7 พันล้านครั้ง ขณะที่แพลตฟอร์มไลน์ เข้าถึงลูกค้ากว่า 47 ล้านคน เรียกได้ว่า เกือบทุกคนที่เข้าถึงมือถือ และอินเทอร์เน็ตได้
“จากการเปิดเผยข้อมูลการใช้งานของไลน์พบว่าผู้บริโภคใช้เวลาอยู่กับไลน์มากกว่า 1 ชม. หรือ 63 นาที ต่อคนต่อวัน ทั้งไลน์ ไม่ได้มีแค่แชทแต่ยังมีบริการอื่น ๆ เช่น ไลน์ทูเดย์ ไว้อ่านข่าวต่างๆ ซึ่งมีผู้ใช้งานกว่า 36 ล้านคนต่อเดือน”
เท่ากับว่า แพลตฟอร์มของ “ไลน์”เข้าใกล้ผู้บริโภคตลอดเวลา
การนำความเชี่ยวชาญที่ต่างฝ่ายต่างมีมาพัฒนาบริการร่วมกัน ทำให้จุดเด่นของ “LINE BK”ชัดมาก คือ เข้าใจง่าย เข้าถึงง่าย และไว้ใจได้ โดยจะทำธุรกรรมการเงินได้อย่างรวดเร็ว เหมือนการแชทบน LINE จึงเชื่อว่าจะเหมาะกับไลฟ์สไตล์ผู้ใช้งาน โดยเฉพาะในสถานการณ์ปัจจุบันที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินกู้ยืมมากขึ้น
เปรียบกับการกู้ยืมเงินทั่วไป “LINE BK”มีขั้นตอนการประเมินความเสี่ยงของการอนุมัติสินเชื่อที่แตกต่างออกไป โดยมีการนำข้อมูลทางการเงิน และโซเชียลมีเดียมาวิเคราะห์ร่วมกัน มีการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล และไม่เข้าถึงเนื้อหาการสื่อสารของลูกค้า รวมถึงไม่นำมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของข้อมูล
ในแง่ความปลอดภัยจะมีขั้นตอนการรักษาความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของข้อมูลผู้ใช้อย่างเป็นระบบ มีการป้องกัน และรักษาความปลอดภัยหลายชั้น ทั้งเข้ารหัสความปลอดภัยของโครงสร้างระบบเครือข่าย และบริการ รวมไปถึงการปกป้องข้อมูลด้วยการเข้ารหัสฐานข้อมูลในรูปแบบเฉพาะ
ทั้งหมดเพื่อให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลลูกค้าจะได้รับการดูแลด้วยมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด
“พัชร สมะลาภา”กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เสริมว่า การนำศักยภาพด้านโซเชียลแพลตฟอร์มของ LINE และประสบการณ์ด้านลูกค้ารายย่อยของธนาคารกสิกรไทย ไม่เพียงพลิกโฉมการให้บริการธุรกรรมการเงินของธนาคารในประเทศไทย แต่ยังตอกย้ำยุทธศาสตร์ของธนาคารในการสร้าง “Digital Lifestyle Ecosystem” ไปพร้อมกัน