27 ต.ค. 2020 เวลา 03:17 • ไลฟ์สไตล์
สบู่นกแก้ว สบู่ในความทรงจำ
1
..แม่อ่ะบ้านนอกจริง ใช้สบู่นกแก้วตลอด
คำพูดของลูกชายไม่ได้ทำให้แม่สะดุดอะไร
กลับยิ้มละไม และยอมรับว่า “ บ้านนอก ”
2
ทุกครั้งที่ไปซื้อของใช้ที่ห้างสรรพสินค้า และเมื่อถึงคราวซื้อสบู่ ก็จะหยิบสบู่นกแก้วเสมอ แม้ลูกชายจะบอกว่า ให้ใช้สบู่ยี่ห้ออื่นบ้าง
แต่ตัวเองก็ไม่เคยเปลี่ยน
รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง!!
สบู่นกแก้ว สบู่บ้านนอก สบู่ในความทรงจำ
สบู่ในวัยเยาว์!!
จำได้ว่าใช้สบู่นี้มาตั้งแต่จำความได้แล้ว สบู่นกแก้วให้ความหอมที่คุ้นเคย และคิดถึงสมัยเด็กๆที่ใส่ผ้าถุงนุ่งกระโจมอก ตักน้ำในตุ่มราดตัว และฟอกตัวด้วยสบู่นกแก้ว!!
สบู่นกแก้วใครๆก็รู้จัก!! การันตีได้
และยังมีคนใช้สบู่ยี่ห้อนี้อีกมากมาย
สบู่นกแก้ว เป็นสบู่ยี่ห้อแรกของคนไทย เป็นสบู่หอมก้อนแรกของสยามก็ว่าได้ โดยสบู่นกแก้วนั้นเริ่มผลิตในปีพ.ศ.2490 ณ วันนี้สบู่นกแก้วมีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้ว ยาวนานสุดๆของเส้นทางสายสบู่
แล้วทำไมถึงได้ชื่อว่าสบู่นกแก้ว?
1
สบู่นกแก้ว ถูกคิดค้นโดย วอลเตอร์ เลโอ ไมเยอร์ Walter Leo Mayer ซึ่งเป็นชาวสวิสที่เข้ามาทำงานในไทยในสมัยนั้น เขาได้เรียนรู้ความเป็นอยู่ของคนไทยและเห็นว่าสบู่ไม่แพร่หลายในไทย กับคนไทยนั้นไม่ได้ใช้สบู่ในการอาบน้ำชำระกาย
วอลเตอร์ เลโอ ไมเยอร์ เป็นคนชอบเดินป่า เขาได้ออกสำรวจป่าอยู่บ่อยๆ และได้พบกับนกแก้วที่เป็นนกสวยงามของเมืองไทย รวมทั้งได้สัมผัสกับกลิ่นธรรมชาติของป่า กลิ่นดอกไม้ป่าของไทยชนิดต่างๆ จึงทำให้เขานำชื่อนกแก้วมาเป็นยี่ห้อของสบู่และคิดสูตรผสมผสานดอกไม้ไทยๆเข้ากับน้ำหอมจากฝรั่งเศษ จึงเกิดเป็น สบู่นกแก้ว!!
