26 ต.ค. 2020 เวลา 15:25 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
“ลีสโทรซอรัส” ยอดสัตว์ขี้เซาที่รอดสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ เพราะเลือกนอนอยู่ถ้ำแทนออกไปทำงาน
ย้อนไปเมื่อ 250 ล้านปีก่อน (ในช่วงท้ายของยุคเพอร์เมียน – Permian) ช่วงเวลานั้นได้เกิดการประทุของภูเขาไฟขนาดมหึมาที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแผ่นทวีปแพนเจีย โดยเหตุการณ์นี้มีชื่อว่า “The Siberian Traps” (การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ครั้งที่ 3) ซึ่งการประทุครั้งนั้นได้ปล่อยกลุ่มเถ้าถ่านและสารพิษจำนวนมากขึ้นปกคลุมชั้นบรรยากาศทั่วโลกจนก๊าซเรือนกระจกถูกทำลาย อุณหภูมิบนผิวโลกจึงพุ่งขึ้นอย่างฉับพลัน สัตว์บกหลายชนิดปรับตัวไม่ทันและตายลง เป็นผลให้สัตว์ดึกดำบรรพ์กว่า 95% สูญพันธุ์จากเหตุการณ์ครั้งนี้
ซึ่งเจ้า “ลีสโทรซอรัส” (Lystrosaurus) คือหนึ่งในสายพันธุ์สัตว์ที่รอดชีวิต นั่นเพราะ “พฤติกรรมการนอนจำศีล” (Hibernation) โดยนักวิจัยเชื่อว่า “ลีสโทรซอรัสอาจเป็นสัตว์ชนิดแรกของโลกที่รู้จักการนอนจำศีล”
เมแกน วิตนีย์ นักบรรพชีวิน จากฮาร์วาร์ด หนึ่งในทีมผู้ค้นพบ เผยแพร่ลงในวารสาร Communications Biology ระบุว่า “พวกเราทราบถึงการจำศีลของพวกมันจากการวิเคราะห์วงปีในเขี้ยวที่เติบโตอย่างต่อเนื่องที่งอกออกมาจากจงอยปาก ซึ่งลักษณะวงปีดังกล่าว มีอยู่ในสัตว์จำศีลอย่างหมีหรือค้างคาวในปัจจุบัน”
1
อธิบายเพิ่มเติม : เมื่อผ่าเขี้ยวของลีสโทรซอรัสในแนวขวางจะพบวงปีจำนวนมากที่ปรากฏเป็นแถบแคบและเล็ก มีความถี่มาก ซึ่งความถี่นี้บ่งบอกช่วงเวลาที่มีการจำศีล และสาเหตุที่ต้องจำศีล เพราะว่าพวกมันอาศัยอยู่ทวีปแอนตาร์กติกา ที่มีสภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย ทำให้เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวทวีปแอนตาร์กติกาจะขาดแคลนอาหารและอากาศเย็นจัด ดังนั้นพวกมันจึงเลือกที่จะเพิ่มความอบอุ่นให้ร่างกายด้วยการมุดไปอยู่ในโพรงใต้ดินและจะตื่นขึ้นเมื่อฤดูหนาวนั้นผ่านพ้นไป หรือพูดง่าย ๆ คือ “ขี้เกียจออกไปล่า ขอนอนอยู่ในนี้รอดชีวิตแบบชิว ๆ ดีกว่า” ก็ได้ครับ
1
รู้จักกับลีสโทรซอรัส (Lystrosaurus) – ถูกจัดอยู่ในกลุ่มสัตว์เลื้อยคลานเลี้ยงลูกด้วยนม มีชีวิตอยู่ตั้งแต่ช่วงกลางยุคเพอร์เมียนไปจนถึงต้นยุคไทรแอสซิก (ราว 300-200 ล้านปีก่อน) วิวัฒนาการมาเมื่อประมาณ 270 ล้านปีก่อน อาศัยอยู่มากในทวีปแอนตาร์กติกา (ขั้วโลกใต้) มีความยาวประมาณ 1 เมตร ขนาดตัวพอ ๆ กับหมูในปัจจุบัน ขาหน้ามีกรงเล็บยาวและขาที่แข็งแรงใช้สำหรับขุดโพรงใต้ดิน
สรุป – ปัจจุบันพวกมันสูญพันธุ์เหลือแต่ฟอสซิล แต่หลังจากการสูญพันธุ์ครั้งที่ 3 (ที่กล่าวถึงไปตอนต้น) มันก็วิวัฒนาการให้สืบพันธุ์ด้วยอายุที่สั้นลง จึงทำให้มีจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีชีวิตต่อมาได้นานอีกกว่า 50 ล้านปีเลยทีเดียวครับผม
โฆษณา