ภาพจาก :marketeeronline.co/archives/172990
สบู่นกแก้วเริ่มการผลิตโดยบริษัทรูเบียอุตสาหกรรม ซึ่งเปิดโรงงานผลิตในซอยสุขุมวิท42 คนในสมัยนั้นเลยเรียกชื่อซอยสุขุทวิท42 ว่าซอยรูเบีย เพราะกลิ่นที่หอมฟุ้งของการผลิตสบู่นกแก้วทำให้ผู้คนในละแวกนั้นให้ความสนใจ
ในส่วนของแพคเกจจิ้งของสบู่นกแก้วตั้งแต่อดีตยันปัจจุบันก็ยังเหมือนเดิม คุ้นตาด้วยกระดาษสีเขียวที่ห่อหุ้มก้อนสบู่ไว้ และคุ้นใจด้วยกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ แพคเกจจิ้งของสบู่นกแก้วไม่ได้ห่อหุ้มมิดชิดเพราะต้องการให้กลิ่นหอมของสบู่ได้โชยออกมานั่นเอง กระดาษที่ห่อมีสีเขียวด้านนอกและสีขาวด้านในมีความคลาสิกและให้ความเป็นไทยๆ
ในสมัยก่อนสบู่นกแก้วขายก้อนละ 1-3 บาท และปัจจุบัน ก้อนละ 12 บาท (ที่ซื้อใช้อยู่)
ลักษณะเด่นของสบู่นกแก้วคือมีความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ แม้เด็กๆสมัยใหม่จะบอกว่าหอมจนฉุน แต่คนกลางเก่ากลางใหม่อย่างฉัน(ไม่ได้เป็นคนโบราณแต่ก็ไม่ได้สมัยใหม่เกิน) กลับมองว่าหอมติดตัว ไม่ได้รู้สึกฉุนอะไรเลย และสบู่นกแก้วมีความแข็งในตัวเนื้อสบู่ ไม่เละง่าย ใช้ได้นาน
ภาพจาก :marketeeronline.co/archives/172990
ตลอดเวลาเจ็ดสิบกว่าปีของสบู่หอมนกแก้ว แม้จะเป็นสบู่หอมแบรนด์แรกของคนไทย และคนไทยในสมัยก่อนเลือกใช้กันทุกบ้าน แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป การแข่งขันในเรื่องธุรกิจสบู่ก็มีมากขึ้น มีสบู่หลากหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ ทำให้สบู่นกแก้วกลายเป็นตัวเลือกตัวหนึ่งในบรรดาสบู่ยี่ห้อต่างๆ
สบู่นกแก้วเริ่มได้รับผลกระทบเพราะคนไทยหันไปใช้ของนอก เริ่มใช้สบู่ตัวอื่นๆที่แตกต่างจากสบู่นกแก้ว แม้ทางบริษัทจะพยายามโฆษณาให้คนไทยหันมาใช้ของไทยๆ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร
จนกระทั่งปี 2540 ตอนเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง คนไทยก็เริ่มหันกลับมารัดเข็มขัดตัวเองอีกครั้ง เริ่มใช้สินค้าไทยๆเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋า และสบู่นกแก้วก็ได้กลับมาและไปอยู่ในบ้านเรือนของคนไทยอีกครั้ง
1
การโฆษณาสบู่นกแก้วก็เป็นช่องทางหนึ่งที่ทางบริษัทผู้ผลิตได้ทำออกมาเพื่อให้คนไทยได้รู้จักสบู่นกแก้ว โดยในยุคแรกๆของสบู่นกแก้ว จะมีคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์เป็นพรีเซนเตอร์
และในช่วงที่สบู่นกแก้วเริ่มมาฟื้นตัวในสมัยวิกฤติต้มยำกุ้ง ก็มีโฆษณาออกมาตัวหนึ่ง ที่มีคุณโก๊ะตี๋ในวัยเด็กเป็นพรีเซ็นเตอร์ และโฆษณาตัวนี้ได้ทำให้คนหันกลับมาอุดหนุนสบู่นกแก้วอีกครั้ง
โฆษณาตัวนี้เหมือนเป็นจุดเปลี่ยนแบบก้าวกระโดดในการสร้างตลาด รายได้และแบรนด์สบู่นกแก้วให้เติบโตอย่างยั่งยืนและคนยังซื้อใช้โดยไม่ได้เป็นสบู่ที่เลือนหายไปตามวันเวลา หรือว่าเลือนหายไปตามสภาพของเศรษฐกิจที่มีปัญหาในตอนนั้น ในตอนนั้นสบู่ยี่ห้ออื่นๆไม่กล้าขยับตัวหรือลดราคาเลย แต่สบู่นกแก้วกลับขึ้นราคาและทำให้ผู้คนหันมาซื้อใช้เหมือนเดิม
สบู่นกแก้วได้พัฒนาให้เป็นสบู่ที่หลากหลายมากขึ้น จากสบู่ก้อนเขียวๆที่เป็นสบู่นกแก้วแบบดั้งเดิม ก็ได้เพิ่มเติมกลิ่นต่างๆของสบู่เพิ่มขึ้น และแพคเกจก็มีหลากหลายหลากสีสันขึ้น รวมทั้งมีสบู่เหลวหรือว่าครีมอาบน้ำด้วยเพื่อให้ทันสมัยมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คนในเรื่องการใช้สบู่
สบู่นกแก้วได้สร้างตลาดไปสู่ลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เพราะสบู่นกแก้วนั้นมักจะมองกันว่าเป็นสบู่ของคนบ้านนอก เมื่อบริษัทต้องการเจาะลูกค้าที่เป็นคนเมือง เลยต้องปรับเปลี่ยนลักษณะของผลิตภัณฑ์เพื่อเอาใจคนเมืองนั่นเอง
ในตลาดของสบู่ก้อนนั้นมีการแข่งขันกันมากมาย และปัจจุบันนี้ยี่ห้อของสบู่ก้อนมีมากมาย จนจดจำกันไม่ไหว ซึ่งมีทั้งแบรนด์ไทยและแบรนด์นอก แต่สบู่นกแก้วก็ยังยืดหยัดอยู่ได้เสมอมา
2
สบู่หอมนกแก้วนั้นเคยทำรายได้ถึง 2,000ล้านบาทในปีพ.ศ.2557
แต่หลังจากนั้นก็ลดลงมาอยู่ที่ 1,800 – 1,900 ล้านบาท
และปีที่ผ่านมา ปี 2562 สบู่นกแก้วสามารถทำรายได้ถึง 2,041 ล้านบาทโดยมีกำไรอยู่ที่ 262 ล้านบาท สิ่งนี้ทำให้เห็นว่า สบู่นกแก้วก็ยังเป็นที่นิยมใช้อยู่นะ ไม่อย่างนั้นจะทำรายได้ได้ขนาดนี้เชียวหรือ
สบู่นกแก้วมีหลากหลายให้เลือกซื้อเลือกใช้ ผู้ผลิตได้ปรับให้สบู่มีความหลากหลายและถนอมผิวมากขึ้น จากสบู่ก้อนแข็งสีเขียวๆและกระดาษห่อสีเขียว ก็ได้เพิ่มกลิ่นเพิ่มสีในตัวสบู่ มีทั้งสีม่วง สีเหลือง สีชมพู สีฟ้า ฯลฯ มีทั้งกลิ่นไม้หอม กลิ่นลีลาวดี กลิ่นมะลิ กลิ่นกุหลาบ กลิ่นกล้วยไม้ฯลฯ ในแบบ “ พฤกษานกแก้ว ”
แต่ส่วนตัวแล้วยังคงชอบก้อนเขียวๆแบบดั้งเดิม ไม่รู้เป็นอะไรเหมือนกัน ลองใช้กลิ่นอื่นๆแล้ว แม้จะหอม และน่าใช้ แต่กลับชอบเจ้าก้อนเขียวๆมากที่สุด ทุกวันนี้เลยยังใช้สบู่นกแก้วก้อนเขียวอยู่
เจ้าก้อนเขียว ให้ความรู้สึกดีเมื่อได้ฟอกตัว
..ทำให้ คิดถึงวัยเยาว์
..ทำให้ คิดถึงพ่อแม่
..ทำให้ คิดถึงความสุข
ใช้แล้วจะรู้ว่าเจ้าสบู่ก้อนหอมๆนกแก้วนั้น มันมีเสน่ห์ในกลิ่น ในตัวสบู่ ซื้อมาสักก้อนใช้นานเลยเชียว เหมาะกับเศรษฐกิจแบบนี้อยู่นะ แฮร่..😊🤗
มิได้มารีวิวสบู่นกแก้ว ไม่ได้มาโฆษณาขายสบู่นกแก้ว แต่เพราะเป็นสบู่ที่ใช้มาตั้งแต่เด็กจนตอนนี้เป็นสาว(ใหญ่)แล้ว
จบเรื่องราวของสบู่ในตำนาน สบู่ในความทรงจำ สบู่นกแก้ว
ขอบคุณที่อ่านค่ะ
สุขตลอดทั้งวันนะคะ
😊😊😊🙏🙏🙏
ขอบคุณข้อมูลจาก
โฆษณา